กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

  • กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวหรือคลายตัวได้เต็มที่ ทำให้การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายลดลง อาจเกิดจากโรคหัวใจ โรคเรื้อรัง หรือปัจจัยพันธุกรรม
  • อาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงที่พบบ่อย ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก บวมตามร่างกาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออ่อนแรงจากการทำกิจกรรมประจำวัน
  • วิธีรักษากล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเริ่มง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลตัวเอง เช่น อาหารและออกกำลังกาย การใช้ยาเพื่อควบคุมอาการ และในบางกรณีอาจต้องทำหัตถการ เช่น ใส่ขดลวด ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือผ่าตัดหัวใจ

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเป็นภาวะที่หลายคนมองข้าม แต่อาจนำไปสู่ปัญหาหัวใจล้มเหลวได้ การสังเกตอาการเบื้องต้น การเข้าใจสาเหตุ และรู้วิธีรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณดูแลหัวใจตัวเองได้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะพาไปเช็กสัญญาณเตือน รู้ทันสาเหตุ วิธีรักษา และวิธีป้องกันก่อนสายเกินไป!

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงคืออะไร

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงคืออะไร?

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง (Cardiomyopathy หรือ Heart Failure with reduced ejection fraction ในบางกรณี) คือภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจไม่สามารถบีบตัวหรือคลายตัวได้เต็มที่ ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง หรือจากโรคอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจตีบ โรคเบาหวาน หรือการติดเชื้อ

ชนิดของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่

  1. DCM (Dilated Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขยายตัว ทำให้การบีบตัวอ่อนแรง
  2. HCM (Hypertrophic Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจหนาเกินไป ทำให้หัวใจบีบตัวไม่สมบูรณ์
  3. RCM (Restrictive Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัวผิดปกติ ทำให้หัวใจคลายตัวยากและรับเลือดได้น้อย
  4. ARVC (Arrhythmogenic Right Ventricular Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจห้องขวาถูกแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อไขมันหรือพังผืด ทำให้เกิดการเต้นผิดจังหวะ

 

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงอาการเป็นอย่างไร

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงมักทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการหลายอย่างที่สังเกตได้ หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที!

  • เหนื่อยง่ายและหายใจลำบาก โดยเฉพาะตอนออกแรงหรือเวลานอนราบ
  • บวมตามร่างกาย โดยเฉพาะขา ข้อเท้า หรือหน้าท้อง
  • รู้สึกอ่อนแรงหรือหมดแรง ไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้เหมือนเดิม
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือใจสั่น
  • อาการจุกแน่นหน้าอก หรือปวดแน่นบริเวณหน้าอก
  • น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ จากการคั่งของน้ำในร่างกาย
  • ไอเรื้อรัง หรือมีเสมหะฟองขาวหรือชมพู

หากมีอาการเหล่านี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเลือดคั่งในปอด

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเกิดจากอะไร

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเกิดจากอะไร?

โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งโรคประจำตัว ปัจจัยพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างร่วมกัน อาจจะเร่งให้หัวใจอ่อนแรงเกิดได้เร็วขึ้น

  • โรคหัวใจโดยตรง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ความดันโลหิตสูง
  • โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคไทรอยด์ โรคไตเรื้อรัง
  • ปัจจัยอื่นๆ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวหลังคลอด การติดเชื้อเรื้อรังหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง การขาดสารอาหารหรือวิตามินบางชนิด
  • พันธุกรรม เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรม
  • พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การใช้ยา หรือสารเสพติดบางชนิด

 

การวินิจฉัยกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

  • การตรวจร่างกายและซักประวัติ เริ่มจากสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัว พฤติกรรมการใช้ชีวิต และประวัติครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ และตรวจร่างกาย ฟังเสียงหัวใจและปอด ตรวจดูอาการบวมน้ำ เช่น ขา ข้อเท้า หรือหน้าท้อง และประเมินการไหลเวียนเลือด
  • ตรวจเพิ่มเติมหากพบสัญญาณของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง แพทย์จะสั่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรง
  • อัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram) ตรวจดูการบีบตัว ขนาดห้องหัวใจ และโครงสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ ประเมินว่าหัวใจสูบฉีดเลือดได้เต็มที่หรือไม่ และช่วยแยกชนิดของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ตรวจจังหวะการเต้น ความเร็ว และความผิดปกติของไฟฟ้าหัวใจ ช่วยในการตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความเสียหายของหัวใจ หรือสัญญาณการขาดเลือด
  • เอกซเรย์ทรวงอกและ MRI หัวใจ ประเมินขนาดหัวใจ การคั่งน้ำในปอด และความเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยชนิดและความรุนแรงของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงได้แม่นยำยิ่งขึ้น
  • ตรวจเลือดหา BNP หรือ NT-proBNP เป็นการวัดสารชีวเคมีบ่งชี้ภาวะหัวใจล้มเหลว และประเมินความรุนแรง

 

วิธีรักษากล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

วิธีรักษากล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงวิธีรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงของอาการ และสภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยแพทย์มักใช้แนวทางหลายอย่างร่วมกัน ดังนี้

1. การปรับพฤติกรรมและดูแลตนเอง

การปรับพฤติกรรมเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยชะลอความรุนแรงของโรค และลดภาระหัวใจ การดูแลตัวเองที่สำคัญ ได้แก่

  • อาหารที่ดีต่อหัวใจ เลือกรับประทานผัก ผลไม้ ปลา และธัญพืชที่ไม่ขัดสี ลดอาหารทอด อาหารมัน และอาหารรสเค็ม เพื่อควบคุมระดับโซเดียมและไขมันในเลือด ลดภาระหัวใจ
  • การออกกำลังกาย เลือกทำกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น เดินช้าๆ ว่ายน้ำ หรือโยคะ เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพหัวใจโดยไม่ทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป
  • การจัดการความเครียด ใช้วิธีผ่อนคลาย เช่น ทำสมาธิ ฟังเพลง หรือฝึกหายใจลึกๆ เพื่อป้องกันความดันสูงและภาระต่อหัวใจ
  • การพักผ่อนเพียงพอ นอนหลับให้เพียงพออย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้หัวใจฟื้นฟูและลดอาการเหนื่อยง่าย

 

2. การใช้ยา

ยาเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน การใช้ยาจะขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยมีกลุ่มยา ดังนี้

  • ยาต้านเกล็ดเลือด ลดความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ
  • ยาลดการบีบตัวของหัวใจ (Beta-blockers) ช่วยให้หัวใจทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการเต้นผิดจังหวะ
  • ยาขยายหลอดเลือด (ACE inhibitors, ARBs) ลดความดันในหลอดเลือดและลดภาระหัวใจ
    แพทย์จะปรับชนิดและขนาดของยาให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและโรคประจำตัวของผู้ป่วย

 

3. การสวนหัวใจ การทำบอลลูนและใส่ขดลวด

สำหรับผู้ป่วยที่มีสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ การรักษาด้วยหัตถการอาจจำเป็นเพื่อให้เลือดไหลเวียนกลับมาปกติ เช่น

  • การสวนหัวใจและทำบอลลูน (Angioplasty) ขยายหลอดเลือดที่ตีบตันให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
  • การใส่ขดลวด (Stent) ค้ำหลอดเลือดไม่ให้ตีบซ้ำ
  • เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือ ICD ช่วยควบคุมจังหวะหัวใจและป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดปกติรุนแรง
  • ผ่าตัดหัวใจหรือเปลี่ยนหัวใจ (Heart Transplant) สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น และมีภาวะหัวใจล้มเหลวรุนแรง

 

แนวทางป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

แนวทางป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

การป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ การทำตามแนวทางเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและชะลอความรุนแรงของอาการ

  • ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร เลือกกินอาหารที่ดีต่อหัวใจ เช่น ผัก ผลไม้ ปลา ลดอาหารไขมันสูง แป้ง และเค็มมาก
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกกำลังกายระดับเบาถึงปานกลางที่เหมาะกับร่างกาย เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เพื่อเสริมความแข็งแรงของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด
  • เลิกบุหรี่และลด เลี่ยงแอลกอฮอล์ การเลิกบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ช่วยลดความเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
  • ควบคุมโรคประจำตัว ดูแลโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง ให้ได้มาตรฐานตามคำแนะนำแพทย์
  • ตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ การตรวจวัดความดันโลหิต คลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรืออัลตราซาวด์หัวใจเป็นระยะช่วยให้พบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ และป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว

 

ตรวจสุขภาพหัวใจ ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ตรวจสุขภาพหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดีช่วยเฝ้าระวังและป้องกันโรคหัวใจตั้งแต่ระยะแรก บริการตรวจวินิจฉัยครบวงจร ด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจและมีประสบการณ์สูง พร้อมให้คำปรึกษา วางแผนรักษา และแนะนำแนวทางการปรับพฤติกรรมเพื่อดูแลหัวใจ การตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหัวใจเฉียบพลัน และภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยสามารถวางแผนดูแลหัวใจได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

 

สรุป

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวหรือคลายตัวได้เต็มที่ ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ อาการที่สังเกตได้ เช่น เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก บวมตามร่างกาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออ่อนแรง การวินิจฉัยเริ่มจากตรวจร่างกาย สอบถามประวัติ อาการ พร้อมตรวจเพิ่มเติมหากพบสัญญาณผิดปกติเพื่อประเมินความรุนแรง สามารถรักษาตั้งแต่ปรับพฤติกรรมการกินอาหารและออกกำลังกาย ใช้ยาไปจนถึงการสวนหัวใจ ใส่ขดลวด หรือผ่าตัดหัวใจในกรณีรุนแรง การป้องกันทำได้โดยควบคุมโรคประจำตัว เลิกบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ การดูแลหัวใจตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวและทำให้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้มากขึ้น

หากคุณสนใจดูแลหัวใจและตรวจสุขภาพประจำปี โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจสุขภาพหัวใจครบวงจร พร้อมแพทย์ที่จะให้คำแนะนำและวางแผนดูแลสุขภาพหัวใจของคุณอย่างเหมาะสม มั่นใจได้ว่าการตรวจแต่ละครั้งจะช่วยเฝ้าระวัง ป้องกันโรค และสร้างความมั่นใจในการดูแลสุขภาพของคุณ


FAQ

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงส่วนใหญ่ไม่สามารถหายขาดได้ แต่ควบคุมอาการ ชะลอความรุนแรง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนด้วยการปรับพฤติกรรม การใช้ยา และการรักษาเฉพาะทางในบางกรณี ผู้ป่วยที่ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดสามารถมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงปกติได้

โรคนี้อาจเป็นอันตราย หากไม่ได้รับการรักษา เพราะหัวใจทำงานไม่เต็มที่ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเลือดคั่งในปอดได้ การรักษาและเฝ้าระวังตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญมาก

ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เค็มจัด และน้ำตาลมาก รวมถึงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ส่วนกิจกรรมที่ห้ามคือการออกแรงเกินความสามารถ เช่น ยกของหนักหรือเล่นกีฬาหนักๆ ควรเลือกออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

ควรตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือโรคประจำตัว การตรวจอย่างสม่ำเสมอช่วยให้พบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว และสามารถวางแผนรักษาหรือปรับพฤติกรรมได้ทันเวลา

บทความที่เกี่ยวข้อง