ความประทับใจของผู้ป่วย

เมื่อ PRP ทำให้ชีวิตดีขึ้น "ความประทับใจจากคนไข้ที่ได้ฉีด PRP เพื่อรักษาข้อเข่า"

เมื่อ PRP ทำให้ชีวิตดีขึ้น "ความประทับใจจากคนไข้ที่ได้ฉีด PRP เพื่อรักษาข้อเข่า"             ผมเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลวิภาวดี 30 กว่าปีมาแล้วครับ ผมเป็นข้าราชการเกษียณอายุตอนนี้ 76 ปีแล้ว ก็เดิมทีผมเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย ฟิตเนส วิ่ง ใช้ขา ใช้เข่าอะไรต่ออะไรค่อนข้างเยอะ สมัยหนึ่งผมวิ่งแต่ละวันประมาณ 7-8 กิโลเมตร เกือบทุกวันเป็นเวลากว่า 10 ปีเลยคิดว่าไม่ค่อยเป็นอะไร แต่ 10 ปีให้หลังมา รู้สึกน้ำหนักตัวเพิ่มแต่ก็ยังวิ่งอยู่นะครับ ก็เล่นกีฬา เล่นกอล์อฟ ฟิตเนส ว่ายน้ำบ้างก็ไม่เป็นอะไร แต่ว่าอยู่ ๆ มาวันนึง ผมกำลังทำงานอยู่ งานก็ไม่หนักอะไร อยู่ๆ เดินก็เจ็บขาด้านซ้าย เจ็บตรงเข่า ปวดแปล๊บ ก้าวขาไม่ได้ แล้วก็หมดแรงไปเลย ทำอะไรไม่ได้เลยต้องนั่ง ใช้รถเข็น ก็ไปหาแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ (Orthopaedics) ส่ง X-Ray เข่า ทำ MRI เข่า ก็สรุปว่า พบเข่าเสื่อม ที่เรียกว่าพวกเส้นเอ็น (Ligament) รอบ ๆ ข้อเข่ามีปัญหา แต่ว่าช่องระหว่างเข่ายังดีอยู่ ก็คล้ายๆ ว่าจะเป็นอาการเริ่มต้นของคนเป็นโรคเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ หรือที่เรียกว่า Knee Osteoarthritis ซึ่งปกติเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุมีทุกคนแล้วแต่ช่วงวัย แล้วแต่ไลท์สไตส์ของแต่ละคน บางคนก็เริ่มตั้งแต่อายุ 50 เลยก็มี เป็นๆ หายๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็น มารู้ผมก็มีอาการแล้วคือ “เรื่องนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนของร่างกายบอกว่า คุณใช้เข่ามากไปแล้ว” มันก็เลยทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอักเสบขึ้นมา แปลว่าเราต้องหยุด Activity ที่เราเคยทำอยู่ ตอนนั้นผมทรมานอยู่ เดินไม่ได้ต้องใช้ไม้เท้า ไม้เท้าคล้ายๆ Walker ถึงจะไปได้ นั่งเก้าอี้รถวีลแชร์ เป็นส่วนที่ทำให้เราคิดว่าเราเคยมี Activity ที่ดีๆ บัดนี้ Activity เหล่านี้ถูก Limit ด้วยการเจ็บเข่า เจ็บข้างเดียว หากมีการใช้งานซ้ำ ๆ             ผมก็มีเพื่อนหลายคนเล่นกอล์ฟ แล้วก็เจ็บขาซ้ายเหมือนกับผมเลย ไปถามดูได้ 4 คน ผมเลยคิดว่าเกิดจากการสวิงกอล์ฟเล่นกอล์ฟหรือเปล่า ผมเองเล่นกอล์ฟมาประมาณ 20 ปีแล้ว มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ ก็ไม่รู้ สรุปคือตอนที่ผมปวดมากๆ หมอให้กินยาทุกชนิดหลายประเภท กินยาตามแพทย์สั่ง ยาบางอันกินแค่ไม่เกิน 5 วัน วันแรกกินรู้สึกว่าทุเลาขึ้น แต่ว่ายังเดินลำบากอยู่ ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่ปวด แต่ปวดตอนเดินตอนลุก จนกระทั่ง 1 สัปดาห์ผ่านไป ผมไปบอกหมอไม่ไหวหรอก “ยังเจ็บอยู่” ผมสามารถชี้ได้ว่าเจ็บตรงไหน คือตรงนั้นเป็นจุดของทางแพทย์เรียกว่าเป็นการอักเสบของเอ็น คล้ายเป็นถุงหล่อลื่นระหว่างกระดูกกับเส้นเอ็น อักเสบ แพทย์แนะนำว่าลองฉีดสเตียรอยด์ไหม ผมบอกว่าเอาเลยทำเลย พอฉีดเสร็จประมาณไม่เกิน 6 ชั่วโมงหายเป็นปลิดทิ้งเลย แต่หลังจากนั้นไปสัก 2-3 วันกลับมาใหม่ก็ยังปวดอยู่ยังไม่หาย ก็เลยคิดว่าไปถามอาจารย์แพทย์ มีวิธีการอื่นอีกไหมในการรักษาเข่าเสื่อมมีอาการอักเสบของเอ็น ๆผมอักเสบจนกระทั่งรู้สึกเข่าบวมมีน้ำ เรารู้สึกว่ามีน้ำบวมอยู่ที่ข้อเข่า ผมไปตรวจร่างกายเพิ่มเติมดูว่าผมเป็นโรครูมาตอยด์ เป็นโรคเก๊าท์หรือไม่ ซึ่งผมตรวจหมดแล้ว ผมก็ไม่เป็นยังไม่มีโรคเหล่านี้ ก็สรุปว่าเป็นความเสื่อมของเอ็นรอบๆ เข่า วิธีแก้ แพทย์แนะนำการออกกำลังกายในน้ำ เพื่อลดการกระแทก ผมก็ทำไป และทำการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรง บางวันรู้สึกว่าอยากหายเร็ว ก็ออกกำลังกายหนักเกินไป จึงปวดขึ้นมาอีก “จนกระทั้งแพทย์ที่ รพ.วิภาวดีแนะนำว่ายังมีอีกวิธีที่ค่อนข้างใหม่แต่ไม่ใหม่เอี่ยม ใช้กันมา 5-6 ปีแล้ว เป็นวิธีการที่เรียกว่า การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น PRP ย่อมาจากคำว่า Platelet-Rich Plasma”  ทำที่ รพ.วิภาวดีมาหลายปี มีแพทย์ มีเครื่องมืออุปกรณ์พร้อม วิธีการก็คือ โดยการเจาะเลือดปริมาณ 10-20 CC นำเลือดไปปั่นด้วยความเร็วที่เหมาะสม ทำให้พลาสมาและเกล็ดเลือด แยกตัวออกจากเม็ดเลือด เป็นการนำพลาสมาที่เต็มไปด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น และ Growth Factors มีสเต็มเซลล์ที่มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อหลายชนิด สุดท้ายได้เกล็ดเลือดเข้มข้นประมาณสัก 3 CC แล้วนำไปฉีดที่เข่าจุดที่มีอาการโดยไม่มีผลข้างเคียง และไม่เกิดอาการแพ้ เนื่องจากนำเลือดจากผู้ป่วยเองมาปั่น รักษา PRP นอกจากใช้รักษาความเสื่อมของเข่าแล้ว ยังนำไปรักษาเสริมความงามได้ด้วย เช่น  ฉีดหน้า ฉีดหนังศีรษะเพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ เป็นการรักษาอย่างหนึ่ง มีคนไข้กลุ่มหนึ่งรักษาด้วย PRP  ได้ผล บางคนฉีดครั้งเดียว หรือ 2 ครั้ง ห่างกัน 4 สัปดาห์ ฉีด 2 ครั้งบ้างก็หายไปเลย ผลการรักษาสามารถลดอาการปวดขึ้นอยู่กับความรุนแรงและพยาธิสภาพของคนไข้แต่ละคน  ซึ่งการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นนี้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ตรวจ ที่จะดูว่าอาการดีขึ้นไหมก็บอกได้ แต่ว่าเขาไม่ได้พูดว่าฉีด PRP แล้วหายเลย ถ้าหายเลยต้องไปฉีดเตรียลอยด์ แต่ถ้าฉีดบ่อยๆ แล้วเอ็นจะพังเปื่อยยุ่ยไปและจะขาดได้ แต่ PRP เหมือนการไปเสริมสร้างการรักษาตัวเองด้วยตัวเอง อันตรายที่เกิดจาก PRP เกือบจะไม่มี เพราะเป็นเกล็ดเลือดของเราเอง ไม่ได้เอามาจากคนอื่น ทำปุ๊บฉีดปั๊บเลย ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จ ไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย หลังฉีดจะประคบเย็น ไม่มีความรู้สึกเลยครับว่าเจ็บปวด เพราะแพทย์ที่ทำเป็นผู้เชี่ยวชาญรู้วิธีการว่าจะทำอะไรขั้นตอนอย่างไรหลังจากทำ PRP ผ่านมาได้ 1 เดือน ผมว่าผมเกือบหายดีแล้ว คือแต่ก่อนผมก็ยังใช้ไม้เท้า หลังๆ ผมก็เดินได้ แต่ว่าผมก็ไม่กล้าไปลงน้ำหนักที่เข่าซ้ายสักเท่าไหร่ กลัวกลับมาเป็นแบบเดิม จริงๆ เดินแบบตรงๆ คงจะได้อีก แต่แพทย์ก็ตรวจแล้ว ผ่านมาเดือนแล้วเข่าไม่มีบวมแล้วหายเป็นปกติแล้ว แต่จะเอาอีกทีไหม ฉีด PRP อีกครั้งไหม และผมก็ฉีดรอบที่สองมา 3 วันแล้ว การฉีดระยะห่างโดยมากประมาณ 3 สัปดาห์ขึ้นไป บางคนก็ฉีดประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ไม่ได้ฉีดไปตลอดหรอก แล้วแต่คนไข้ ขณะเดียวกันก็ทานยาที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางเข่าดีขึ้น เช่น กลูโคซามีนซัลเฟต (Glucosamine Sulphate) อะไรพวกนี้ ถือว่าใครว่าอะไรดีก็เอาทั้งนั้นไม่เป็นอันตรายต่อตัวเรา แล้วก็ผ่านมาจนปัจจุบัน 2 เดือนพอดี อาการดีขึ้นประมาณสัก 90 % แต่ว่าในขณะนั้นผมก็ต้องไปทำพวก Exercise ไปทำเอง เพื่อให้ขามีกำลังของกล้ามเนื้อเพื่อจะพยุงเข่า พร้อมกันนั้นต้องลดน้ำหนักลงไปพอสมควร เพื่อให้เข้าเรื่องเข้าราวกันไป มีออกกำลังกายเบาๆ เช่น ปั่นจักรยานแบบเบาๆ 15 นาที  ว่ายน้ำ 30 นาที บริหารเข่า ใน Fitness Center มีอุปกรณ์ครบ             การตีกอล์ฟประมาณ 2 เดือนน่าจะตีได้ แต่ตอนนี้ไม่ตีหยุดไปก่อน คือถ้าเราลงน้ำหนักเข่าข้างซ้ายได้ก็จะสามารถตีได้ เดินได้ แต่ความกลัวของผมเองคราวนั้นอยู่ๆ ก็เป็นคือเราไม่รู้ว่าจะเป็น ไปทำอะไรไม่ได้มีล้ม ไม่มีอาการเตือนมาก่อนเลย แต่มีอาการเตือนที่ผมคิดเอาเองคือ ปกติที่เรานั่งกับพื้นเหยียดเท้าออกไป เราต้องลุกด้วยเข่าของเราได้แต่ลุกไม่ได้ นั่นแปลว่ากล้ามเนื้อขาไม่ค่อยมีแรง เพราะฉะนั้นต้องไปทำให้กล้ามเนื้อขามีแรงขึ้นมาต้องใช้เวลาถึงจะพยุงเข่าได้ ซึ่งสาเหตุ คือ มีอายุมาก น้ำหนักมากขึ้น การใช้งานเข่าเยอะ เข่าเสื่อมก็ตามมา เรื่องของคนชราครับ ผมขึ้นบันได ขึ้นลงไม่ใช่ชั้นเดียว 2-3 ชั้น บ่อยๆ ตอนหลังก็ไม่เอาแล้วพวกนี้ก็หลีกเลี่ยง             ก่อนฉีด Platelet-Rich Plasma อาจมีข้อห้ามหรือการเตรียมตัวเป็นพิเศษ เช่น บางคนต้องทานยาพวกทำให้เกร็ดเลือดไม่แข็งตัว คือเป็นคนที่เข่าเสื่อมแบบถาวรไม่ได้ผลแน่นอน อาจจะดู X-Ray แบบนี้ไม่มีปัญหา ผ่าตัดเปลี่ยนเข่า ต้องทำในคนที่ค่อนข้างแข็งแรงอยู่ไม่มีโรคแทรกซ้อนอยู่เยอะ อาจจะเป็นเบาหวานเล็กๆ น้อย ๆ ความดันควบคุมได้ถึงไม่มีปัญหาในการทำ ทำได้อีกอย่างเข่าต้องไม่เสื่อมมาก การดูเข่าไม่เสื่อมมากดูจากภาพ X-Ray ก็บอกได้ แต่ถ้าเสื่อมพวกมีพังผืด หรือเอ็นอักเสบที่อยู่รอบๆ เข่า เป็นตามอายุอันนี้จะได้ผลมากกว่า เพราะฉะนั้น PRP รักษาพวกเข่าการอักเสบของเส้นเอ็นต่างๆ ทำได้หมด บางคนไหล่อักเสบที่สามารถชี้จุดได้แทนที่จะฉีดสเตียรอยด์ก็เลือกฉีด PRP แทน ก็มีฉีดกันหลายคน             เจาะเลือดแต่ละครั้ง 20 CC เท่านั้นนำไปปั่น ที่จะฉีดได้ประมาณ 3 CC ฉีดได้ครั้งเดียว ตอนที่ฉีด ไม่ต้องฉีดยาชา การฉีดคล้ายการฉีดยาหรือฉีดวัคซีน จะฉีดเข้าไปในเข่าตรงบริเวณที่เจ็บของเข่าจุดที่มีอาการ คนที่เป็นเอ็นอักเสบฉีดแล้วไม่ได้หายทันที ก็รอเวลาสัก 1 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยตัวเราเองจะรู้ว่าดีขึ้น ฉีดได้หลายครั้งแล้วแต่เรา ผมก็ลองอีกครั้งดู ฉีดไปแล้วทั้งหมด 2 ครั้งอย่างที่บอกข้างต้น ตอนนี้ดีขึ้น 90% เพราะฉะนั้น PRP ใช้หลายรูปแบบทั้งนี้พูดถึงเรื่องการรักษา แต่อาจใช้ในการป้องกันก็มี เช่น Anti-Aging ศาสตร์แห่งการชะลอวัย คนที่ใช้เข่าเยอะ อายุที่มากขึ้น มีการฉีดเป็นการช่วยชะลอวัยมีการทำอยู่ คลินิกเสริมความงามมีการฉีดให้กระชับผิวให้ดูเต่งตึงสดใสทำนองนี้ แม้กระทั่งผมร่วงหรือปลูกผมฉีดใต้หนังศีรษะปัจจุบันก็มีทำ             เข่าข้างขวาของผมตอนนี้ยังไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ผมกลัวจะมีในอนาคตเพราะตอนนี้ผมใช้ขาขวาแทนขาซ้าย แต่ผมมีวางแผนที่จะแบ่งน้ำหนักให้พอดีกัน ก่อนหน้านี้มีการตีกอล์ฟคนตีจะรู้เลยว่าวงสวิงจะต้องใช้ขาซ้ายยัน ทุกคนจะรู้ ถ้าทำเป็น 10 – 20 ปี ก็มีโอกาส เพราะเพื่อนๆ ก็เป็นกันหลายคนคล้ายๆ แบบนี้ มีข้อคิดแนะนำสำหรับคนชอบออกกำลังกายให้ระวังเรื่องเข่า ง่ายๆ เลยเราต้องรู้ตัวเราเองว่า เรามีไลท์สไตล์แบบไหน ดูอายุ เพราะว่าเคยเห็นคนที่วิ่งมาตลอด พออายุ 70 กว่าปี เข่าเสียเยอะ และสุดท้ายต้องผ่าตัดเปลี่ยนเข่าแต่วิธีการปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากเย็น หลังทำสามารถดำรงชีวิตเหมือนเดิมได้ แต่ว่าเข่าที่เปลี่ยนไปแล้วจะดำรงชีวิตประมาณ 10 ปี บางทีก็ต้องไปผ่าตัดเปลี่ยนใหม่อีก สุดท้ายอยากแนะนำให้ดูแลสุขภาพตนเอง โดย ต้องมีการควบคุมน้ำหนัก ควบคุม Activity ที่เกี่ยวกับการใช้เข่า การออกกำลังกายที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อขา ให้เกิดความแข็งแรง หรือทำสควอช (Squat) ถ้าทำบ่อยออกกำลังขาบ่อยๆ ตื่นมาต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ ต้องให้แพทย์แนะนำหรือปรึกษานักกายภาพ ในการออกกำกายที่เหมาะสมเพื่อสร้างกล้ามเนื้อเข่าให้แข็งแรง

พยาบาลช่วยเหลือเหตุการณ์เด็กชักบนเครื่องบิน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น            ขณะที่คุณพัณณิตา รินนรา พยาบาลวิชาชีพประจำแผนกอายุรกรรมโรคหัวใจ เดินทางกลับจากจังหวัดขอนแก่น เที่ยวบิน flight Air Asia FD3257 หลังจากที่เครื่องบินขึ้นได้สักครู่ ก็ได้ยินเสียงประกาศขอความช่วยเหลือจากบุคลากรการแพทย์ พบเหตุ ผู้ป่วย เด็กชายวัยประมาณ3 - 4 ขวบ ชักจากไข้สูง แพทย์ 3 ท่าน ดิฉันและบุคลากรอีก 1 ท่าน ได้ตรงไปช่วยเหลือ ดูแลเด็ก แพทย์ 1 ท่าน ได้นั่งประกบผู้ป่วยกับคุณแม่เพื่อเปิดทางเดินหายใจ ดิฉันและพี่บุคลากรได้ให้การเหลือในการช่วยให้ออกซิเจน จัดท่าผู้ป่วยขณะชัก พร้อมทั้งจัดเตรียมหาอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์กับลูกเรือโดยสารของเครื่องบิน ประมาณ 5 นาที ผู้ป่วยหยุดชักและเดินทางสู่ท่าอากาศยานดอนเมืองปลอดภัย พร้อมรถพยาบาลรับจากไฟล์ทบินนำส่งโรงพยาบาล ความรู้สึกที่ได้ช่วยเหลือเหตุการณ์ดังกล่าว           ความรู้สึกตอนได้ยินเสียงประกาศ ตื่นเต้น ตกใจ เพราะกลัวความสูงไม่เคยเดินบนเครื่องบินขณะบิน แต่ด้วยสัญชาตญาณในวิชาชีพจึงได้รีบไปให้การช่วยเหลือ รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ได้ช่วยเหลือผู้คน สังคม จากการทำงานแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินมาก่อน ทำให้มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินได้ และภูมิใจในเกียรติวิชาชีพพยาบาลไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ภายนอกหรือภายในเครื่องแบบย่อมต้องมีจิตใจในการดูแลช่วยเหลือ     

ความประทับใจจากรุ่นแม่ถึงรุ่นลูก

ความประทับใจจากรุ่นแม่ถึงรุ่นลูก          ก่อนที่จะเลือกฝากครรภ์กับทางรพ.วิภาวดี ตอนแรกก็มี 2 choice ในใจเป็นรพ.เอกชนทั้งคู่ ที่แรกเนื่องจากใกล้บ้านและใหม่ แต่รู้สึกว่าคุณหมอยังไม่ชำนาญหรือยังไม่คลิ๊กกับคุณหมอ และเมื่อไปตรวจตอนประมาณ 4 week กลับยังไม่รู้ว่าท้องจริงหรือท้องลม จึงทำให้เป็นจุดเปลี่ยนใจเลือกที่จะเปลี่ยนรพ. ได้ปรึกษาคุณแม่ ท่านแนะนำคุณหมอสุนีย์ ศักดิ์ศรี เป็นคุณหมอสูติที่รพ.วิภาวดี คุณแม่บอกท่านเก่ง ดูแลดี คุณแม่ท้องก็ฝากครรภ์กับคุณหมอท่านนี้  ตอนนั้นคุณแม่ก็มี Accident มีภาวะเสี่ยงแท้งทั้งตอนที่ท้อง 3 (พี่สาว) และท้อง 4 ที่เป็นเรา ก็ได้คุณหมอสุนีย์คอยดูแลเป็นอย่างดี จนทำให้มีพี่สาวและเราออกมาได้ เลยตัดสินใจมาฝากครรภ์กับท่าน เพราะตอนที่เราเกิดก็เป็นคุณหมอสุนีย์ที่ดูแลและทำคลอดเราออกมา และเมื่อมาหาคุณหมอตรวจปุ๊บก็เจอเลยว่าท้อง แบบจิ้มปุ๊บเจอปั๊บเลย ก็เลยรู้สึกว่ามาฝากครรภ์ที่นี่ดีกว่า เพราะคุณแม่ก็เชียร์อยู่ และที่รพ.วิภาวดีค่อนข้างครบครัน มีคุณหมอที่เก่ง และมีพยาบาลที่คอยดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ที่มาฝากครรภ์จนถึงวันคลอด และถ้ามีเหตุ Accident ก็สามารถที่จะโทรปรึกษาได้เลย ทำให้รู้สึกดีมากๆ เลยวางใจตลอดการตั้งครรภ์ และก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ขอบคุณคุณหมอและรพ.วิภาวดี ที่ดูแลครอบครัวเรา

"หลังทำเยี่ยมมากเลยค่ะ แก้ได้ทั้งสายตาสั่นและสายตายาว" ความประทับใจจากการทำ ICL ที่ ศูนย์เลสิค โรงพยาบาลวิภาวดี Advanced Lasik Center

ขอขอบคุณรีวิวจากคุณสาวิตรี และยินดีกับดวงตาคู่ใหม่ด้วย โลกสดใสไร้แว่นไร้คอนแทคเลนส์ 

“ช่วงเวลาแห่ง...ความสุข” เมื่อวรวุฒิ ศรีสุภา ผู้รักษาประตูทีมการท่าเรือ ได้ลูกคนแรก

“ช่วงเวลาแห่ง...ความสุข” เมื่อวรวุฒิ ศรีสุภา ผู้รักษาประตูทีมการท่าเรือ ได้ลูกคนแรก            ตอนแรกที่รู้ว่าท้องเพื่อนก็แนะนำมาค่ะ เพื่อนบอกต้องที่รพ.วิภาวดีและคุณหมอกฤษณีท่านนี้เลย พอได้มาพบคุณหมอไม่ผิดหวังเลยค่ะ ตอนแรกไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ จะมีแค่อาการคลื่นไส้ เหม็นน้ำหอม เหม็นทุกอย่าง อาหารก็กินยาก แต่น้ำหนักขึ้นอยู่ค่ะ เพราะพยายามกิน พยายามดูแลตัวเองให้ดี โดยในแต่ละวันจะทานประมาณ 6-8 มื้อ แต่กินได้ทีละนิด การเตรียมตัวคงต้องบอกว่าก็พยายามเข้าร่วมทุกกิจกรรมที่มีและดูข้อมูลในInternet ไปซื้อของน้องทุกอย่างเลย และทำตามคำแนะนำของแพทย์ตลอด ความรู้สึกตอนท้อง ช่วงแรกยังไม่แตกต่างมาก พอรู้สึกว่าน้องเริ่มดิ้นได้แล้วก็จะรู้สึกเริ่มต่างแหละ ตื่นเต้นมากค่ะลุ้นไปหมด หลังคลอดเอาจริงๆที่แผลไม่ค่อยเจ็บมากเท่าไร แต่ว่าแค่เหมือนตรงมดลูกจะมีจี๊ดๆหน่อยเวลาเดิน เวลาลุก แต่ถ้าเดินไปสักพักหนึ่งก็จะเดินได้ แต่ถ้ากับมานั่งหรือนอนสักพักหนึ่งและลุกขึ้นไปเดินใหม่ก็จะหน่วงๆหน่อยแค่นั้นเอง ตอนแรกที่ได้เห็นลูกน่ารักค่ะ แต่ก็เหมือนแบบยังงงๆอยู่ว่า เอ๊ะใครอ่ะ เหมือนเรายังไม่เคยเห็น ยังไม่คุ้นพอสักพักหนึ่ง เราเริ่มคุ้นกันก็น่ารักดีนะลูกเรา รพ.วิภาวดีเป็นรพ.ที่ดีพยาบาลทุกคนดูแลดีมากรวมถึงคุณหมอน่ารักมากให้ข้อมูลดี แนะนำดี ใส่ใจ คือทุกเดือนช่วงที่มาฝากครรภ์คุณหมอจะลงรายละเอียดให้ตลอด คืออยากรู้อะไรก็สามารถที่จะสอบถามได้ตลอด มีปัญหาอะไรคุณหมอก็พยายามที่จะแนะนำทุกข้อและปรับแก้ไขให้เราตลอด แนะนำคุณแม่คนใหม่ทุกคนนะคะ ไม่ต้องกลัวการตั้งครรภ์เลยค่ะ ถ้าเทียบกับลูกน้อยที่รอคอย เพราะตลอดการตั้งครรภ์และฝากท้องที่รพ.ทุกเดือนที่ต้องมาหาหมอมันมีความสุข จดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากถาม อยากรู้ ซึ่งคุณหมอจะตอบและลงรายละเอียดให้ได้ทราบมากกว่าคำถามที่เตรียมมา และพี่ๆพยาบาลที่แผนกสูติ-นรีเวช เป็นที่ปรึกษาระดับแรกเลย ให้คำตอบที่ดีมาก สรุปทุกอย่างดีมากเลยค่ะ ประทับใจมาก และขอขอบคุณรพ.วิภาวดีที่ช่วยดูแลมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงคลอดน้องออกมา

คุณรัตนัย ส่องแสงจันทร์ นักฟุตบอลทีมการท่าเรือ เอฟซี มาเล่าช่วงความรู้สึกให้ฟัง อีก 1 ท่าน ที่เกิดอุบัติเหตุขณะซ้อมฟุตบอล โหนกแก้มแตก

คุณรัตนัย  ส่องแสงจันทร์ นักฟุตบอลทีมการท่าเรือ เอฟซี  มาเล่าช่วงความรู้สึกให้ฟัง  อีก 1 ท่าน ที่เกิดอุบัติเหตุขณะซ้อมฟุตบอล โหนกแก้มแตก               ผมเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ขณะซ้อมได้ออกไปล้มตัวลงปัดบอล และมีผู้เล่นเตะบอลเข้าที่ใบหน้า ส่งผลให้โหนกแก้มแตก ตาบวมทันทีและลืมตาไม่ขึ้น มีแผลแตกต้องเย็บบนใบหน้า ความรู้สึกเหมือนตาที่ประสบอุบัติเหตุจะมองไม่ค่อยเห็น คุณหมอวินิจฉัยว่ากระดูกใต้ตาแตกหักต้องผ่าตัดโดยจะใส่ไทเทเเนียมเข้าไปแทน หากไม่ผ่าจะมีผลกระทบตามมาซึ่งเป็นผลไม่ดี ตอนนั้นคุณหมอแจ้งว่าบริเวณที่จะทำการผ่าตัดห่างจากจอประสาทตาเพียงแค่ 1 ซม. ความรู้สึกแรกกังวลกลัวว่าจะตาบอด หรือการมองเห็นไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ กลัวว่าจะกลับไปเล่นฟุตบอลเหมือนเดิมไม่ได้ครับ ช่วงแรกที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีก็โล่งใจว่าตาไม่บอดแล้ว การมองเห็นในช่วงหลังการผ่าตัดแรกๆจะมีอาการมองเห็นภาพซ้อน มองไม่ค่อยชัดและมีอาการเวียนหัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะเริ่มปรับตัวหลังจากผ่าตัดการมองเห็นเริ่มดีขึ้น กลับไปเล่นกีฬาได้ เพียงแค่ต้องระวังให้มากยิ่งขึ้น และในส่วนของแผลเป็นที่คุณหมอทำการผ่าตัดให้แทบจะมองไม่เห็นเลยครับ ดีใจมาก ดวงตาเป็นส่วนที่สำคัญกับร่างกายและการดำเนินชีวิตมาก ควรระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่บริเวณดวงตา และหากเกิดอุบัติเหตุจริง แนะนำให้ตั้งสติและรีบเข้ารับการรักษากับหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อย่างผมที่โชคดีเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลวิภาวดี หมอเก่งมาก ผมต้องขอบคุณท่านมากๆ เลยครับ รู้สึกประทับใจตลอดการรักษาเลยครับ การดูแลของคุณหมอทั้งสามท่านคุณหมอนราธิปในส่วนของการศัลยกรรมที่ผ่านไปได้ด้วยดีและแผลเป็นก็แทบมองไม่ออกว่าผ่าตัดมา คุณหมอระวีในส่วนของเฉพาะดวงตาคุณหมอดูแลในเรื่องของดวงตาให้ผมเป็นอย่างดี และคุณหมอปองหทัยดูแลในเรื่องของโพรงจมูก ดีมาก ทั้งพยาบาลก็ดูแลดีเช่นกัน ในการมารักษาครั้งนี้ทุกส่วนดูแลดีมากๆประทับใจมากครับ ดูรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยครับ

" เมื่อนักเตะคนโปรดคุณกานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ เจออุบัติเหตุในการแข่งขัน ดั้งจมูกหัก มาบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่เริ่มจนถึงหายดี แล้วทำไมถึงดูไม่ออกว่าดั้งจมูกหัก "

" เมื่อนักเตะคนโปรดคุณกานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ เจออุบัติเหตุในการแข่งขัน ดั้งจมูกหัก มาบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่เริ่มจนถึงหายดี แล้วทำไมถึงดูไม่ออกว่าดั้งจมูกหัก "           วันที่ 2 ต.ค. 64 มีการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 การท่าเรือ เอฟซี พบ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในจังหวะนั้นได้มีการขึ้นโหม่งของผมและผู้เล่นของเมืองทอง ทำให้ศีรษะของผู้เล่นทีมเมืองทองได้กระแทกมาที่จมูกของผม หลังจากนั้นก็ล้มลงและมีเลือดไหลบริเวณจมูก อาการในตอนที่ล้มลงก็คือ รู้สึกชา ยังไม่เจ็บเท่าไร แต่รู้ว่ามีเลือดไหลออกมาเยอะมาก ลืมตาไม่ขึ้นเพราะเลือดไหลเข้าตา แต่พอสักพักเริ่มรู้สึกปวดบริเวณที่โดนกระแทกมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกแรกที่หมอวินิจฉัยก็แอบตกใจว่าเป็นเยอะเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ได้กังวลมาก เพราะทำใจมาบ้างแล้วว่าจมูกหัก ที่กังวลตอนแรกก็คือกลัวเรื่องสมองกับตาจะได้รับผลกระทบ พอหมอวินิจฉัยว่ามีแค่ส่วนจมูกที่ได้รับบาดเจ็บและมีแผลฉีกไปถึงหน้าผากนิดนึงก็รู้สึกโอเคขึ้น หลังผ่าตัดรู้สึกดีขึ้นมาก เพราะหมอแจ้งว่าการผ่าตัดเป็นไปด้วยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อยากให้ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุลักษณะนี้ไม่ต้องกังวลจะรักษาที่ไหนก็ตาม ขอให้เชื่อมั่นในการรักษาของหมอนะครับและควรเป็นหมอเฉพาะทางด้วยจะดีที่สุดครับ ผมโชคดีที่ได้มาที่โรงพยาบาลวิภาวดี เพราะมีทีมแพทย์ที่เก่ง รักษาได้รวดเร็วและมีผลลัพธ์ที่ดี ประทับใจในการดูแลของคุณหมอที่ให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังผ่าตัด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่กังวลกับการรักษา หมอเย็บแผลได้สวยมาก และทีมแพทย์ที่ดูแลตลอดการพักฟื้นที่โรงพยาบาลวิภาวดีดูแลเป็นอย่างดี ขอบคุณครับ 

โรคงูสวัด 【แชร์ประสบการณ์จริง】อันตรายมากในผู้สูงอายุ: อาการยังไง & รักษาวิธีไหน

โรคงูสวัด ในช่วงนี้ มีการระบาดในกลุ่มผู้สูงอายุอยู่นะคะ ทุกคนอย่าประมาท ทีมงานสื่อสารองค์กร ขอสัมภาษณ์ดิฉัน เพราะคุณแม่เป็นโรคงูสวัดบนใบหน้า และเข้าถึงตาซ้าย ซึ่งอันตรายมาก แต่ดิฉันขอขียนเรื่องเอง เพราะต้องการบันทึกเรื่องราว เก็บไว้เอง เนื่องจากเป็นคนชอบเขียน คุณแม่ดิฉัน เป็นโรคงูสวัดค่ะ บริเวณที่เป็น คือ โซน B1 ใบหน้าซีกซ้ายบน เป็นครั้งหนึ่งที่คุณแม่ป่วย แล้วลูกๆ รู้สึกผิดมากมาย..... ดิฉันจะเล่าให้ฟังค่ะ เย็นวันจันทร์ที่ 15 กพ. พี่สาว โทรมาบอกว่า แม่มีอาการตาแดง ดิฉันขอให้ถ่ายรูปให้ดูพบว่า ตาแดงจริง แต่ไม่มาก จึงส่งรูปต่อไปยังคุณหมอโรคหัวใจที่รู้จักกัน ถามว่า ตาแดงระดับนี้ ควรงดยาละลายลิ่มเลือดไหม (กลัวเลือดจะออกในลูกตามากขึ้น) คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องงด ดิฉันตั้งใจว่า พรุ่งนี้เช้า ถ้าไม่ดีขึ้น จะให้พี่สาวพามาหาหมอตา แต่ช่วงที่โทรคุยกับพี่สาวนั้น แม่แย่งโทรศัพท์มาพูดกับดิฉันว่า “ทำไมแม่ปวดหัว” ดิฉันก็บอกว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ คงมาจากปวดตานั่นแหละ กินพาราไปเม็ดนึงละกัน” – แต่ก็ทราบจากพี่สาวต่อมาว่า แม่ไม่ได้กินยา เช้า อังคาร ที่ 16 กพ. อาการตาแดง ของแม่เป็นมากขึ้น พี่สาวจึงพามาหาหมอตาที่รพ.วิภาวดี หมอวินิจฉัยว่า เปลือกตาอักเสบมาก ผิวเปลือกตาที่อักเสบ เป็นขรุขระ ครูดกระจกตาเป็นรอย .... แค่นี้ดิฉันก็ใจแป้วแล้ว แม่คงเจ็บตามาก แต่หมอตาก็เอะใจ พยายามหาเม็ดและผื่น บริเวณใบหน้า ว่ามีบ้างไหม ก็ไม่มี ... ตลอดเวลา ที่อยู่ รพ. และอยู่กับหมอ แม่บ่นว่า ..ปวดหัว.... หมอตานัดแม่ วันรุ่งขึ้นเลย เพื่อติดตาม กระจกตา  และดูเชื้อในตา ว่าเป็นไวรัส หรือแบคทีเรีย กลับบ้าน แม่ยังคงบ่นปวดหัว คราวนี้ดิฉันให้กินพาราอีก แม่ก็กินไป 1 เม็ด เช้า พุธที่ 17 กพ. พาแม่หาหมอตา ดูกระจกตา พบว่า ยังไม่ดีขึ้น หมอกลัวจะเป็นโรคอื่นแล้ว เช่น เริม ดูเม็ดต่างๆ ตามใบหน้า (โดยเฉพาะซีกซ้าย) ก็ไม่พบ ...และ แม่ก็บ่นปวดหัวตลอด หมอตานัดอีก วันรุ่งขึ้นเพื่อติดตาม เช้ามืด พฤหัสที่ 18 กพ. พี่สาวส่งรูปใบหน้าแม่ ที่มีตุ่มใสๆขึ้น และผื่นแดงขึ้นที่หน้า ซีกซ้าย ให้ดู ดิฉันใจหล่นไปกองข้างล่าง  มือไม้สั่น รีบอ่านเรื่อง เริมขึ้นที่ตา พบว่า อาการนำ คือปวดหัวมาก !! และถ้ามีปัญหาถึงกระจกตา อาจถึงขั้นทำลายกระจกตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ ครั้งนี้ ดิฉันนัด 3 หมอ หมอผิวหนัง (เรื่องเริม) หมอตา (เรื่องกระจกตา) และหมอระบบประสาทวิทยา (เรื่องปวดหัว) และรีบไปรับแม่มารพ. พอหมอผิวหนัง เห็นหน้าแม่เท่านั้น หมอบอกว่า เป็นงูสวัด (ไม่ใช่เริม) เพราะแนวที่ขึ้นเม็ดและผื่น เป็นตามแนวเส้นประสาทพอดีซึ่งเส้นประสาทบริเวณใบหน้าเรา จะน่าทึ่งมาก คือแบ่งกึ่งกลางใบหน้าพอดีเป๊ะ โซนที่เป็น เรียกว่า โซน B1 (เหมือนโซนที่จอดรถเลย) คือใบหน้าซีกซ้ายบน (ใบหน้าซีกซ้ายกลาง คือ B2 และใบหน้าซีกซ้ายล่าง คือ B3) และ แม่จะต้องเจ็บปวด ทรมานมาก หมอบอกว่า ... แม่อดทนมาก ดิฉันแทบร้องไห้เลยค่ะ คำว่าปวดหัว ปวดหัว ที่ได้ยินจากแม่มา 2-3 วัน ลูกๆ กลับคิดว่า เป็นอาการปวดหัวปกติ หรือปวดหัวอันเกิดจากตาอักเสบ พอพาไปหาหมอตาต่อ หมอตาให้ นอนรักษาที่รพ. เลยค่ะ (พญ.ผกานาฏ เอี่ยมตระกูล) เพราะการรักษางูสวัด ที่จะหายโดยเร็ว คือการให้ยาทางหลอดเลือดดำ และคุณแม่ก็อายุมากแล้ว ควรรีบรักษาโดยด่วน ซึ่งก็นับว่า อยู่ในระยะเวลาที่รู้โรค และรักษาได้เร็ว คุณหมอด้านระบบประสาทวิทยา (ที่ดิฉันก็นัด นพ.พงศกร ตนายะพงศ์)  ตามไปดูแม่ให้ บนห้องที่พัก บอกว่า อาการปวดหัวของแม่ ตรงไปตรงมามาก จากโรคที่เห็น (งูสวัด) ไม่ใช่โรคที่เกิดจากภายใน (หลอดเลือดสมอง)แต่อย่างใด แต่คุณหมอก็ตรวจสอบอาการทั้งหมดด้วย เมื่อพี่ๆ รู้โรคของแม่ ต่างไลน์สำนึกผิดกันในไลน์กลุ่มพี่น้อง เพราะแม่เอง ก็ Early Detect ตัวเอง ด้วยการบอกเรื่องปวดหัว ๆ มาโดยตลอด แม่นอนโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 18 – 22 กพ. ช่วงที่อยู่รพ.อาการของโรคงูสวัดดีขึ้นทุกวัน จากยาที่ได้รับทางหลอดเลือดดำ ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วง คือกระจกตา ที่มีความเสียหาย แต่ร่องรอยก็ดีขึ้นเป็นลำดับ คุณหมอทุกท่านแต่ละด้าน เอาใจใส่ดีมาก ขอบคุณ คุณหมอกิตติ ตระกูลรัตนาวงศ์ เป็นเจ้าของไข้ และคุณหมอที่ปรึกษาทุกท่าน ทั้งด้านโรคไต โรคผิวหนัง ที่ อดทนตอบคำถามของแม่(และลูกๆผู้สำนึกผิด) ส่วนพยาบาล ก็ต้องเข้าห้องคุณแม่บ่อยมาก เพราะต้องให้ยา และหยอดยาตา ทุก 4 ชม. น้องๆพยาบาล พยายามพูดคุย หยอกล้อกับคุณแม่ ให้คุณแม่คลายกังวล และลืมเรื่องปวดหัวไปได้มากดิฉันและพี่ๆ ขอขอบคุณ น้องพยาบาล Ward 8 V ทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้ด้วย ผลพวงที่ตามมา จากการได้รับยาหลายขนานในผู้สูงอายุ คือแม่จะง่วงนอนตลอดเวลา ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน บางทีก็ฝันว่าไปที่นู่นที่นี่ บางทีก็พนมมือสวดมนต์ปากขมุบขมิบ แม่ยังพูดคุยกับลูกรู้เรื่อง แต่สักพักก็ลืม พอกลับบ้าน ปัญหาใหญ่ที่พี่สาวต้องดูแล (เพราะแม่อยู่กับพี่สาว) คือแม่จะเบลอ เพราะยานี่แหละค่ะ แม่มักจะง่วงนอน จำอะไรไม่ค่อยได้ จนคุณหมอให้ลดยา หรือ เว้นทานยาบ้าง ถ้าแม่ไม่ร้องปวดหัว (หมอบอกว่า งูสวัดในผู้สูงอายุนี้ จะมีความเจ็บปวดอยู่นาน)  แม่จะเป็นปกติ สติสัมปชัญญะ คืนมา รับโทรศัพท์เองได้ ประชดประชันได้ ด่าสุนัขได้เหมือนเดิม ทุกวันนี้ พี่สาวบริหารยา โดยค่อยๆลดยา เกี่ยวกับโรคปวด ของงูสวัด ลงเรื่อยๆ ตามที่หมอบอก ส่วนหมอตา ยังคงเฝ้าติดตาม เรื่องกระจกตาทุกสัปดาห์ แม้ว่า กระจกตาที่เสียหาย จะค่อยๆสมานจากด้านลึกแล้ว แต่ตาด้านซ้ายแม่ ยังมองไม่ชัด ยังคงต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ผ่านไป แม้ว่าแม่จะค่อยๆ ฟื้นตัวแล้ว  แต่ความรู้สึกของดิฉันและพี่ๆ ยังติดตรึงกับการให้แม่ ต้องปวดหัว ทรมานอยู่ 3 วัน เพราะคิดว่าเป็นการปวดหัวธรรมดา ตอนนี้  คิดเพียงแค่ให้แม่ได้พบหมอคนไหน เวลาไหน ก็ได้ เพื่อให้แม่ ได้เป็นปกติ ในวัย 89 อย่างเร็วที่สุด สิ่งที่อยากบอกจากการถอดบทเรียนนี้ อาการนำของโรคงูสวัด อาจไม่ใช่เม็ดตุ่ม หรือผื่นแดงก่อนเสมอไป การที่ผู้สูงอายุ รีบบอกอาการที่เป็น มากกว่าเลือกที่จะอดทนและเงียบไว้  ถือเป็นเรื่องที่ดี และต้องหาหนทางค้นหาโรคให้ได้ อย่าได้เห็นการร้องขอความช่วยเหลือนั้น เป็นเรื่องปกติ ถ้ามีการบอกกันบ่อยๆ วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด เป็นเรื่องจำเป็นแล้วค่ะ ควรรีบฉีด ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพราะการกระตุ้นภูมิจะดีกว่า การฉีดในอายุที่มากกว่านี้ การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จะลดลงตามลำดับ การฉีดวัคซีน ไม่ได้ป้องกันโรค 100 %  คนที่ฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัด ยังมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดได้ แต่อาการจะไม่รุนแรง ผู้สูงอายุ ที่มีอาการเบลอ อย่าให้ท่าน จมอยู่ในอาการนั้น ต้องพูดคุยกับท่าน ตลอดเวลาที่ท่านรู้ตัว เพื่อให้สมองได้ทำงาน มีความคิด รู้การโต้ตอบ หมั่นถามคำถามง่ายๆ หมั่นคุยถึงคนโน้นคนนี้ ที่ท่านรู้จัก ชวนคุย เรื่องอาหาร เรื่องท่องเที่ยว ห้ามคุยเรื่องข่าว เรื่องเครียดต่างๆ โดยเด็ดขาดค่ะ เรื่องการพูดคุย โดยลูกหลานนี้ สำคัญมากๆนะคะ คุณหมอบอกเลยค่ะ ปูผัด (นามแฝง)

มหัศจรรย์แฝด 5 กับบทบาทคุณแม่..มือใหม่

         เนื่องจากวารสาร Vibhavadi.com ฉบับที่แล้ว  เราได้สัมภาษณ์  ครอบครัว  ศิริบัญชาวรรณ  ที่ประสบความสำเร็จได้ทารกแฝด  5 คน  (เด็กผู้ชาย 2 คนเด็กผู้หญิง 3 คน)จากการทำเด็ก-หลอดแก้ว ที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช รพ.วิภาวดี  ตอนนี้น้องทั้ง  5 คน อายุเกือบ 3 เดือนแล้ว น่าตากำลังน่ารักน่าชังเชียว คุณปฐมพล - คุณเกี้ยวกุ้ง  ศิริบัญชาวรรณ คุณพ่อ-คุณแม่ของทารกแฝด 5 บอกกับเราว่าน้องๆ ทุกคนสุขภาพแข็งแรงดีพัฒนาการก็ดี  แล้วก็เลี้ยงง่ายกันทุกคนประกอบกับในเดือนสิงหาคม  เป็นเดือนของวันแม่เราเลยขอสัมภาษณ์คุณแม่มือใหม่อย่างคุณเกี้ยวกุ้งว่ามีวิธีการเลี้ยงลูกแฝดทั้ง 5 คน อย่างไรบ้าง พร้อมกับเก็บรูปน่ารักๆของน้องทั้ง 5 คน มาฝากด้วยค่ะ          (น้องผู้หญิงคนโตชื่อน้องเอวี่ คนที่ 2  ชื่อน้องแอลลี่ ผู้ชายคนที่ 3 ชื่อน้องแอนดรูว์ ผู้ชายคนที่ 4 ชื่อน้องแอนดริวและลูกสาวคนที่  5 ชื่อ น้องเอมม่า) ตอนนี้น้องทั้ง  5 คน  เป็นอย่างไรบ้างคะ ?           ตอนนี้น้องๆ อายุเกือบ 4 เดือนแล้วค่ะสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกคนค่ะแล้วน้องทุกคนก็ได้ทานนมทุกคนค่ะ เราจ้างพี่เลี้ยงมา 3 คน แล้วก็มีคุณยายและตัวดิฉันด้วยช่วยกันเลี้ยงลูกๆทั้ง 5 คนค่ะ คุณเกี้ยวกุ้งกล่าว    น้องแฝด  จะร้องไห้ งอแง ตอนไหนมากที่สุดคะ ?         “ น้องๆจะร้องพร้อมๆกันเลยค่ะ  เวลาที่พวกเขาหิวแล้วก็ปวดท้องค่ะซึ่งคุณพ่อของเค้ามักจะบอกว่า  เวลาที่ลูกๆร้องพร้อมกันดังเหมือนเมโลดี้เพลงเลยค่ะ” คุณแม่เริ่มวางแผนการเลี้ยงลูกๆหรือยังคะ ?        “  ที่คิดไว้ตอนนี้นะคะ  ก็คือถ้าพวกเค้าโตขึ้นอีกหน่อยต้องทำบ้านใหม่ค่ะ  และคงจะให้เรียนหนังสือในโรงเรียนแถวๆบ้านค่ะ  ดิฉันจะเลี้ยงพวกให้ดีที่สุดแล้วก็เลี้ยงแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนที่คุณแม่เลี้ยงดิฉันมานั่นแหละค่ะแต่ว่าที่ทำแล้วตอนนี้คือ คุณพ่อเค้าซื้อรถตู้ใหม่ 1 คันค่ะเพื่อที่จะไปไหนมาไหนจะได้สะดวกมาขึ้นคะ ” คุณพ่อช่วยเลี้ยงบ้างไหมคะ ?        ปกติคุณพ่อต้องไปทำงานค่ะ  แต่ช่วงที่กลับจากทำงานก็มาช่วยเลี้ยงบ้างก็ช่วยอุ้มลูกๆทั้ง 5 คนแหละค่ะเรียกว่าช่วยเท่าที่ทำได้นั่นแหละค่ะ  คุณเกี้ยวกุ้งกล่าว วางแผนอนาคตให้ลูกอย่างไรบ้างคะ ?        “ ไม่ได้วางเลยค่ะ  โตขึ้นพวกเค้าอยากทำอะไร อยากเรียนอะไร  ก็แล้วแต่พวกเค้าไม่บังคับค่ะ  ขอแค่ให้พวกเค้าเป็นคนดีและไม่สร้างปัญหาให้กับสังคมก็เพียงพอแล้วค่ะ” ในอนาคตอยากจะมีลูกเพิ่มอีกไหมคะ ?         ดิฉันได้คุยกับสามีแล้วค่ะ  ว่าเราอยากจะมีลูกอีกค่ะอาจจะอีกซัก 1-2 คน  เพื่อที่จะให้ ลูกๆแฝด 5 ของเราได้มีน้องๆกันค่ะแต่น่าจะเว้นไปซัก  4-5 ปีค่ะ  รอให้พวกเค้าโตก่อน  คุณเกี้ยวกุ้งพูดพร้องกับอมยิ้ม ในฐานะที่เป็นคุณแม่ที่วัยรุ่นมาก แถมยังเป็นคุณแม่มือใหม่ด้วย  รู้สึกอย่างไรคะที่ต้องเลี้ยงลูกแฝดตั้ง  5 คน  ?        “ รู้สึกเหนื่อยมากค่ะแต่เป็นการเหนื่อยที่มีความสุขมากที่สุด  ยิ่งเห็นพวกเค้าโตขึ้นทุกวันก็ยิ่งมีความสุขค่ะ แต่ดิฉันอาจจะโชคดีที่มีพี่เลี้ยงและคุณยายมาช่วยเลี้ยงด้วยค่ะ  แต่เวลาที่จะพาพวกเค้าเดินทางไปไหนแต่ละครั้งก็ต้องมีการวางแผนการเดินทางก่อน  เพราะจะวุ่นวายมากอย่างกับเวลาที่ต้องพามาพบแพทย์ที่รพ.วิภาวดี  ก็ต้องพาลูกๆสลับวันกันมาค่ะ  แต่โดยภาพรวมแล้วครอบครัวเรามีความสุขมากๆค่ะ”          สำหรับครอบครัวน้องแฝด 5 นี้ ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากๆ และเมื่อมีไหร่..ที่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นปาฏิหาริย์นั้นก็ย่อมจะทำให้มีแต่ความสุข... ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากฯ รพ.วิภาวดี  รู้ลึกยินดีและภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัว ศิริบัญชาวรรณ  สมบูรณ์และมีความสุขค่ะ

<