ปวดส้นเท้าบ่อยๆ อาจไม่ใช่เรื่องธรรมดา รู้จัก “โรครองช้ำ” ภาวะที่ส่งผลต่อพังผืดใต้ฝ่าเท้า ทำให้ปวด เจ็บ และเดินลำบาก หากปล่อยไว้อาจเรื้อรังจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มาทำความรู้จักกับโรครองช้ำคืออะไร สาเหตุ อาการที่ควรสังเกต และวิธีรักษาโรครองช้ำที่ส้นเท้าที่ถูกต้อง โดยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อจาก โรงพยาบาลวิภาวดี ที่พร้อมดูแลด้วยวิธีรักษาครอบคลุม ทั้งการใช้ยา การทำกายภาพบำบัด และเทคโนโลยีฟื้นฟูเฉพาะทาง เพื่อให้คุณกลับมาเดินได้อย่างสบายอีกครั้ง!
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%20Article%208%20(%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%20%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2)_Article.jpg)
เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ หรือ รองช้ำ (Plantar Fasciitis) คือภาวะที่พังผืดใต้ฝ่าเท้า ซึ่งเป็นเส้นเอ็นขนาดใหญ่ที่พาดจากส้นเท้าไปยังปลายเท้า เกิดการอักเสบหรือระคายเคือง พังผืดส่วนนี้มีหน้าที่รองรับน้ำหนักและดูดซับแรงกระแทกขณะเดินหรือวิ่ง เมื่อใช้งานมากเกินไปหรือมีแรงกดซ้ำๆ ที่ส้นเท้า จะทำให้เนื้อเยื่อเกิดการบาดเจ็บเล็กๆ สะสมจนเกิดการอักเสบ
เมื่อเกิดการอักเสบจะทำให้รู้สึกปวดบริเวณส้นเท้า โดยเฉพาะก้าวแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักนานๆ แล้วลุกขึ้นเดินความเจ็บปวดมักจะลดลงเมื่อเดินต่อไปสักพัก แต่จะกลับมาเป็นอีกหากใช้งานเท้ามาก ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ใส่รองเท้าพื้นแข็งหรือไม่มีการรองรับที่เหมาะสม นักวิ่ง หรือผู้ที่ต้องยืนทำงานเป็นเวลานาน มักมีความเสี่ยงต่อการเกิดรองช้ำมากกว่าคนทั่วไป
ผู้ที่เป็นรองช้ำมักมีอาการปวดส้นเท้าที่ค่อยๆ เป็นมากขึ้นตามการใช้งาน โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือหลังพักเท้านานๆ ซึ่งอาการเหล่านี้มักรบกวนการเดินและการใช้ชีวิตประจำวัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%20Article%208%20(%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%20%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2)_Article2.jpg)
ภาวะรองช้ำเกิดจากการใช้งานเท้ามากเกินไปหรือมีแรงกดซ้ำ ที่พังผืดใต้ฝ่าเท้า จนทำให้เกิดการอักเสบและเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมีหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้น ได้แก่
สำหรับผู้ที่มีอาการรองช้ำระยะแรกหรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถดูแลตนเองได้ที่บ้านเพื่อลดอาการปวดและช่วยให้พังผืดใต้ฝ่าเท้าฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยสามารถทำได้ดังนี้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%20Article%208%20(%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%20%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2)_Article3.jpg)
แม้อาการรองช้ำส่วนใหญ่สามารถดีขึ้นได้ด้วยการดูแลตนเอง แต่หากอาการปวดรุนแรงหรือเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่รุนแรงกว่าหรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้
การวินิจฉัยภาวะรองช้ำทำโดยแพทย์เฉพาะทางกระดูกและข้อ โดยอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกายเป็นหลัก เพื่อแยกโรคอื่นที่มีอาการคล้ายกัน เช่น กระดูกส้นเท้างอก หรือเอ็นร้อยหวายอักเสบ ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยมีดังนี้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%20Article%208%20(%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%20%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%20%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2)_Article4.jpg)
อยากรักษารองช้ำให้หายขาดเป็นไปได้ไหม? การรักษารองช้ำให้หายนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและระยะเวลาที่เป็น เพื่อบรรเทาอาการปวดและฟื้นฟูการใช้งานของฝ่าเท้าให้กลับมาเป็นปกติ โดยมีแนวทางรักษาดังนี้
แพทย์มักให้ยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือนาโปรเซน (Naproxen) เพื่อลดอาการปวดและอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าในช่วงที่อาการกำเริบ ยาจะช่วยให้สามารถเดินและทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงต่อกระเพาะอาหารหรือไต ควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
กายภาพบำบัดเป็นวิธีรักษาที่ช่วยทั้งลดอาการปวดและเร่งการฟื้นฟูพังผืดใต้ฝ่าเท้าให้แข็งแรงขึ้น โดยนักกายภาพบำบัดจะประเมินสภาพเท้าและจัดโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล เช่น
ในกรณีที่อาการปวดรุนแรงมากหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะจุดบริเวณที่อักเสบ เพื่อช่วยลดการอักเสบและอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว วิธีนี้ให้ผลดีในระยะสั้น แต่ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้พังผืดใต้ฝ่าเท้าอ่อนแอหรือเสี่ยงต่อการฉีกขาด จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
การใช้อุปกรณ์เสริมช่วยลดแรงกดและพยุงเท้าให้รับน้ำหนักได้อย่างสมดุล เช่น
การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ร่วมกับการยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรังเกิน 3-6 เดือน หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป แพทย์อาจพิจารณาใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง เช่น คลื่นกระแทก Shockwave Therapy รักษาด้วยการใช้คลื่นเสียงพลังงานสูงส่งไปยังก้อนพังผืดใต้ฝ่าเท้า เพื่อกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และลดอาการอักเสบ ช่วยให้อาการดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
ในบางกรณีที่มีความเสียหายรุนแรงมากหรือรักษาแบบอื่นไม่ได้ผล อาจต้องพิจารณาการผ่าตัดพังผืดใต้ฝ่าเท้า ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้ายหลังจากรักษาแบบอนุรักษ์ (Conservative treatment) ครบทุกวิธีแล้ว
รองช้ำสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลเท้าและลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้พังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ การปรับพฤติกรรมเล็กน้อยในชีวิตประจำวันจะช่วยลดโอกาสเกิดอาการปวดส้นเท้าได้อย่างมาก วิธีป้องกันทำได้ดังนี้
อาการรองช้ำเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนทำงาน คนยืนนาน นักกีฬา หรือผู้ที่ใส่รองเท้าพื้นแข็งติดต่อกันเป็นเวลานาน หลายคนเริ่มจากอาการปวดส้นเท้าเล็กน้อยตอนเช้า แต่หากปล่อยไว้นานอาจรุนแรงถึงขั้นเดินลำบาก ส่งผลต่อชีวิตประจำวันและการทำงานโดยตรง โรงพยาบาลวิภาวดีมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ที่เชี่ยวชำนาญการในการวินิจฉัยและรักษาอาการรองช้ำอย่างตรงจุด พร้อมแนวทางการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ทั้งการใช้ยาและปรับพฤติกรรม กายภาพบำบัด หรือการใช้เทคโนโลยีทันสมัยด้วยคลื่นกระแทก Chockwave Therapy เพื่อการรักษาได้ตรงจุด ลดอาการปวด และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำในระยะยาว
รองช้ำเป็นภาวะที่เกิดจากพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ มักทำให้ปวดส้นเท้า โดยเฉพาะช่วงก้าวแรกหลังตื่นนอน อาการอาจเริ่มจากเล็กน้อยแต่หากละเลยอาจพัฒนาเป็นอาการเรื้อรังจนเดินลำบาก การดูแลรักษาเริ่มได้จากการพักเท้า ประคบเย็น ยืดกล้ามเนื้อ และใส่รองเท้าที่เหมาะสม หากอาการไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินและรับการรักษาอย่างถูกวิธี เช่น กายภาพบำบัด การฉีดยา หรือ Shockwave Therapy การใส่ใจดูแลเท้าเป็นประจำ และป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดรองช้ำ และช่วยให้คุณกลับมาเดินได้อย่างสบายอีกครั้ง
อย่าปล่อยให้อาการปวดส้นเท้าหรือรองช้ำรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน โรงพยาบาลวิภาวดีมีแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ที่พร้อมให้การดูแลอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัยอาการอย่างละเอียด ไปจนถึงการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้คุณกลับมาเดิน วิ่ง และใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง!
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved