เย็บกระเพาะลดความอ้วน ไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นตัวไว เห็นผลเร็ว

Key Takeaway

  • เย็บกระเพาะลดความอ้วนคือการใช้เครื่องมือส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลง เพื่อช่วยลดปริมาณอาหารที่รับประทานและส่งเสริมการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
  • เย็บกระเพาะลดความอ้วนเหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยโดยไม่ผ่าตัดใหญ่ และควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
  • ข้อดีของการเย็บกระเพาะลดความอ้วน คือลดน้ำหนักได้ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ฟื้นตัวเร็ว และมีความเสี่ยงต่ำ

การเย็บกระเพาะลดความอ้วนเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดขนาดกระเพาะอาหารโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือควบคุมน้ำหนักได้ยาก วิธีนี้ช่วยลดปริมาณอาหารที่รับประทาน ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดใหญ่ และไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนวิธีแบบเดิม มาดูกันว่ากระบวนการนี้ทำอย่างไร และใครบ้างที่เหมาะกับการรักษาวิธีนี้

การเย็บกระเพาะลดความอ้วนคืออะไร?

 

การเย็บกระเพาะลดความอ้วนคืออะไร?

การเย็บกระเพาะลดความอ้วน (Endoscopic Sleeve Gastroplasty) คือการใช้เครื่องมือเย็บกระเพาะชนิดพิเศษสอดผ่านปากขณะผู้ป่วยหลับ จากนั้นแพทย์จะเย็บกระเพาะโดยใช้เข็มและไหมเฉพาะ ผ่านการส่องกล้องตรวจภายใน ทำให้ไม่เกิดแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง แตกต่างจากการผ่าตัดกระเพาะแบบเดิม กระเพาะจะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น

เทคนิคเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก เหมาะกับใครบ้าง?

เทคนิคเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก เหมาะกับใครบ้าง?

คนที่เหมาะสมกับการเย็บกระเพาะลดความอ้วน คือผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน รวมถึงผู้ที่ควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าผ่าตัดกระเพาะ BMI เท่าไรจึงจะทำได้ คำตอบคือขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละวิธีและดุลยพินิจของแพทย์ มาดูกันว่ามีใครบ้างที่เหมาะกับเทคนิคนี้

  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่าเกณฑ์การผ่าตัดปกติ เช่น อายุมากกว่า 65 ปี
  • ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 30 – 40
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของอวัยวะภายในช่องท้องมากเกินไป
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วนมากระดับ Super Obese ซึ่งมีความเสี่ยงสูงหากต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะอาหารด้วยวิธี Roux-en-Y Gastric Bypass และน้ำหนักกลับมาเพิ่มอีกครั้ง สามารถใช้วิธีเย็บกระเพาะซ่อมแซมได้
  • ผู้ที่ไม่มีภาวะกินอาหารผิดปกติ เช่น โรคบูลิเมีย
  • ผู้ที่ไม่มีปัญหาเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือโรคกรดไหลย้อนรุนแรง
  • ผู้ที่ไม่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด
ก่อนเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก ต้องเตรียมตัวอย่างไร

ก่อนเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก ต้องเตรียมตัวอย่างไร 

ก่อนเข้ารับการเย็บกระเพาะลดความอ้วน ผู้ป่วยควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนการเย็บกระเพาะมีดังนี้

  • งดดื่มน้ำและงดรับประทานอาหารทุกชนิดอย่างน้อย 8–12 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
  • พบแพทย์เฉพาะทาง ได้แก่ แพทย์โรคหัวใจ แพทย์ทางเดินหายใจและปอด รวมถึงวิสัญญีแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการผ่าตัด
  • ตรวจร่างกายโดยละเอียดก่อนทำหัตถการ เช่น เจาะเลือด ส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร และตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์

 

วิธีการส่องกล้องเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก

วิธีการส่องกล้องเย็บกระเพาะลดความอ้วนเป็นกระบวนการที่ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

  • แพทย์สอดเครื่องส่องกล้องผ่านทางปาก ลงไปในลำคอจนถึงกระเพาะอาหาร
  • ทำเครื่องหมายบนผนังกระเพาะอาหารทั้งด้านหน้าและด้านหลังในตำแหน่งที่จะเย็บ
  • ใช้ไหมเย็บต่อเนื่อง (Running Stitch Pattern) โดยวางแนวเย็บประมาณ 8 จุดภายในกระเพาะอาหาร
  • รัดเย็บแนวเหล่านี้เพื่อดึงผนังกระเพาะอาหารด้านหน้าและด้านหลังให้เข้าหากัน ส่งผลให้ปริมาตรกระเพาะอาหารลดลงประมาณ 70% ช่วยให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและอิ่มเร็วขึ้น
การดูแลหลังการเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก

การดูแลหลังการเย็บกระเพาะลดน้ำหนัก

หลังการเย็บกระเพาะลดความอ้วน ผู้ป่วยควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเพื่อให้การรักษาได้ผลดีและปลอดภัยสูงสุด ควรดูแลตัวเองหลังเย็บกระเพาะ ดังนี้

  • รับประทานอาหารเหลวประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อให้แผลในกระเพาะอาหารสมานตัวอย่างดี
  • หลังการรักษา ควรปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้พอดี เพราะหากทานอาหารมากเกินไป หรือเลือกอาหารที่มีแคลอรีสูงบ่อยครั้ง อาจทำให้กระเพาะอาหารยืดขยายตัวเร็วขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา
  • รับยาลดกรดตามคำสั่งแพทย์ เพื่อป้องกันแผลแยกออกจากกัน
  • มาพบแพทย์และนักโภชนาการตามนัดหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อการติดตามและปรับแผนการดูแลตัวเอง

 

ประโยชน์ของการเย็บกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก

การเย็บกระเพาะอาหารเพื่อลดความอ้วนมีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและยั่งยืน มาดูประโยชน์หลักๆ ที่ควรรู้กัน

  • ผู้ที่ทำการเย็บกระเพาะสามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ยประมาณ 15-20% ของน้ำหนักตัวเดิม ภายใน 1-2 ปีแรก
  • สุขภาพโดยรวมดีขึ้น เช่น ควบคุมระดับน้ำตาลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดให้ต่ำลง ลดความดันโลหิต ลดไขมันพอกตับ ทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น ลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคหัวใจ และลดความเสี่ยงของโรคร่วมอื่นๆ
ข้อดีของเทคนิคเย็บกระเพาะลดความอ้วน

ข้อดีของเทคนิคเย็บกระเพาะลดความอ้วน 

เทคนิคเย็บกระเพาะลดความอ้วนเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ และมีข้อดีหลักๆ ดังนี้

  • ไม่มีแผลผ่าตัดที่หน้าท้องเพราะไม่ได้ตัดกระเพาะอาหารออก เพียงแค่เย็บผนังกระเพาะให้เล็กลง
  • ใช้เวลาผ่าตัดสั้น ประมาณ 60 - 90 นาที และมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องดมยาสลบหรือใช้ยาสลบนานในบางกรณี
  • ฟื้นตัวเร็ว สามารถนอนพักที่โรงพยาบาลเพียง 1 คืนเพื่อเฝ้าดูอาการ และสามารถลุกนั่ง เดิน และเข้าห้องน้ำได้ตามปกติ
  • ผลข้างเคียงหลังผ่าตัดค่อนข้างต่ำ โดยส่วนใหญ่เป็นอาการเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้และอาเจียน
  • ลดความเสี่ยงจากผลแทรกซ้อนของการผ่าตัดกระเพาะแบบเดิม เช่น การขาดสารอาหารและกรดไหลย้อน

ข้อเสียของการเย็บกระเพาะลดความอ้วน

นอกจากข้อดีแล้ว การเย็บกระเพาะลดความอ้วนยังมีข้อเสียที่ควรทราบ เพื่อให้เข้าใจครบทั้งข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ รวมถึงช่วยเปรียบเทียบกับการผ่าตัดกระเพาะแบบอื่นๆ ก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดชนิดอื่น เนื่องจากใช้อุปกรณ์พรีเมียมที่มีราคาสูง
  • ไม่มีการตัดส่วนที่ควบคุมความหิวที่ติดกับผนังกระเพาะออก จึงอาจรู้สึกหิวเหมือนปกติ แต่จะอิ่มเร็วขึ้นเพราะกระเพาะมีขนาดเล็กลง
  • ในระยะยาว การลดน้ำหนักอาจน้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟหรือบายพาส จึงต้องปฏิบัติตามโปรแกรมลดน้ำหนักและโภชนาการอย่างเคร่งครัดในช่วงหลังผ่าตัด
  • หากเลือกแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญเพียงพอ การเย็บอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ เนื่องจากทักษะและประสบการณ์ในการใช้กล้องส่องกระเพาะอาหารไม่เพียงพอ
เย็บกระเพาะลดความอ้วนที่โรงพยาบาลวิภาวดี

เย็บกระเพาะลดความอ้วนที่โรงพยาบาลวิภาวดี

การเย็บกระเพาะลดความอ้วนที่โรงพยาบาลวิภาวดีเป็นวิธีปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่และพักฟื้นน้อย โดยแพทย์จะส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารให้เล็กลงเพื่อช่วยให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอบถามนัดหมายได้ที่แผนกโรคระบบทางเดินอาหาร โทร. 02-561-1111 ต่อ 4525 หรือ 4534 ค่าใช้จ่ายราคาประมาณ 279,000 บาท รวมค่ารักษาและห้องพัก

สรุป

เทคนิคเย็บกระเพาะลดความอ้วนเป็นนวัตกรรมส่องกล้องที่ช่วยลดขนาดกระเพาะอาหารโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยฟื้นตัวเร็วและมีความเสี่ยงต่ำ โปรแกรมผ่าตัดส่องกล้องลดขนาดกระเพาะที่โรงพยาบาลวิภาวดีให้การดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมระบบบริการครบครัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยทุกคน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเย็บกระเพาะลดความอ้วน (FAQ)

รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเย็บกระเพาะลดความอ้วน พร้อมคำตอบที่ช่วยไขข้อสงสัย ให้ข้อมูลที่จำเป็น และช่วยให้คุณเข้าใจอย่างถูกต้องก่อนตัดสินใจ

หลังเย็บกระเพาะลดความอ้วน จะกลับมาอ้วนอีกไหม

การเย็บกระเพาะลดความอ้วนช่วยลดขนาดกระเพาะอาหารและจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทานได้ แต่ผลลัพธ์การลดน้ำหนักอย่างถาวรขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตหลังผ่าตัด หากไม่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มได้

เย็บกระเพาะลดความอ้วนไปแล้ว กระเพาะจะขยายได้อีกไหม

ในบางกรณี กระเพาะอาหารอาจขยายตัวกลับมาหลังการเย็บกระเพาะลดความอ้วน ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้นกว่าเดิม

เย็บกระเพาะอาหารลดความอ้วน ใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน

ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ โดยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเร็วขึ้นหากปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด


บทความที่เกี่ยวข้อง