เนื้องอกในสมองเกิดจากอะไร? โรคนี้อาจดูน่ากังวล แต่หากเข้าใจสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง อาการเตือน และแนวทางการรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้ป่วยเข้ารับการดูแลได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แผนกอายุรกรรม ประสาทและสมอง โรงพยาบาลวิภาวดี พร้อมบริการตรวจวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น MRI และ CT Scan เพื่อให้แพทย์ผู้ชำนาญการ วิเคราะห์และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor) คือการเกิดก้อนเนื้อที่เจริญเติบโตผิดปกติภายในสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งอาจเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (Benign) หรือ เนื้องอกชนิดร้ายแรง (Malignant) ก็ได้ โดยเนื้องอกอาจเกิดขึ้นจากเซลล์สมองเอง (Primary Brain Tumor) หรือเกิดจากการกระจายของเซลล์มะเร็งจากอวัยวะอื่นเข้าสู่สมอง (Secondary หรือ Metastatic Brain Tumor)
การเจริญเติบโตของเนื้องอกจะทำให้เกิดแรงกดทับเนื้อสมองส่วนต่างๆส่งผลต่อการทำงานของสมอง เช่น การเคลื่อนไหว การพูด การมองเห็น หรือความจำ และยังอาจทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือชักได้ ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ขนาด และชนิดของเนื้องอก
_Article.jpg)
เนื้องอกในสมองแบ่งได้หลายรูปแบบ โดยทั่วไปแบ่งได้ตามความรุนแรงของเซลล์ แหล่งกำเนิดของเนื้องอก และชนิดของเซลล์ที่เป็นต้นกำเนิด ซึ่งการแบ่งรูปแบบจะช่วยให้แพทย์เข้าใจลักษณะของโรคและเลือกแนวทางการรักษาได้อย่างเหมาะสม
เป็นการจำแนกตามลักษณะของการเจริญเติบโตและการลุกลามของเนื้องอก
จำแนกตามตำแหน่งหรือจุดที่เนื้องอกเริ่มเกิดขึ้น
เป็นการจำแนกโดยดูว่าเนื้องอกเกิดจากเซลล์ชนิดใดในสมอง ซึ่งแต่ละชนิดมีพฤติกรรมและแนวทางรักษาต่างกัน
_Article2.jpg)
แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดเนื้องอกในสมองได้ แต่พบว่ามีหลายปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค โดยมีรายละเอียดดังนี้
_Article3.jpg)
อาการของเนื้องอกในสมองจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่ง ขนาด และอัตราการเติบโตของก้อนเนื้องอก โดยในระยะแรกอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยที่มักถูกมองข้าม แต่เมื่อเนื้องอกโตขึ้นจะเริ่มกดทับเนื้อสมองและส่งผลต่อการทำงานของสมองส่วนต่างๆ ทำให้เกิดอาการที่รุนแรงมากขึ้น สามารถจำแนกอาการได้ดังนี้
ในระยะเริ่มต้น อาการมักเกิดจากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นภายในกะโหลกศีรษะ หรือการรบกวนการทำงานของสมองบางส่วน
เมื่อก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเริ่มกดทับสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว การสื่อสาร หรือการรับรู้ อาการจะรุนแรงและชัดเจนมากขึ้น
การวินิจฉัยเนื้องอกในสมองเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถระบุชนิด ขนาด ตำแหน่ง และความรุนแรงของเนื้องอกได้อย่างแม่นยำ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยทั่วไปจะดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
_Article4.jpg)
การรักษาเนื้องอกในสมองขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้องอก ตำแหน่ง ขนาด และสุขภาพของผู้ป่วยโดยรวม โดยแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งอาจใช้เพียงวิธีเดียวหรือหลายวิธีร่วมกัน เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอก บรรเทาอาการ และยืดอายุผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
การผ่าตัดเป็นวิธีหลักในการรักษาเนื้องอกในสมอง โดยมีเป้าหมายเพื่อกำจัดเนื้องอกออกให้ได้มากที่สุดโดยไม่กระทบต่อเนื้อสมองที่สำคัญ แพทย์อาจใช้เทคโนโลยีช่วยในการผ่าตัด เช่น กล้องจุลทรรศน์ผ่าตัด (Microsurgery) ระบบนำทางด้วยภาพ (Image-Guided Surgery) หรือเทคนิคผ่าตัดแบบตื่น (Awake Surgery) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำ หากไม่สามารถตัดออกได้ทั้งหมด อาจเหลือบางส่วนไว้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการทำลายสมองส่วนสำคัญ แล้วเสริมด้วยการฉายรังสีหรือเคมีบำบัดในภายหลัง
การฉายรังสีเป็นการใช้พลังงานรังสีในการทำลายเซลล์เนื้องอกที่เหลือหลังการผ่าตัดหรือในกรณีที่ผ่าตัดไม่ได้ เช่น เนื้องอกอยู่ในตำแหน่งลึกหรือใกล้สมองส่วนสำคัญ ปัจจุบันมีเทคนิคฉายรังสีที่แม่นยำสูง เช่น Stereotactic Radiosurgery (SRS) และ Intensity-Modulated Radiation Therapy (IMRT) ที่สามารถส่งรังสีเฉพาะจุด ลดผลกระทบต่อเนื้อสมองรอบข้างได้อย่างมาก
การให้ยาเคมีบำบัดเป็นการใช้ยาต้านมะเร็งเพื่อทำลายหรือยับยั้งการเจริญของเซลล์เนื้องอก มักใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือฉายรังสี โดยเฉพาะในเนื้องอกชนิดร้าย เช่น Glioblastoma ยาที่ใช้บ่อยคือ Temozolomide (TMZ) ซึ่งสามารถผ่านแนวกั้นเลือดสมองได้ดี ทำให้เกิดผลในการรักษามากขึ้น ซึ่งการให้ยาเคมีบำบัดอาจมีผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ หรือเม็ดเลือดลดลง ซึ่งแพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
การรักษาแบบประคับประคอง คือการเน้นบรรเทาอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เช่น การให้ยาลดอาการปวด ยาลดบวมในสมอง (เช่น Dexamethasone) หรือยากันชักในผู้ที่มีอาการชัก การรักษาประคับประคองไม่ใช่เพียงเพื่อระยะสุดท้ายแต่ยังใช้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย
หลังการรักษาผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการติดตามอาการและตรวจภาพสมองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำของเนื้องอกหรือภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา แพทย์อาจนัดตรวจ MRI หรือ CT Scan เป็นระยะ พร้อมประเมินการทำงานของระบบประสาทและคุณภาพชีวิตโดยรวม เพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมต่อไป
การดูแลผู้ป่วยเนื้องอกในสมองเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด และลดผลกระทบจากโรคหรือการรักษา โดยแนวทางการดูแลมีดังนี้
แม้ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันเนื้องอกในสมองได้อย่างแน่นอน แต่เราสามารถลดความเสี่ยงและดูแลสุขภาพสมองให้แข็งแรงได้ด้วยการใส่ใจตัวเองและสังเกตอาการผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนี้
_Article5.jpg)
โรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการตรวจคัดกรองหาความผิดปกติและรักษาเนื้องอกในสมองครบวงจร ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรกรรมประสาทและสมองที่มีประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาอย่างเป็นรายบุคคล พร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการวินิจฉัย เช่น MRI และ CT Scan เพื่อให้สามารถระบุชนิด ขนาด และตำแหน่งของเนื้องอกได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การฉายรังสี หรือการรักษาแบบประคับประคอง พร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เนื้องอกในสมองคือการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ภายในสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งอาจเป็นชนิดไม่ร้ายหรือชนิดร้ายก็ได้ สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งความผิดปกติของเซลล์ การกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม การแพร่กระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่น รวมถึงปัจจัยด้านอายุ เพศ และสิ่งแวดล้อม เนื้องอกในสมองอาการเริ่มแรกอาจปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะ แต่หากเนื้องอกโตขึ้นอาการจะรุนแรงขึ้นตาม เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดลำบาก หรือชัก แนวทางรักษามีทั้งผ่าตัด ฉายรังสี เคมีบำบัด และการดูแลประคับประคอง ขณะเดียวกันผู้ป่วยควรได้รับการดูแลครบทั้งร่างกาย จิตใจ ฟื้นฟูสมรรถภาพ และการติดตามผล การดูแลสุขภาพทั่วไป หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และตรวจคัดกรองเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
บริการตรวจคัดกรองหาสาเหตุปัญหาสุขภาพสมองและระบบประสาทตั้งแต่เนิ่นๆ ที่แผนกอายุรกรรม ประสาทและสมอง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น MRI และ CT Scan เพื่อตรวจพบความผิดปกติและวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสฟื้นฟูสุขภาพอย่างเต็มที่ โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ตอบโจทย์ทั้งการป้องกันและการดูแลรักษาโรคสมองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
เนื้องอกบางชนิดสามารถผ่าตัดหรือรักษาโดยการฉายรังสีและเคมีบำบัดจนหายขาดได้ ในขณะที่บางชนิดอาจควบคุมอาการและยืดอายุขัยได้ การรักษาเนื้องอกในสมองขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของเนื้องอก รวมถึงอายุและสภาพร่างกายของผู้ป่วย
ผู้ป่วยอาจมีอาการหลากหลาย เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน การมองเห็นหรือพูดผิดปกติ หรือมีปัญหาการทรงตัว แต่การวินิจฉัยที่ชัดเจนต้องอาศัยการตรวจด้วย MRI หรือ CT Scan และประเมินโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
อาการปวดหัวจากเนื้องอกในสมอง มักปวดหัวเรื้อรังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในตอนเช้า หรือปวดร่วมกับ คลื่นไส้อาเจียนและมองเห็นพร่ามัว ลักษณะปวดอาจเป็นตื้อๆ หรือปวดแบบบีบศีรษะ และไม่ทุเลาด้วยยาทั่วไป ทำให้สังเกตความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรก
อายุขัยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของเนื้องอก ตำแหน่ง ระยะที่ตรวจพบ และการตอบสนองต่อการรักษา ผู้ป่วยบางรายสามารถมีคุณภาพชีวิตปกติได้นานหลายปี ในขณะที่บางรายอาจอยู่ได้น้อยลง แต่การติดตามและรักษาอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยเพิ่มโอกาสและคุณภาพชีวิตได้
ในระยะท้ายผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรง เช่น ปวดศีรษะมากขึ้น อาเจียนผิดปกติ อ่อนแรงครึ่งตัว สมองทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อการพูด การมองเห็น และการทรงตัวอารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป การดูแลแบบประคับประคองและการรักษาอาการเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความสบายของผู้ป่วย
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved