โรคตาแดง: สาเหตุ อาการ วิธีป้องกันและรักษาด้วยตัวเอง

Key Takeaway

  • โรคตาแดงคือภาวะที่เยื่อบุตาขาวหรือรอบดวงตาเกิดการอักเสบ ทำให้หลอดเลือดขยายตัวจนตาขาวแดงชัดเจน มักมาพร้อมอาการแสบ เคือง น้ำตาไหล หรือขี้ตาข้น
  • สาเหตุหลักของตาแดง ได้แก่ การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ภูมิแพ้ การระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม การบาดเจ็บ หรือภาวะทางร่างกายบางอย่าง ซึ่งแต่ละสาเหตุมีลักษณะและการดูแลที่แตกต่างกัน
  • หากอาการตาแดงไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน มีอาการปวดตารุนแรง ตามัว ขี้ตาเป็นหนองสีเขียวหรือเหลือง มีเลือดออก หรือบวมแดงมาก ควรพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

อย่ามองข้ามตาแดง! ภาวะดวงตาอักเสบหรือระคายเคืองทำให้ตาขาวแดง แสบ คัน หรือน้ำตาไหล ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้ การติดเชื้อ หรือรอยขีดข่วนที่กระจกตา ไปรู้จักสาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และการรักษาง่ายๆ ด้วยตัวเอง ก่อนลุกลามจนเรื้อรัง โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมแนะนำปฐมพยาบาลเบื้องต้นและคำปรึกษาจากจักษุแพทย์เมื่ออาการไม่ดีขึ้น

โรคตาแดงคืออะไร หายเองได้ไหม

โรคตาแดงคืออะไร หายเองได้ไหม?

โรคตาแดงคือภาวะที่เยื่อบุตาขาวหรือบริเวณรอบดวงตาเกิดการอักเสบทำให้หลอดเลือดบริเวณตาขาวขยายตัวส่งผลให้ดวงตาดูแดงผิดปกติ ลักษณะของตาแดงมักเห็นได้ชัด ตาอาจแสบ เคือง หรือมีน้ำตาไหลร่วมด้วย ในบางรายอาจมีขี้ตาเหนียวหรือขาวขุ่น

ตาแดงส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส การระคายเคือง หรือภูมิแพ้ ซึ่งในกรณีที่ไม่รุนแรง ตาแดงมักสามารถหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น ปวดตา เห็นภาพไม่ชัด ขี้ตามีสีเขียวหรือเหลือง หรือมีไข้ ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือโรคตาอื่นที่ต้องใช้การรักษาเฉพาะทาง

ตาแดงมีอาการอย่างไร?

โรคตาแดงอาการมักเกิดขึ้นเมื่อดวงตาเกิดการอักเสบหรือระคายเคือง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตาและสังเกตความผิดปกติได้ชัดเจน อาการเหล่านี้อาจปรากฏเพียงบางอย่างหรือหลายอย่างร่วมกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของตาแดง

  • ตาขาวแดง เยื่อบุตาขาวมีสีแดงชัดเจน เนื่องจากหลอดเลือดขยายตัว
  • แสบหรือคันตา รู้สึกไม่สบายตา อาจรู้สึกเหมือนมีฝุ่นหรือทรายในตา
  • น้ำตาไหลมากกว่าปกติ ตาชุ่มน้ำตาเพื่อลดการระคายเคือง
  • มีขี้ตาหรือหนอง อาจเป็นสีขาว เหลือง หรือเขียว ขึ้นอยู่กับสาเหตุการติดเชื้อ
  • ระคายเคืองเมื่อโดนแสง ตาไวต่อแสง สัมผัสแสงจ้าแล้วรู้สึกเจ็บหรือลืมตาลำบาก
  • บวมรอบดวงตาหรือเปลือกตา บางรายเปลือกตาหรือรอบดวงตาบวมแดงร่วมด้วย

 

ตาแดงเกิดจากอะไร

ตาแดงเกิดจากอะไร?

อาการตาแดงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการติดเชื้อ ภูมิแพ้ สิ่งแวดล้อม การบาดเจ็บ หรือภาวะทางร่างกายบางอย่าง แต่ละสาเหตุมีลักษณะและวิธีดูแลที่แตกต่างกัน ดังนี้

การติดเชื้อ

ตาแดงที่เกิดจากการติดเชื้อมักเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ตาอาจแดงชัดเจน มีขี้ตาหรือหนอง น้ำตาไหล และบางครั้งอาจมีอาการปวดหรือบวมร่วมด้วย สาเหตุตาแดงข้างเดียวอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย และลามไปที่ตาอีกข้าง มักหายเองใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนการติดเชื้อแบคทีเรียอาจต้องใช้ยาหยอดตาหรือยาปฏิชีวนะ

ภูมิแพ้

ตาแดงจากภูมิแพ้มักเกิดร่วมกับอาการคันตา ตาแห้ง น้ำตาไหล และอาจมีตาบวมแดง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากฝุ่นละออง ละอองเกสร หรือสารระคายเคือง การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และใช้ยาหยอดตาลดอาการภูมิแพ้ช่วยบรรเทาอาการได้

ระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม

ตาแดงอาจเกิดจากการสัมผัสกับควัน ฝุ่น ลมแรง คลอรีนในสระว่ายน้ำ หรือการใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาการมักเป็นตาแดง แสบ เคือง หรือน้ำตาไหล การพักสายตาและล้างตาด้วยน้ำสะอาดช่วยลดอาการได้

การบาดเจ็บหรือรอยขีดข่วน

ตาแดงเกิดจากการได้รับบาดเจ็บ เช่น การขีดข่วนที่กระจกตา สิ่งแปลกปลอมเข้าตา หรือการกระแทกบริเวณตา อาการอาจรวมถึงตาแดง เจ็บตา น้ำตาไหล และรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา ต้องรีบพบแพทย์เพื่อตรวจและป้องกันการติดเชื้อ

ภาวะทางระบบร่างกายหรือโรคตาอื่น

บางครั้งตาแดงเกิดจากภาวะทางร่างกาย เช่น ความดันตาสูง (ต้อหินเฉียบพลัน) โรคตาอักเสบ หรือโรคทางระบบอื่นๆ อาการมักรุนแรงและมาพร้อมอาการอื่น เช่น ปวดตาอย่างรุนแรงเห็นภาพไม่ชัดหรือมีแสงวูบวาบ ต้องพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา

บรรเทาอาการตาแดงด้วยตัวเองเบื้องต้น

การบรรเทาอาการตาแดงเบื้องต้นสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยเน้นการลดการระคายเคืองและดูแลความสะอาดรอบดวงตา ซึ่งช่วยให้ตารู้สึกสบายขึ้นและลดความแดงได้

  • ประคบเย็น ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นประคบที่เปลือกตา เพื่อลดบวมและความระคายเคือง
  • หยอดน้ำตาเทียม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความแสบเคืองตา
  • พักสายตา ลดการใช้สายตาหนัก เช่น อ่านหนังสือหรือใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่อง
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา การขยี้ตาอาจทำให้อาการตาแดงรุนแรงขึ้นหรือเสี่ยงติดเชื้อ
  • รักษาความสะอาดรอบดวงตา ล้างมือก่อนสัมผัสตา และเช็ดขี้ตาเบาๆ ด้วยผ้าสะอาด
  • ปรับสภาพแวดล้อม ลดฝุ่น ละออง หรือควันในบริเวณที่อยู่ เพื่อป้องกันการระคายเคืองเพิ่มเติม

อาการตาแดงแบบไหน? ควรไปพบแพทย์ทันที

บางอาการของตาแดงอาจบ่งบอกถึงภาวะรุนแรงหรือการติดเชื้อที่ต้องได้รับการตรวจรักษาโดยแพทย์ทันที หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจส่งผลต่อการมองเห็นหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ตาแดงยังคงรุนแรงหรืออาการแย่ลง แม้จะดูแลเบื้องต้นแล้ว
  • มีอาการปวดตาอย่างรุนแรง รู้สึกเจ็บลึกในลูกตาหรือปวดตลอดเวลา
  • ตามัว หรือความสามารถในการมองเห็นลดลง เห็นภาพไม่ชัดหรือมีจุดบอด
  • มีฝ้าขาวที่กระจกตาดำ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือแผลที่กระจกตา
  • ต่อมน้ำเหลืองบริเวณหน้าหูโตและกดเจ็บ แสดงว่าร่างกายกำลังตอบสนองต่อการติดเชื้อ
  • เปลือกตาบวมแดงมาก บวมแดงรุนแรงจนลืมตาลำบาก
  • มีเลือดออกที่ตาขาว อาจเกิดจากการบาดเจ็บหรือเส้นเลือดแตก
  • มีขี้ตาเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองจำนวนมาก บ่งบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง
วิธีการตรวจวินิจฉัยตาแดง

วิธีการตรวจวินิจฉัยตาแดง

การตรวจวินิจฉัยตาแดงโดยแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอาการและสาเหตุเบื้องต้น จากนั้นจึงใช้วิธีตรวจทางกายภาพและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อประเมินความรุนแรงและหาสาเหตุที่แท้จริง โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • แพทย์จะส่องกล้องจักษุ (Slit Lamp) เพื่อตรวจดูความผิดปกติของกระจกตา เยื่อบุตา และเปลือกตาอย่างละเอียด
  • อาจทำการตรวจการติดเชื้อ เช่น เก็บตัวอย่างขี้ตาหรือน้ำตาเพื่อตรวจเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
  • ในบางกรณีที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับโรคตาอื่นๆ หรือภาวะทางร่างกายอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การวัดความดันตา ตรวจเลือด หรือการถ่ายภาพตาเพิ่มเติม

โดยข้อมูลจากการตรวจทั้งหมดช่วยให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุของตาแดงและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมต่อไป

แนวทางการรักษาตาแดง

แนวทางการรักษาตาแดง

หลังจากตรวจวินิจฉัยและทราบสาเหตุของตาแดงแล้ว การรักษาตาแดงจะมุ่งจัดการตรงจุด เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน โดยแนวทางการรักษาสามารถแบ่งตามสาเหตุหลักๆ ดังนี้

การรักษาตาแดงจากเชื้อไวรัส

ตาแดงจากเชื้อไวรัสมักเกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ เช่น Adenovirus หรือ Herpes Simplex Virus อาการมักมีทั้งตาแดง ขี้ตาเยอะ คัน น้ำตาไหล และบางครั้งอาจมีขี้ตาเหนียวหรือเป็นเมือกเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ แพทย์จะเน้นการบรรเทาอาการและป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น ใช้น้ำตาเทียมเพื่อลดความระคายเคือง รักษาความสะอาดของดวงตา และแนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น ในบางกรณีที่ไวรัสรุนแรงหรือมีแผลที่กระจกตาแพทย์อาจสั่งยาหยอดตาต้านไวรัสเพื่อช่วยเร่งการหาย

การรักษาตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย

ตาแดงจากเชื้อแบคทีเรียมักเกิดจากเชื้อ Staphylococcus, Streptococcus หรือ Haemophilus ที่มีอาการตาแดงมาก มีขี้ตาเหนียว สีขาวหรือเหลือง และบางครั้งอาจปวดหรือรู้สึกเหมือนมีเศษฝุ่นในตา การรักษาส่วนใหญ่จะใช้ยาปฏิชีวนะชนิดยาหยอดหรือยาทา เพื่อลดการติดเชื้อและป้องกันการลุกลามไปยังกระจกตา 

การปฏิบัติตัวร่วมกับการรักษา เช่น ไม่ขยี้ตา ทำความสะอาดรอบดวงตา และหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าขนหนูหรือของใช้ร่วมกับผู้อื่น จะช่วยให้หายเร็วและลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ

การรักษาตาแดงจากภูมิแพ้

ตาแดงจากภูมิแพ้เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ หรือสารเคมีที่มากระทบตา อาการทั่วไปได้แก่ ตาแดง คัน น้ำตาไหล และบางครั้งบวมรอบดวงตา การรักษาโดยแพทย์มักเริ่มจากการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และแนะนำการป้องกัน เช่น สวมแว่นตากันฝุ่นหรือทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ พร้อมทั้งอาจใช้ยาหยอดตาต้านฮิสตามีนหรือยาลดอักเสบเฉพาะจุดเพื่อลดอาการคันและบวม ในกรณีที่อาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาใช้ยากินเพื่อควบคุมภูมิแพ้

การรักษาตาแดงจากการระคายเคืองหรือบาดเจ็บ

ตาแดงจากการระคายเคืองเกิดจากสิ่งแวดล้อมหรืออุบัติเหตุ เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมี สระว่ายน้ำ หรือการกระทบทางกายภาพ อาการมักมีทั้งตาแดง น้ำตาไหล รู้สึกแสบหรือเจ็บตา การรักษาเน้นการล้างตาอย่างสะอาดด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเพื่อลดสารระคายเคือง และให้ยาบรรเทาอาการตามอาการ เช่น น้ำตาเทียมหรือยาลดการอักเสบ ในกรณีที่เกิดแผลหรือมีความเสียหายต่อเยื่อบุตา แพทย์จะให้ยาป้องกันการติดเชื้อและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

การรักษาตาแดงรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน

ในกรณีที่ตาแดงรุนแรง มีอาการตาแดง มองไม่ชัด มองเห็นพร่ามัว ปวดตา ขี้ตาเหนียว หรือเกิดแผลที่กระจกตา จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเข้มงวด แพทย์จะประเมินสาเหตุและความรุนแรงของอาการ อาจใช้ยาปฏิชีวนะชนิดแรง ยาต้านไวรัส หรือยาสเตียรอยด์เฉพาะจุดติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจกระทบต่อการมองเห็น เช่น แผลที่กระจกตา การติดเชื้อรุนแรง หรือการสูญเสียการมองเห็น

ภาวะแทรกซ้อนจากตาแดง

ภาวะแทรกซ้อนจากตาแดงสามารถเกิดขึ้นได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาหรือดูแลอย่างเหมาะสม ตาแดงที่ไม่ได้รับการดูแลอาจลุกลามไปยังเนื้อเยื่อตาอื่น ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง กระจกตาอักเสบ หรือเยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง

นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดขี้ตาหนองมากขึ้นหรือแผลที่กระจกตา ส่งผลให้ดวงตาพร่ามัวหรือความสามารถในการมองเห็นลดลง และในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น การติดเชื้อเข้าลึกถึงเยื่อหุ้มลูกตา ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการมองเห็นและต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางทันที การสังเกตอาการและเข้าพบแพทย์อย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้

7 วิธีป้องกันตาแดงทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

การป้องกันตาแดงสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองโดยเน้นความสะอาดและลดการสัมผัสสิ่งที่อาจทำให้ตาระคายเคืองหรือเกิดการติดเชื้อ

  1. ล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาเมื่อสัมผัสหรือขยี้ตา
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสและขยี้ตา ป้องกันการระคายเคืองและลดโอกาสการติดเชื้อ
  3. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  4. ดูแลความสะอาดของสภาพแวดล้อม ทำความสะอาดบ้าน ห้องทำงาน และสิ่งของรอบตัวเพื่อลดฝุ่นและเชื้อโรค
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ลดความเสี่ยงรับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียจากผู้อื่น
  6. ระมัดระวังการใช้คอนแท็กต์เลนส์ ทำความสะอาดและเก็บอย่างถูกวิธี เพื่อลดการระคายเคืองและการติดเชื้อ
  7. ป้องกันการแพ้และการระคายเคือง หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร หรือสารเคมีที่อาจทำให้ตาแดง
รักษาตาแดงที่โรงพยาบาลวิภาวดี

รักษาตาแดงที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการดูแลผู้ที่มีอาการตาแดงตั้งแต่การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น การให้คำแนะนำวิธีบรรเทาอาการระคายเคืองและการดูแลตาที่บ้าน พร้อมทั้งให้คำปรึกษาโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์ สำหรับผู้ที่มีอาการไม่ดีขึ้น หรือมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน โดยแพทย์จะตรวจวินิจฉัยตาแดงอย่างครบวงจร ด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อประเมินสาเหตุ ความรุนแรง และให้แนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละราย

สรุป

ตาแดงคือภาวะที่เยื่อบุตาขาวหรือรอบดวงตาอักเสบ ทำให้ตาขาวแดง ชาตาแสบ เคือง น้ำตาไหล หรือขี้ตาข้น สาเหตุหลักได้แก่ การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ภูมิแพ้ การระคายเคือง การบาดเจ็บ หรือภาวะทางร่างกาย การประเมินโดยแพทย์ช่วยวินิจฉัยสาเหตุและความรุนแรงด้วยการซักประวัติ ตรวจตา และใช้เครื่องมือทางการแพทย์ และรักษาตามสาเหตุ สามารถป้องกันตาแดงได้ง่ายๆ เพียงล้างมือ หลีกเลี่ยงขยี้ตา ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ดูแลความสะอาดของสิ่งแวดล้อม และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้

โรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตรวจวินิจฉัยตาแดง และให้คำปรึกษาโดยจักษุแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยกับการรักษา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย! ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ศูนย์จักษุครบวงจร หรือติดต่อได้ที่ โทร. 02-561-1111

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เพื่อให้เข้าใจอาการตาแดงมากขึ้น มาดูคำถามที่หลายคนมักสงสัยพร้อมคำตอบกัน

ตาแดงเกิดจากภูมิแพ้ต่างจากตาแดงติดเชื้ออย่างไร?

ตาแดงจากภูมิแพ้มักมีอาการคัน น้ำตาไหล และบวมแดง แต่ขี้ตาจะน้อยหรือใส ในขณะที่ตาแดงจากการติดเชื้อมักมีขี้ตาข้น สีเหลืองหรือเขียว บวมแดงมาก และอาจปวดตาร่วมด้วย การสังเกตลักษณะเหล่านี้ช่วยแยกสาเหตุและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม

ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมอะไรเมื่อมีตาแดง?

เมื่อมีตาแดงควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตา ใช้คอนแท็กต์เลนส์ หรือใกล้ชิดกับผู้อื่น เพื่อลดการติดเชื้อและระคายเคือง นอกจากนี้ควรลดการใช้สายตาหนัก เช่น การอ่านหนังสือหรือใช้หน้าจอเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือสารระคายเคือง

ตาแดงซ้ำๆ บ่อยๆ อาจบ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง?

ตาแดงที่เกิดซ้ำบ่อยอาจบ่งบอกถึงภาวะภูมิแพ้เรื้อรัง การติดเชื้อซ้ำ หรือโรคตาอื่นๆ เช่น เยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง กระจกตาอักเสบ หรือแม้กระทั่งภาวะต้อหินในบางกรณี การพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยจะช่วยระบุสาเหตุและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ตาแดงเกี่ยวข้องกับโรคต้อหินไหม?

ตาแดงอาจเป็นหนึ่งในอาการของต้อหินเฉียบพลัน ร่วมกับอาการปวดตาอย่างรุนแรง ตามัว คลื่นไส้หรืออาเจียน หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบจักษุแพทย์ทันที เพราะการรักษาเร็วช่วยป้องกันความเสียหายต่อการมองเห็น


บทความที่เกี่ยวข้อง