พังผืดเกิดจากอะไร? หาสาเหตุ เช็กอาการ และวิธีรักษา

  • พังผืดเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เกิดขึ้นผิดปกติในร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อ ข้อต่อ หรืออวัยวะยึดติด ส่งผลให้เคลื่อนไหวลำบากและเกิดอาการปวด
  • อาการของพังผืดคือมักจะรู้สึกตึง แข็ง หรือมีแรงดึงบริเวณที่เกิดพังผืด อาจปวดหรือคลำเจอก้อนใต้ผิวหนัง และข้อหรือกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวได้จำกัด
  • รักษาพังผืดได้ด้วยการกายภาพบำบัด การนวด การใช้ยา หรือฉีดยา และในกรณีรุนแรงอาจต้องผ่าตัดเพื่อตัดพังผืดออก พร้อมการฟื้นฟูหลังรักษาเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

รู้ไหมว่าอาการปวด ตึง หรือขยับร่างกายติดขัด อาจไม่ใช่แค่เมื่อยธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณของ ‘พังผืด’ ที่เกิดจากการสะสมของเนื้อเยื่อผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการปวด ตึง และเคลื่อนไหวติดขัด โดยเฉพาะบริเวณข้อต่อ เช่น ไหล่ เข่า หรือมือ หากปล่อยไว้อาจทำให้ข้อติดและเคลื่อนไหวลำบากมากขึ้น เข้ารับการตรวจและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ที่โรงพยาบาลวิภาวดี พร้อมด้วยทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟู คอยดูแลร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยบรรเทาอาการ ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตของคุณ!

พังผืดคืออะไร อันตรายไหม

พังผืดคืออะไร อันตรายไหม?

พังผืดคือเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อซ่อมแซมหรือปกป้องบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น จากการอักเสบ การผ่าตัด หรือการบาดเจ็บเรื้อรัง โดยปกติเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจะช่วยยึดอวัยวะและกล้ามเนื้อให้ทำงานประสานกัน เมื่อเกิด “พังผืด” เนื้อเยื่อเหล่านี้จะหนา แข็ง และยึดติดผิดปกติ ทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหรือข้อต่อลดลงต่างจากเนื้อเยื่อปกติที่มีความยืดหยุ่นและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ 

หากเกิดพังผืดอาจทำให้รู้สึกตึง เจ็บ หรือเคลื่อนไหวลำบากในบริเวณที่เกิดขึ้น ปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อการใช้งานของอวัยวะหรือข้อต่อ และบางกรณีอาจต้องได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง เช่น การทำกายภาพบำบัด หรือการผ่าตัดแก้พังผืด เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและลดอาการเจ็บปวดให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

อาการของพังผืดเป็นอย่างไร

อาการของพังผืดเป็นอย่างไร

อาการของพังผืดแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่เกิด แต่โดยทั่วไปจะมีอาการที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวหรือความรู้สึกในบริเวณนั้น ดังนี้

  • ปวดหรือไม่สบายบริเวณที่เกิดพังผืด
  • รู้สึกตึง แข็ง หรือมีแรงดึงที่เนื้อเยื่อ
  • เคลื่อนไหวข้อต่อหรือกล้ามเนื้อได้จำกัด
  • คลำเจอก้อนหรือเนื้อแข็งใต้ผิวหนัง ในบางกรณี
  • ชา เจ็บแปลบ หรือแสบร้อน หากพังผืดกดทับเส้นประสาท
  • หากพังผืดเกิดในอวัยวะภายใน อาจรู้สึกแน่นท้อง ปวด หรือไม่สบายภายใน

 

พังผืดเกิดจากอะไร

พังผืดเกิดจากอะไร?

หลายคนที่เป็นพังผืดอยู่แล้วเกิดความสงสัยว่าพังผืดเกิดจากอะไร? สาเหตุที่แท้มาจากไหน? พังผืดเกิดจากการซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกายที่ทำงานผิดปกติ ทำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมากเกินไป จนเกิดการยึดรั้งกล้ามเนื้อ ข้อต่อ หรืออวัยวะต่างๆ ทำให้เคลื่อนไหวลำบากและมีอาการปวดตามมา ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดพังผืดมีหลายสาเหตุ ดังนี้

บาดแผลหรือการผ่าตัด

หลังการผ่าตัดหรือเกิดบาดแผล ร่างกายจะกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่เข้ามาทดแทนส่วนที่เสียหาย หากกระบวนการนี้ทำงานมากเกินไป หรือเกิดการอักเสบในระหว่างฟื้นตัวจะทำให้เกิดพังผืดสะสมบริเวณแผลผ่าตัด เช่น บริเวณช่องท้อง ข้อไหล่ หรือข้อมือ ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บและเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก

อักเสบเรื้อรัง

ภาวะการอักเสบที่เป็นต่อเนื่อง เช่น เส้นเอ็นอักเสบ ข้ออักเสบ หรือกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง จะทำให้ร่างกายสร้างพังผืดขึ้นเพื่อปกป้องและซ่อมแซม แต่เมื่อเกิดบ่อยหรือไม่หายขาด พังผืดจะหนา แข็ง และยึดเกาะกับเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้บริเวณนั้นแข็งตึง เคลื่อนไหวได้ยาก และมีอาการปวดเรื้อรัง

การบาดเจ็บจากกล้ามเนื้อหรือเอ็น

เมื่อกล้ามเนื้อหรือเอ็นฉีกขาดจากการใช้งานหนัก อุบัติเหตุ หรือการออกกำลังกายที่ผิดท่า ร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นเพื่อซ่อมแซมบริเวณที่บาดเจ็บหากไม่ได้รับการฟื้นฟูหรือยืดกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสม พังผืดจะสะสมจนเกิดการยึดรั้ง ทำให้ข้อติด ขยับลำบาก และปวดเมื่อเคลื่อนไหว โดยเฉพาะบริเวณหัวไหล่ หลัง หรือเอ็นร้อยหวาย

พังผืดในอวัยวะภายใน

พังผืดในอวัยวะภายในอาจเกิดจากการอักเสบ การติดเชื้อ หรือหลังผ่าตัดในช่องท้อง เช่น การผ่าตัดไส้ติ่ง มดลูก หรือลำไส้ พังผืดอาจยึดอวัยวะต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น ลำไส้ติดกับผนังช่องท้อง ส่งผลให้เกิดอาการแน่นท้อง ปวดท้องเรื้อรัง ท้องอืด หรือแม้แต่ลำไส้อุดตันในกรณีรุนแรง พังผืดในอุ้งเชิงกรานยังอาจทำให้มีบุตรยากในผู้หญิงได้

ความผิดปกติของกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อ

บางคนมีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือระบบซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ทำงานมากเกินไป เช่น โรค Dupuytren’s contracture ที่ทำให้เกิดพังผืดหนาใต้ผิวหนังฝ่ามือ ส่งผลให้นิ้วค่อยๆ งอเข้าหาฝ่ามือ หรือโรคพังผืดในปอดที่ทำให้หายใจติดขัด ทั้งที่ไม่ได้เกิดจากการบาดเจ็บหรืออักเสบโดยตรง

การฉายรังสีหรือสารเคมีบางชนิด

ผู้ที่ได้รับการฉายรังสีรักษา เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง อาจเกิดพังผืดบริเวณที่ได้รับรังสี เนื่องจากรังสีทำลายเซลล์และกระตุ้นการอักเสบของเนื้อเยื่อ ทำให้ร่างกายซ่อมแซมมากเกินไป นอกจากนี้การสัมผัสสารเคมีบางชนิดในระยะยาว เช่น สารพิษจากอุตสาหกรรม ก็อาจกระตุ้นให้เกิดพังผืดในอวัยวะต่างๆ ได้เช่นกัน

ผลกระทบของพังผืดต่อร่างกาย

พังผืดไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ความรู้สึกปวดหรือตึงเท่านั้น แต่ยังอาจกระทบต่อการทำงานของร่างกายในหลายส่วน ทั้งภายนอกและภายใน หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้การเคลื่อนไหวติดขัด หรือเกิดความผิดปกติของอวัยวะได้ ดังนี้

  • ผลต่อกล้ามเนื้อและข้อ ทำให้ข้อติด เคลื่อนไหวได้จำกัด ปวดตึง หรือเกิดแรงดึงที่กล้ามเนื้อ หากปล่อยไว้นานอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเสียสมดุลการเคลื่อนไหว
  • ผลต่ออวัยวะภายใน พังผืดอาจยึดอวัยวะให้ติดกัน เช่น ลำไส้ มดลูก หรืออัณฑะ ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง แน่นท้อง ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ หรือมีภาวะมีบุตรยากในบางกรณี

หากมีอาการปวดตึง เคลื่อนไหวติดขัด หรือปวดเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุควรเข้ารับการตรวจและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยและฟื้นฟูอย่างเหมาะสมก่อนที่พังผืดจะลุกลามหรือส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ขั้นตอนตรวจวินิจฉัยพังผืด

ขั้นตอนตรวจวินิจฉัยพังผืด

การตรวจวินิจฉัยพังผืดเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อระบุว่ามีการเกิดพังผืดจริงหรือไม่ และอยู่ในตำแหน่งใดของร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้

  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย แพทย์จะสอบถามอาการ ปวด ตึง หรือข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว รวมถึงประวัติการผ่าตัด การบาดเจ็บ หรือการอักเสบในอดีต จากนั้นตรวจดูการเคลื่อนไหวของข้อต่อ กล้ามเนื้อ หรือบริเวณที่สงสัยว่ามีพังผืด
  • การตรวจด้วย Ultrasound ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจดูโครงสร้างเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เห็นพังผืดหรือการหนาตัวของเนื้อเยื่อได้ชัด ช่วยระบุตำแหน่งและขนาดของพังผืดโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • การตรวจด้วย MRI สำหรับตรวจพังผืดในกล้ามเนื้อลึก ข้อต่อ หรืออวัยวะภายใน เช่น พังผืดในช่องท้องหรือมดลูก เพื่อดูการยึดติดของเนื้อเยื่อได้อย่างแม่นยำ
  •  การทำ CT Scan ใช้ในบางกรณีที่ต้องการภาพตัดขวางของอวัยวะภายใน เช่น ช่องท้องหรือปอด เพื่อประเมินความรุนแรงและขอบเขตของพังผืด
  • การส่องกล้อง (Laparoscopy / Arthroscopy) ในกรณีที่สงสัยพังผืดภายใน เช่น พังผืดในช่องท้องหรือข้อ แพทย์อาจใช้กล้องขนาดเล็กส่องดูภายในโดยตรง เพื่อประเมินความรุนแรงและตัดพังผืดออกได้ในคราวเดียวกัน

 

วิธีรักษาพังผืด

วิธีสลายพังผืดกล้ามเนื้อ สลายพังผืดข้อมือ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและตำแหน่งที่เกิดพังผืด โดยแพทย์จะประเมินว่าควรรักษาแบบอนุรักษ์หรือจำเป็นต้องผ่าตัด ทั้งนี้เป้าหมายของการรักษาคือ ลดอาการปวด ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว และป้องกันไม่ให้พังผืดกลับมาเกิดซ้ำอีก

การรักษาโดยไม่ผ่าตัด

เป็นวิธีแรกที่แพทย์มักเลือกใช้ เหมาะกับผู้ป่วยที่มีพังผืดไม่รุนแรง หรืออยู่ในระยะเริ่มต้น เพื่อช่วยลดอาการและฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของร่างกาย

  • กายภาพบำบัด (Physical Therapy) เน้นการยืดกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายเฉพาะส่วน และเทคนิคเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ เพื่อคลายพังผืดและเพิ่มการเคลื่อนไหว
  • การนวดและเทคนิคการปลดล็อกเนื้อเยื่อ (Myofascial Release) เป็นการนวดเชิงลึกเพื่อคลายการยึดรั้งของพังผืด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและลดความตึง
  • การใช้ความร้อนหรือความเย็น การประคบร้อนช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดการตึงของกล้ามเนื้อ ส่วนการประคบเย็นช่วยลดอาการอักเสบและบวม
  • ยาแก้ปวดและยาลดอักเสบ เช่น ยากลุ่ม NSAIDs ใช้เพื่อลดอาการปวดและอักเสบในระยะเฉียบพลัน

การรักษาด้วยการฉีด

ใช้ในกรณีที่พังผืดหนาแน่นหรือมีการอักเสบร่วมด้วย เพื่อลดอาการและทำให้ขยับได้สะดวกขึ้น

  • การฉีดยาสเตียรอยด์ (Corticosteroid Injection) ช่วยลดการอักเสบและบวมบริเวณที่เกิดพังผืด
  • การฉีดน้ำเกลือหรือสารหล่อลื่น (Hydrodissection / Hyaluronic Acid) ช่วยแยกชั้นพังผืดออกจากเนื้อเยื่อที่ติดกัน และลดแรงเสียดสี
  • การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP Therapy) ใช้เลือดของผู้ป่วยเองมาปั่นแยกเกล็ดเลือดเข้มข้น แล้วฉีดกลับเข้าไปเพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดพังผืดในระยะยาว

การรักษาโดยการผ่าตัด

หากพังผืดหนา ยึดรั้งรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัด แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด

  • การผ่าตัดเปิด ใช้สำหรับกรณีที่พังผืดลึกหรือกว้าง แพทย์จะเปิดแผลเพื่อเลาะและตัดพังผืดออกโดยตรง
  • การผ่าตัดส่องกล้อง (Arthroscopic / Laparoscopic Surgery) เป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก โดยใช้กล้องและเครื่องมือพิเศษในการเลาะพังผืด เหมาะกับพังผืดในข้อหรืออวัยวะภายใน เช่น ข้อไหล่ ข้อเข่า หรือช่องท้อง

หลังผ่าตัด ผู้ป่วยมักต้องทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดซ้ำและฟื้นฟูการเคลื่อนไหวให้กลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น

 

ฟื้นฟูหลังการรักษาพังผืด

การฟื้นฟูหลังการรักษาพังผืดเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เนื้อเยื่อกลับมาทำงานได้ปกติ ลดความเสี่ยงของการเกิดพังผืดซ้ำ และช่วยให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น โดยควรทำอย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์และนักกายภาพบำบัด ดังนี้

  • พักและลดการใช้งานบริเวณที่มีพังผืด หลีกเลี่ยงการใช้งานหนักหรือการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในช่วงพักฟื้น เพื่อให้เนื้อเยื่อมีเวลาซ่อมแซม ลดการอักเสบ และไม่กระตุ้นให้เกิดพังผืดใหม่
  • ทำกายภาพบำบัดตามคำแนะนำแพทย์ การทำกายภาพบำบัดช่วยคลายพังผืด เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ รวมถึงฝึกท่าทางการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการยึดรั้งของเนื้อเยื่อในอนาคต
  • การออกกำลังกายเสริมความแข็งแรง เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อหรือบริเวณที่เคยมีพังผืด ช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้มั่นคง ลดแรงกดและการบาดเจ็บซ้ำ
  • การใช้ความร้อนหรือความเย็น ใช้การประคบร้อนเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดและช่วยคลายกล้ามเนื้อ หรือประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและอักเสบหลังการใช้งาน
  • ใช้เครื่องมือช่วยหรืออุปกรณ์เสริม เช่น ผ้ายืดพยุงข้อ หรือเฝือกดาม เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวผิดท่าในช่วงฟื้นฟู และลดโอกาสเกิดพังผืดซ้ำ
  • ติดตามอาการและปรับแผนฟื้นฟู เข้าพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดตามนัดหมาย เพื่อประเมินความคืบหน้าและปรับแนวทางฟื้นฟูให้เหมาะสมกับอาการในแต่ละระยะ

 

วิธีนวดสลายพังผืด

วิธีนวดสลายพังผืด

วิธีนวดสลายพังผืดเป็นหนึ่งในเทคนิคการฟื้นฟูที่ช่วยคลายการยึดรั้งของเนื้อเยื่อ เพิ่มความยืดหยุ่น ลดความตึง และส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด ทำให้บริเวณที่เกิดพังผืดฟื้นตัวได้ดีขึ้น ก่อนเริ่มนวด ควรอุ่นบริเวณที่มีพังผืดด้วยผ้าร้อนหรือประคบร้อน 5-10 นาที เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนเลือด ซึ่งการอุ่นเนื้อเยื่อช่วยให้เนื้อเยื่อพังผืดนุ่มลงและลดความเจ็บระหว่างนวด โดยวิธีนวดมีหลักการดังนี้

  • ใช้แรงกดแบบเฉพาะจุด (Deep Tissue Pressure) ใช้ปลายนิ้ว ฝ่ามือ หรือศอกกดลงบนจุดที่มีพังผืดค้างอยู่ กดแบบคงที่และค่อยๆ เพิ่มแรงจนรู้สึกตึงแต่ไม่เจ็บเกินไป วิธีสลายพังผืดที่มือนี้ช่วยคลายการยึดติดของพังผืดกับเนื้อเยื่อรอบข้าง
  • การนวดแนวเส้นใยเนื้อเยื่อ (Myofascial Release) ใช้มือค่อยๆ ดึงและคลายเนื้อเยื่อไปตามแนวเส้นใยกล้ามเนื้อ เทคนิคนี้เป็นหนึ่งในวิธีสลายพังผืดที่นิ้วมือ ช่วยปรับทิศทางของเส้นใยพังผืด ทำให้เนื้อเยื่อสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ
  • นวดด้วยการยืดกล้ามเนื้อร่วม (Stretching Massage) หลังคลายพังผืดแล้ว ทำการยืดกล้ามเนื้อบริเวณนั้น เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น เทคนิคช่วยลดการยึดรั้งซ้ำและเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของข้อ

ควรเริ่มปรับแรงกดและความถี่ตามอาการ เริ่มจากแรงกดเบาๆ แล้วเพิ่มตามความทนของร่างกาย ทำสม่ำเสมอ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือปรับตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด หลังนวดอาจประคบร้อนเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพิ่มเติม หรือประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและอักเสบ

แนวทางการป้องกันพังผืด

การป้องกันพังผืดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืดซ้ำ หรือทำให้พังผืดใหม่เกิดขึ้น การดูแลร่างกายอย่างเหมาะสมร่วมกับการปรับพฤติกรรมสามารถช่วยให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำช่วยให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อยืดหยุ่น ลดการสะสมของพังผืด
  • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและข้อต่อ การยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังการออกกำลังกาย หรือยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ ช่วยคลายความตึงและลดแรงดึงรั้งของเนื้อเยื่อ
  • หลีกเลี่ยงการใช้งานซ้ำๆ อย่างหนัก ลดท่าทางหรือการเคลื่อนไหวที่ทำซ้ำๆ จนเกิดแรงกดต่อเนื้อเยื่อมากเกินไป เพื่อลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บและพังผืด
  • พักผ่อนและฟื้นฟูให้เพียงพอ การให้เวลาร่างกายฟื้นตัวหลังใช้งานหนักช่วยให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเองได้ดี ลดการสร้างพังผืดเกินจำเป็น
  • รักษาอาการบาดเจ็บทันที การดูแลและรักษาอาการบาดเจ็บตั้งแต่เริ่มแรก เช่น การประคบเย็น การพยุง หรือปรึกษาแพทย์ ช่วยลดโอกาสเกิดพังผืด
  • ทำกายภาพบำบัดหรือการนวด เทคนิคเหล่านี้ช่วยคลายกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่ตึง ลดการยึดรั้ง และส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด
  • ปรับพฤติกรรมและท่าทางการทำงาน เช่น การนั่งหรือยืนให้ถูกท่า ใช้เทคนิคยกของอย่างปลอดภัย ช่วยลดแรงดึงและแรงกดซ้ำบริเวณเนื้อเยื่อ
  • ควบคุมน้ำหนักตัวและอาหาร น้ำหนักตัวที่เหมาะสมช่วยลดแรงกดต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อ และการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนช่วยให้เนื้อเยื่อแข็งแรง
  • การตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่นๆ การตรวจร่างกายเป็นประจำช่วยให้พบความผิดปกติหรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดพังผืดตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และสามารถป้องกันได้ทันเวลา

 

รักษาพังผืด ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

รักษาพังผืด ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

พังผืดหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิต ทำให้เกิดความเจ็บปวด ตึง หรือจำกัดการทำกิจกรรมประจำวัน การเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีจึงสำคัญ โรงพยาบาลวิภาวดีมีแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ร่วมกับทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟู ให้การดูแลแบบครบวงจร ทั้งการทำกายภาพบำบัด ฉีดยา หรือผ่าตัดแก้ไขตามความเหมาะสม เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตของคุณ

สรุป

พังผืดคือเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เกิดขึ้นผิดปกติในร่างกาย ทำให้เกิดอาการปวด ตึง และเคลื่อนไหวติดขัด หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและฟังก์ชันของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ หรืออวัยวะภายใน เข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างแม่นยำด้วยการตรวจร่างกาย เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาได้เหมาะสม ตั้งแต่การทำกายภาพบำบัด การนวด การฉีดยา ไปจนถึงการผ่าตัด

สำหรับผู้ที่เคยมีพังผืดควรฟื้นฟูหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง การป้องกันไม่ให้พังผืดกลับมาเกิดซ้ำ เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การยืดเหยียด และปรับท่าทางการทำงาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างปกติและคุณภาพชีวิตดีขึ้น การใส่ใจตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้พังผืดไม่กลายเป็นอุปสรรคต่อร่างกายในระยะยาว ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ร่วมกับทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟู ให้การรักษาพังผืดอย่างครบวงจร ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว การฉีดยาเพื่อลดอาการปวดและตึง การผ่าตัดแก้ไขในกรณีจำเป็น ซึ่งในทุกๆ ขั้นตอนมุ่งเน้นฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่!

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

พังผืดสามารถหายเองได้หรือไม่?

พังผืดส่วนใหญ่ไม่สามารถหายเองได้อย่างสมบูรณ์ เพราะเป็นการสะสมของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยึดรั้งกล้ามเนื้อหรือข้อ การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้อาการปวด ตึง หรือข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น การรักษาและฟื้นฟูอย่างเหมาะสมจึงจำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาว

อาการพังผืดแบบไหนควรรีบพบแพทย์?

ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดรุนแรง เช่น เคลื่อนไหวข้อหรือกล้ามเนื้อไม่ได้ คลำเจอก้อนแข็งใต้ผิวหนัง หรือมีอาการชาและเจ็บแปลบเรื้อรัง อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่าพังผืดกำลังยึดรั้งเนื้อเยื่อและข้อต่อจนรบกวนการทำงานของร่างกาย

ผ่าตัดพังผืดต้องพักฟื้นนานเท่าไร?

ระยะเวลาพักฟื้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของพังผืด หากใช้วิธีผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์สำหรับพังผืดบริเวณผิวหนังหรือข้อต่อเล็ก ส่วนกรณีที่ลึกหรือกว้างมากอาจใช้เวลา 2-3 เดือน แพทย์จะกำหนดโปรแกรมกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวร่วมด้วย

นวดสลายพังผืดด้วยตัวเองเองหายไหม?

การนวดสลายพังผืดกล้ามเนื้อด้วยตัวเองสามารถช่วยคลายความตึง ลดอาการปวด และเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถทำให้พังผืดหายขาดได้โดยสมบูรณ์ ถ้าพังผืดหนาหรือยึดรั้งลึกควรรักษาแบบด้วยการกายภาพบำบัด การฉีด หรือบางกรณีอาจต้องผ่าตัด ร่วมกับการนวด จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและป้องกันการเกิดซ้ำ


บทความที่เกี่ยวข้อง