น้ำตาเทียม: วิธีเลือก ข้อควรระวัง และประโยชน์ที่ควรรู้

Key Takeaway

  • น้ำตาเทียม คือสารละลายที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการระคายเคืองของดวงตา เหมาะสำหรับผู้ที่ตาแห้งหรือต้องการป้องกันความเสียหายต่อกระจกตา
  • น้ำตาเทียมเหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้ง ตาแดง ผู้สูงอายุ ใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน รวมถึงผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแห้งหรือมีฝุ่น
  • การเลือกผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียมควรพิจารณาความรุนแรงของอาการ ความไวต่อสารกันเสีย และสภาพแวดล้อม เช่น ใช้แบบน้ำสำหรับอาการเล็กน้อย แบบเจลหรือขี้ผึ้งสำหรับตาแห้งรุนแรง และเลือกสูตรไม่มีสารกันเสียหากดวงตาไวต่อสารเคมี

น้ำตาเทียมคือตัวช่วยสำคัญในการบรรเทาอาการตาแห้ง แสบ คัน หรือระคายเคืองดวงตา แต่การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน โรงพยาบาลภาวดีมีจักษุแพทย์มากประสบการณ์พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทน้ำตาเทียม วิธีใช้ และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้อย่างปลอดภัยและเหมาะกับสภาพดวงตาของตัวเอง!

ทำความรู้จักก่อนใช้ น้ำตาเทียมคืออะไร

 

ทำความรู้จักก่อนใช้ น้ำตาเทียมคืออะไร?

น้ำตาเทียม (Artificial Tears) คือสารละลายที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทนหรือลดความแห้งของดวงตา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การใช้สายตามากๆ การจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน การใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือแม้แต่สภาพอากาศที่แห้งและมีฝุ่นละออง น้ำตาเทียมช่วยให้ดวงตามีความชุ่มชื้นเพียงพอ ส่งเสริมสุขภาพของเยื่อบุตาและกระจกตา และช่วยให้การมองเห็นชัดเจน

น้ำตาเทียมมักมีส่วนประกอบหลักดังนี้

  1. น้ำบริสุทธิ์ (Purified Water) เป็นตัวละลายและให้ความชุ่มชื้นหลัก
  2. สารเพิ่มความหนืด (Viscosity Agents) เช่น ไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate), คาร์โบเมอร์ (Carbomer) ช่วยให้สารอยู่บนตานานขึ้น
  3. เกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) เช่น โซเดียม คลอไรด์ โพแทสเซียม ช่วยให้ดวงตารู้สึกสบายและสมดุลกับน้ำตาธรรมชาติ
  4. สารกันเสีย (Preservatives) หรือแบบปราศจากสารกันเสีย เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียในขวดน้ำตาเทียมแบบใช้หลายครั้ง
  5. สารอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น สารลดการระคายเคืองหรือสารปรับค่า pH ให้ใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ

 

ประโยชน์ของน้ำตาเทียมมีอะไรบ้าง?

 

ประโยชน์ของน้ำตาเทียมมีอะไรบ้าง?

น้ำตาเทียมช่วยบำรุงและปกป้องดวงตาให้ชุ่มชื้น ลดอาการไม่สบาย และป้องกันความเสียหายจากปัจจัยต่างๆ ที่กระทบต่อสายตา ไปดูกันว่าน้ำตาเทียมมีประโยชน์อย่างไร!

  • บรรเทาอาการตาแห้ง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ลดความแห้งและแสบตา
  • ลดอาการระคายเคือง บรรเทาอาการเคืองตา แสบตา หรือรู้สึกทรมานจากสิ่งกระตุ้นภายนอก
  • ชะล้างสิ่งแปลกปลอม ช่วยล้างฝุ่นละอองหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าตา
  • ดูแลดวงตาหลังการผ่าตัด ใช้หลังผ่าตัดดวงตาหรือเลสิก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการระคายเคือง
  • เพิ่มความสบายในการใส่คอนแท็กต์เลนส์ ลดความแห้งและความไม่สบายขณะใส่คอนแท็กต์เลนส์
  • ป้องกันความเสียหายต่อดวงตาจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือหน้าจอนานๆ ช่วยชะลออาการตาล้าและแห้งจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นเวลานาน

 

 ใครควรใช้น้ำตาเทียม

 

ใครควรใช้น้ำตาเทียม

น้ำตาเทียมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงและปกป้องดวงตาให้ชุ่มชื้น ลดอาการระคายเคือง และป้องกันความเสียหายจากปัจจัยต่างๆ

  • มีภาวะตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) ดวงตาแห้ง แสบ หรือเคืองตาเรื้อรัง
  • ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน ลดอาการตาล้าและแห้งจากการใช้สายตาติดต่อกัน
  • ผู้ที่ใส่คอนแท็กต์เลนส์ เพิ่มความสบาย ลดความแห้งและระคายเคือง
  • อยู่ในสภาพแวดล้อมอากาศแห้ง ช่วยให้ความชุ่มชื้นและป้องกันการระคายเคือง
  • ต้องเผชิญกับมลภาวะ ล้างฝุ่นละอองหรือสิ่งแปลกปลอมในดวงตา
  • ผู้สูงอายุ ป้องกันอาการตาแห้งตามวัย
  • มีอาการระคายเคืองตา ลดอาการแสบหรือคันตา
  • ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดตา เพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยฟื้นฟูหลังการผ่าตัด

 

น้ำตาเทียมมีกี่ประเภท?

 

น้ำตาเทียมมีกี่ประเภท?

น้ำตาเทียมมีหลายประเภท แต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อความสะดวกและตอบโจทย์อาการตาแห้งต่างกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกตามความเหมาะสมและความรุนแรงของอาการ

น้ำตาเทียมแบบน้ำ (Artificial Tear Drops)

น้ำตาเทียมแบบน้ำเป็นสารละลายใส มีความหนืดต่ำ ทำให้หล่อลื่นตาได้ทันทีและรู้สึกสบาย ใช้ง่าย เหมาะสำหรับหยดระหว่างวันโดยไม่ทำให้ตาพร่าหรือเหนียวตา

เหมาะกับผู้ที่มีอาการ ดังนี้

  • มีอาการตาแห้งเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • ใช้บ่อยระหว่างวันเพื่อลดความแห้งและระคายเคือง

น้ำตาเทียมแบบเจลหรือขี้ผึ้ง (Gel Drops/Gel Ointment)

น้ำตาเทียมแบบเจลหรือขี้ผึ้งมีความหนืดสูงกว่าน้ำตาเทียมแบบน้ำ ทำหน้าที่เคลือบตาได้นาน ลดการระเหยของน้ำตา และเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง

เหมาะกับผู้ที่มีอาการ ดังนี้

  • มีอาการตาแห้งรุนแรงหรือเรื้อรัง
  • เหมาะกับการใช้ก่อนนอนเพื่อลดอาการตาแห้งตอนเช้า
  • มีปัญหาตาแห้งจากสภาพแวดล้อมหรือโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน หรือโรคตาแห้งเฉพาะด้าน

น้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันเสีย

น้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันเสียมักบรรจุในหลอดรายวัน เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ทำให้เหมาะกับผู้ที่ตาไวต่อสารกันเสียหรือผู้ที่ต้องใช้บ่อย

เหมาะกับผู้ที่มีอาการ ดังนี้

  • มีอาการตาแห้งเรื้อรังและต้องหยดบ่อย
  • มีอาการระคายเคืองง่ายจากสารกันเสียในน้ำตาเทียมแบบขวด
  • ใช้ได้ปลอดภัยในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการปนเปื้อน

น้ำตาเทียมแบบมีสารกันเสีย

น้ำตาเทียมแบบมีสารกันเสียมักบรรจุในขวดใช้หลายครั้งหลังเปิดขวด ทำให้สะดวกและเก็บได้นาน

เหมาะกับผู้ที่มีอาการ ดังนี้

  • มีอาการตาแห้งเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • ผู้ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนขวดบ่อย
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ตาไวต่อสารกันเสีย เพราะอาจทำให้เกิดระคายเคืองหรือแพ้

 

เลือกน้ำตาเทียมอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

 

เลือกน้ำตาเทียมอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

การเลือกน้ำตาเทียมให้เหมาะสมกับตัวเองสำคัญต่อการบรรเทาอาการตาแห้งและป้องกันความระคายเคืองอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับ ความรุนแรงของอาการ ความไวต่อสารกันเสีย และสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน

  1. ประเมินความรุนแรงของอาการตาแห้ง
    • ตาแห้งเล็กน้อย ใช้น้ำตาเทียมแบบน้ำ (Artificial Tear Drops) หยดระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นทันที
    • ตาแห้งปานกลางถึงรุนแรง ใช้น้ำตาเทียมแบบเจลหรือขี้ผึ้ง (Gel Drops/Ointment) เพื่อเคลือบตาและบำรุงนานขึ้น โดยเฉพาะก่อนนอน
       
  2. พิจารณาความไวต่อสารกันเสีย
    • ตาไวต่อสารกันเสีย ควรเลือกน้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันเสีย (หลอดรายวัน) เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองหรือแพ้
    • ตาปกติไม่ไวต่อสารกันเสีย สามารถใช้น้ำตาเทียมแบบมีสารกันเสีย (ขวดใช้หลายครั้ง) ได้สะดวกและเก็บได้นาน
       
  3. พิจารณาสภาพแวดล้อมและกิจกรรม
    • อยู่ในสภาพอากาศแห้งหรือมีฝุ่น เลือกน้ำตาเทียมที่มีความหนืดปานกลางถึงสูง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการระเหยของน้ำตา
    • ใช้คอนแท็กต์เลนส์ เลือกสูตรที่ปลอดภัยสำหรับคอนแท็กต์เลนส์และไม่ทำให้เลนส์ขุ่น
    • ทำงานหน้าจอนานๆ เลือกน้ำตาเทียมหยดง่าย ใช้ได้บ่อย เพื่อลดอาการตาล้าและแห้ง
       
  4. ปรึกษาแพทย์หรือนักจักษุวิทยา
    • หากมีอาการตาแห้งรุนแรงเรื้อรัง หรือมีโรคตาอื่นร่วมด้วย การปรึกษาแพทย์จะช่วยเลือกน้ำตาเทียมสูตรเฉพาะและระบุวิธีใช้ให้เหมาะสม

วิธีใช้น้ำตาเทียมที่ถูกต้อง

การวิธีใช้น้ำตาเทียมให้ถูกต้องจะช่วยให้ดวงตาได้รับความชุ่มชื้นเต็มที่ ลดอาการระคายเคือง และป้องกันการติดเชื้อหรือผลข้างเคียงจากการใช้ไม่ถูกวิธี

  1. ล้างมือให้สะอาด ก่อนหยอดตาเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจมาจากมือ
  2. ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ อ่านฉลากและคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจวิธีการใช้ ปริมาณที่เหมาะสม และวันหมดอายุ
  3. เงยหน้าขึ้น จัดท่าให้สบาย โดยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
  4. ดึงเปลือกตาล่างลง ใช้นิ้วมือข้างที่ไม่ถนัดค่อยๆ ดึงเปลือกตาล่างลงเบาๆ ให้เกิดช่องว่าง
  5. หยอดน้ำตาเทียม ใช้มือข้างที่ถนัดถือขวดหรือหลอดน้ำตาเทียม หยอดลงไปในช่องว่างที่ดึงเปลือกตาล่างไว้ โดยระวังไม่ให้ปลายขวดสัมผัสกับดวงตา ขนตา หรือผิวหนัง เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
  6. หยอดเพียง 1 หยด โดยทั่วไปแล้วการหยอดเพียง 1 หยดก็เพียงพอ เพราะดวงตาของเราสามารถกักเก็บของเหลวได้ในปริมาณจำกัด
  7. หลับตาเบาๆ หลับตาลงประมาณ 1-2 นาที ไม่ควรหรี่ตาหรือกะพริบตาถี่ๆ เพราะจะทำให้น้ำตาเทียมไหลออกนอกดวงตาเร็วเกินไป
  8. นวดเบาๆ ที่หัวตา ใช้นิ้วมือกดและนวดเบาๆ บริเวณหัวตา เพื่อช่วยให้น้ำตาเทียมอยู่ในดวงตาได้นานขึ้น
  9. เช็ดส่วนเกิน ใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชูซับน้ำตาเทียมส่วนที่ไหลออกมา
  10. รอ 5-10 นาที หากต้องใช้ยาหยอดตาชนิดอื่นร่วมด้วย ควรรอประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้ยาแต่ละชนิดออกฤทธิ์ได้เต็มที่ ควรหยอดยาชนิดเหลวก่อนชนิดขี้ผึ้ง

 

ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม

 

ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม

การใช้น้ำตาเทียมอย่างระมัดระวังช่วยป้องกันอาการระคายเคืองหรือปัญหาสุขภาพตาเพิ่มเติม และทำให้การรักษาอาการตาแห้งมีประสิทธิภาพสูงสุด

  • ความถี่ในการใช้ หลีกเลี่ยงการหยดบ่อยเกินไปตามคำแนะนำของฉลากหรือแพทย์
  • การเก็บรักษา เก็บในที่เย็นและห่างจากแสงแดด ป้องกันการเสื่อมสภาพ
  • การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ หากน้ำตาเทียมมีสี กลิ่น หรือความขุ่นผิดปกติ ไม่ควรใช้
  • การใช้ร่วมกับคอนแท็กต์เลนส์ อ่านฉลากว่าสามารถใช้กับคอนแท็กต์เลนส์ได้หรือไม่
  • การปนเปื้อนของเชื้อโรค หลีกเลี่ยงการสัมผัสปลายหลอดกับตาหรือผิวรอบดวงตา
  • วันหมดอายุและระยะเวลาหลังเปิดใช้ ตรวจสอบวันหมดอายุและใช้ให้หมดภายในระยะเวลาที่กำหนดหลังเปิดขวด
  • พบแพทย์หากอาการตาแห้งไม่ดีขึ้น หากตาแห้งหรือระคายเคืองต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์
  • สัญญาณอันตรายที่ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ ปวดตา ตาแดงรุนแรง ตาพร่ามัว หรือมีน้ำตาไหลมาก ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที

สัญญาณที่บ่งชี้ ต้องพบแพทย์ด่วนมีอะไรบ้าง?

หากคุณสังเกตเห็นอาการตาแดงรุนแรงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจบ่งบอกถึงการอักเสบหรือการติดเชื้อที่รุนแรง นอกจากนี้ หากมีอาการตาพร่ามัวหรือเห็นไม่ชัด สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่กระจกตาหรือจอตา

ในกรณีที่มีหนองหรือตาแฉะมากผิดปกติ แสดงถึงการติดเชื้อรุนแรงที่ต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างเร่งด่วน รวมถึงอาการปวดตาหรือรอบดวงตาอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคตาอักเสบหรือความดันในลูกตาที่สูง การไปพบแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่ออาการไม่ดีขึ้นแม้จะใช้น้ำตาเทียมหลายวัน เพราะการดูแลด้วยตนเองเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอและอาจทำให้อาการแย่ลง

ตรวจสุขภาพตาที่โรงพยาบาลวิภาวดี

โรงพยาบาลวิภาวดี มีจักษุแพทย์มากประสบการณ์ ตรวจสุขภาพตา หรือการรักษาโรคตาต่างๆ พร้อมให้คำปรึกษาและวินิจฉัยปัญหาดวงตาอย่างครบถ้วน สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้ง ตาแดง อื่นๆ สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้น้ำตาเทียม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงดวงตาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างตรงจุด ช่วยให้การบำรุงรักษาดวงตาและการป้องกันภาวะแทรกซ้อนเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

สรุป

น้ำตาเทียมคือสารละลายที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บรรเทาอาการตาแห้งและระคายเคือง เหมาะกับผู้ที่ตาแห้ง ตาแดง ใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน น้ำตาเทียมแบ่งเป็นหลายประเภท เช่น แบบน้ำ แบบเจลหรือขี้ผึ้ง แบบไม่มีสารกันเสีย และแบบมีสารกันเสีย การเลือกน้ำตาเทียมควรพิจารณาความรุนแรงของอาการ ความไวต่อสารกันเสีย และสภาพแวดล้อมการใช้งาน พร้อมใช้อย่างถูกวิธี ตรวจสอบวันหมดอายุ และสังเกตอาการผิดปกติ หากตาแดงรุนแรง ตาพร่ามัว หรือมีหนอง ควรไปพบแพทย์ทันที

โรงพยาบาลวิภาวดีมีจักษุแพทย์มากประสบการณ์ให้คำปรึกษา ตรวจสุขภาพตา และแนะนำผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียมที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล สนใจตรวจสุขภาพตาหรือประเมินความเสี่ยงโรคตาแดง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย! ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อได้ที่ โทร. 02-561-1111

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียมที่เหมาะกับแต่ละคนมากขึ้น มาดูคำถามที่หลายคนมักสงสัยพร้อมคำตอบกัน

น้ำตาเทียมกับยาหยอดตาแตกต่างกันอย่างไร?

น้ำตาเทียมมีหน้าที่หลักในการเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการระคายเคืองเท่านั้น ส่วนยาหยอดตามักมีตัวยาที่รักษาโรคหรืออาการเฉพาะ เช่น ลดการอักเสบ หยอดแล้วรักษาโรคได้ตรงจุด น้ำตาเทียมจึงเหมาะกับการดูแลทั่วไปและป้องกันอาการตาแห้ง

น้ำตาเทียมต่างจากน้ำตาอย่างไร?

น้ำตาเทียมเป็นสารละลายที่ออกแบบให้ใกล้เคียงน้ำตาธรรมชาติ ทั้งค่า pH ความหนืด และเกลือแร่ แต่จะคงอยู่บนดวงตาได้นานกว่าน้ำตาธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในผู้ที่น้ำตาไม่เพียงพอหรือแห้งเรื้อรัง

น้ำตาเทียมใช้กับโรคตาอะไรได้บ้าง?

น้ำตาเทียมมักใช้กับภาวะตาแห้ง (Dry Eye Syndrome), ตาแดงจากการระคายเคือง หรือหลังผ่าตัดตา เช่น เลสิก นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการตาล้าและระคายเคืองจากการใส่คอนแท็กต์เลนส์หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแห้ง

เด็กสามารถใช้น้ำตาเทียมได้ไหม?

เด็กสามารถใช้น้ำตาเทียมได้ แต่ควรเลือกสูตรที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและปราศจากสารกันเสีย หากเป็นเด็กเล็กหรือมีอาการตาแห้งรุนแรง ควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย


บทความที่เกี่ยวข้อง