- กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวหรือคลายตัวได้เต็มที่ ทำให้การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายลดลง อาจเกิดจากโรคหัวใจ โรคเรื้อรัง หรือปัจจัยพันธุกรรม
- อาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงที่พบบ่อย ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก บวมตามร่างกาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออ่อนแรงจากการทำกิจกรรมประจำวัน
- วิธีรักษากล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเริ่มง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลตัวเอง เช่น อาหารและออกกำลังกาย การใช้ยาเพื่อควบคุมอาการ และในบางกรณีอาจต้องทำหัตถการ เช่น ใส่ขดลวด ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือผ่าตัดหัวใจ
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเป็นภาวะที่หลายคนมองข้าม แต่อาจนำไปสู่ปัญหาหัวใจล้มเหลวได้ การสังเกตอาการเบื้องต้น การเข้าใจสาเหตุ และรู้วิธีรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณดูแลหัวใจตัวเองได้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะพาไปเช็กสัญญาณเตือน รู้ทันสาเหตุ วิธีรักษา และวิธีป้องกันก่อนสายเกินไป!
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%206%20(%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87)%20(2).jpg)
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงคืออะไร?
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง (Cardiomyopathy หรือ Heart Failure with reduced ejection fraction ในบางกรณี) คือภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจไม่สามารถบีบตัวหรือคลายตัวได้เต็มที่ ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง หรือจากโรคอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจตีบ โรคเบาหวาน หรือการติดเชื้อ
ชนิดของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่
- DCM (Dilated Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขยายตัว ทำให้การบีบตัวอ่อนแรง
- HCM (Hypertrophic Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจหนาเกินไป ทำให้หัวใจบีบตัวไม่สมบูรณ์
- RCM (Restrictive Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัวผิดปกติ ทำให้หัวใจคลายตัวยากและรับเลือดได้น้อย
- ARVC (Arrhythmogenic Right Ventricular Cardiomyopathy) กล้ามเนื้อหัวใจห้องขวาถูกแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อไขมันหรือพังผืด ทำให้เกิดการเต้นผิดจังหวะ
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงอาการเป็นอย่างไร
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงมักทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการหลายอย่างที่สังเกตได้ หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที!
- เหนื่อยง่ายและหายใจลำบาก โดยเฉพาะตอนออกแรงหรือเวลานอนราบ
- บวมตามร่างกาย โดยเฉพาะขา ข้อเท้า หรือหน้าท้อง
- รู้สึกอ่อนแรงหรือหมดแรง ไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้เหมือนเดิม
- หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือใจสั่น
- อาการจุกแน่นหน้าอก หรือปวดแน่นบริเวณหน้าอก
- น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ จากการคั่งของน้ำในร่างกาย
- ไอเรื้อรัง หรือมีเสมหะฟองขาวหรือชมพู
หากมีอาการเหล่านี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเลือดคั่งในปอด
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%206%20(%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87)%20(3).jpg)
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเกิดจากอะไร?
โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งโรคประจำตัว ปัจจัยพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างร่วมกัน อาจจะเร่งให้หัวใจอ่อนแรงเกิดได้เร็วขึ้น
- โรคหัวใจโดยตรง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ความดันโลหิตสูง
- โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคไทรอยด์ โรคไตเรื้อรัง
- ปัจจัยอื่นๆ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวหลังคลอด การติดเชื้อเรื้อรังหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง การขาดสารอาหารหรือวิตามินบางชนิด
- พันธุกรรม เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การใช้ยา หรือสารเสพติดบางชนิด
การวินิจฉัยกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
- การตรวจร่างกายและซักประวัติ เริ่มจากสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัว พฤติกรรมการใช้ชีวิต และประวัติครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ และตรวจร่างกาย ฟังเสียงหัวใจและปอด ตรวจดูอาการบวมน้ำ เช่น ขา ข้อเท้า หรือหน้าท้อง และประเมินการไหลเวียนเลือด
- ตรวจเพิ่มเติมหากพบสัญญาณของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง แพทย์จะสั่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรง
- อัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram) ตรวจดูการบีบตัว ขนาดห้องหัวใจ และโครงสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ ประเมินว่าหัวใจสูบฉีดเลือดได้เต็มที่หรือไม่ และช่วยแยกชนิดของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ตรวจจังหวะการเต้น ความเร็ว และความผิดปกติของไฟฟ้าหัวใจ ช่วยในการตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความเสียหายของหัวใจ หรือสัญญาณการขาดเลือด
- เอกซเรย์ทรวงอกและ MRI หัวใจ ประเมินขนาดหัวใจ การคั่งน้ำในปอด และความเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยชนิดและความรุนแรงของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- ตรวจเลือดหา BNP หรือ NT-proBNP เป็นการวัดสารชีวเคมีบ่งชี้ภาวะหัวใจล้มเหลว และประเมินความรุนแรง
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%206%20(%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87)%20(4).jpg)
วิธีรักษากล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงวิธีรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงของอาการ และสภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยแพทย์มักใช้แนวทางหลายอย่างร่วมกัน ดังนี้
1. การปรับพฤติกรรมและดูแลตนเอง
การปรับพฤติกรรมเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยชะลอความรุนแรงของโรค และลดภาระหัวใจ การดูแลตัวเองที่สำคัญ ได้แก่
- อาหารที่ดีต่อหัวใจ เลือกรับประทานผัก ผลไม้ ปลา และธัญพืชที่ไม่ขัดสี ลดอาหารทอด อาหารมัน และอาหารรสเค็ม เพื่อควบคุมระดับโซเดียมและไขมันในเลือด ลดภาระหัวใจ
- การออกกำลังกาย เลือกทำกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น เดินช้าๆ ว่ายน้ำ หรือโยคะ เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพหัวใจโดยไม่ทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป
- การจัดการความเครียด ใช้วิธีผ่อนคลาย เช่น ทำสมาธิ ฟังเพลง หรือฝึกหายใจลึกๆ เพื่อป้องกันความดันสูงและภาระต่อหัวใจ
- การพักผ่อนเพียงพอ นอนหลับให้เพียงพออย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้หัวใจฟื้นฟูและลดอาการเหนื่อยง่าย
2. การใช้ยา
ยาเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน การใช้ยาจะขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยมีกลุ่มยา ดังนี้
- ยาต้านเกล็ดเลือด ลดความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ
- ยาลดการบีบตัวของหัวใจ (Beta-blockers) ช่วยให้หัวใจทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการเต้นผิดจังหวะ
- ยาขยายหลอดเลือด (ACE inhibitors, ARBs) ลดความดันในหลอดเลือดและลดภาระหัวใจ
แพทย์จะปรับชนิดและขนาดของยาให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและโรคประจำตัวของผู้ป่วย
3. การสวนหัวใจ การทำบอลลูนและใส่ขดลวด
สำหรับผู้ป่วยที่มีสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ การรักษาด้วยหัตถการอาจจำเป็นเพื่อให้เลือดไหลเวียนกลับมาปกติ เช่น
- การสวนหัวใจและทำบอลลูน (Angioplasty) ขยายหลอดเลือดที่ตีบตันให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
- การใส่ขดลวด (Stent) ค้ำหลอดเลือดไม่ให้ตีบซ้ำ
- เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือ ICD ช่วยควบคุมจังหวะหัวใจและป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดปกติรุนแรง
- ผ่าตัดหัวใจหรือเปลี่ยนหัวใจ (Heart Transplant) สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น และมีภาวะหัวใจล้มเหลวรุนแรง
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%206%20(%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87)%20(5).jpg)
แนวทางป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
การป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ การทำตามแนวทางเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและชะลอความรุนแรงของอาการ
- ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร เลือกกินอาหารที่ดีต่อหัวใจ เช่น ผัก ผลไม้ ปลา ลดอาหารไขมันสูง แป้ง และเค็มมาก
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกกำลังกายระดับเบาถึงปานกลางที่เหมาะกับร่างกาย เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เพื่อเสริมความแข็งแรงของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด
- เลิกบุหรี่และลด เลี่ยงแอลกอฮอล์ การเลิกบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ช่วยลดความเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
- ควบคุมโรคประจำตัว ดูแลโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง ให้ได้มาตรฐานตามคำแนะนำแพทย์
- ตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ การตรวจวัดความดันโลหิต คลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรืออัลตราซาวด์หัวใจเป็นระยะช่วยให้พบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ และป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
ตรวจสุขภาพหัวใจ ที่โรงพยาบาลวิภาวดี
ตรวจสุขภาพหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดีช่วยเฝ้าระวังและป้องกันโรคหัวใจตั้งแต่ระยะแรก บริการตรวจวินิจฉัยครบวงจร ด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจและมีประสบการณ์สูง พร้อมให้คำปรึกษา วางแผนรักษา และแนะนำแนวทางการปรับพฤติกรรมเพื่อดูแลหัวใจ การตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหัวใจเฉียบพลัน และภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยสามารถวางแผนดูแลหัวใจได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
สรุป
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวหรือคลายตัวได้เต็มที่ ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ อาการที่สังเกตได้ เช่น เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก บวมตามร่างกาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรืออ่อนแรง การวินิจฉัยเริ่มจากตรวจร่างกาย สอบถามประวัติ อาการ พร้อมตรวจเพิ่มเติมหากพบสัญญาณผิดปกติเพื่อประเมินความรุนแรง สามารถรักษาตั้งแต่ปรับพฤติกรรมการกินอาหารและออกกำลังกาย ใช้ยาไปจนถึงการสวนหัวใจ ใส่ขดลวด หรือผ่าตัดหัวใจในกรณีรุนแรง การป้องกันทำได้โดยควบคุมโรคประจำตัว เลิกบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ การดูแลหัวใจตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวและทำให้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้มากขึ้น
หากคุณสนใจดูแลหัวใจและตรวจสุขภาพประจำปี โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจสุขภาพหัวใจครบวงจร พร้อมแพทย์ที่จะให้คำแนะนำและวางแผนดูแลสุขภาพหัวใจของคุณอย่างเหมาะสม มั่นใจได้ว่าการตรวจแต่ละครั้งจะช่วยเฝ้าระวัง ป้องกันโรค และสร้างความมั่นใจในการดูแลสุขภาพของคุณ
FAQ
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงส่วนใหญ่ไม่สามารถหายขาดได้ แต่ควบคุมอาการ ชะลอความรุนแรง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนด้วยการปรับพฤติกรรม การใช้ยา และการรักษาเฉพาะทางในบางกรณี ผู้ป่วยที่ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดสามารถมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงปกติได้
โรคนี้อาจเป็นอันตราย หากไม่ได้รับการรักษา เพราะหัวใจทำงานไม่เต็มที่ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเลือดคั่งในปอดได้ การรักษาและเฝ้าระวังตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญมาก
ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เค็มจัด และน้ำตาลมาก รวมถึงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ส่วนกิจกรรมที่ห้ามคือการออกแรงเกินความสามารถ เช่น ยกของหนักหรือเล่นกีฬาหนักๆ ควรเลือกออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
ควรตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือโรคประจำตัว การตรวจอย่างสม่ำเสมอช่วยให้พบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว และสามารถวางแผนรักษาหรือปรับพฤติกรรมได้ทันเวลา