ความรู้ด้านโภชนาการสำหรับเด็ก

ความรู้ด้านโภชนาการสำหรับเด็ก

 

                ช่วง 6 เดือนแรกอาหารที่ดีที่สุดของทารกนั้นคือ “นมแม่” เพราะมีสารอาหารมากมาย เช่น DHA ช่วยบำรุงสมองและสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ เพราะในนมถั่วเหลือง (โคลอสตรัม) มีภูมิคุ้มกันสูงกว่านมวัว 3,000 เท่า มีสารช่วยย่อย และช่วยเร่งการเจริญเติบโต

                อาหารสำหรับเด็กทารก 6 เดือน ได้แก่ ตับ เนื้อสัตว์ ปลาช่อน ปลาน้ำจืด ผักใบเขียว หรือข้าวกล้องบด มันฝรั่งและไข่แดงบด น้ำซุปผัก ไข่ตุ๋น+ผักนิ่มๆ ผลไม้สุกจัดนิ่มๆ เช่นมะละกอบด, มะม่วงสุกบด, กล้วยน้ำหว้าบด, น้ำส้มคั้นสดไม่มีเมล็ด ไม่ควรปรุงรสใดๆ เป็นรสหวานธรรมชาติ ไข่แดงควรมีทุกมื้ออาหาร นำไข่แดงที่ต้มสุกแล้วมาบี้ใส่ในข้าวตุ๋น ถ้าคุณแม่กลัวลูกแพ้ไข่ขาว เริ่มให้รับประทานไข่ขาวเมื่ออายุครบ 1ขวบก็ได้ อาหารค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละน้อย สังเกตการรับประทานอาหารของทารก ว่าสิ่งไหนชอบสิ่งไหนไม่ชอบ

                อาหารสำหรับเด็ก 7 เดือน เน้นวัตถุดิบที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวบด ผักต้มนิ่มๆ 2-4 อย่างบดรวมกัน กระตุ้นให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ จะได้ถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น

                อาหารสำหรับเด็ก  6-9 เดือน บางคนมีฟันน้ำนมขึ้นหนึ่งหรือมากกว่านั้น ฟันจะช่วยให้ลูกเคี้ยว และเพลิดเพลินกับอาหารที่มีเนื้อสัมผัสหยาบขึ้น มีการพัฒนาการหยิบจับของ เช่นหยิบอาหารกินเอง

               อาหารสำหรับเด็ก 8-9 เดือน อาหารจำพวกแป้งที่เป็นมื้อเล็กๆ วันละ 2 มื้อ เช่น ข้าวสวยนิ่มๆ ขนมปังแผ่น มันฝรั่ง พืชผัก ผลไม้ คละสีสัน มีความหยาบ ละเอียด มีกลิ่นรสหลากหลาย เช่น ผัก ผลไม้ ถือรับประทานเองได้ เช่น แตงกวา แครอทต้ม อาหารโปรตีนสูงแต่นุ่มบดง่าย ได้แก่ ไข่แดง ตับไก่ เต้าหู้อ่อน หรือปลา หมุนเวียนกันไป ปริมาณอาหารที่เหมาะสมใน 1 มื้อ ของเด็กคือ ข้าวสวย 5 ช้อน เนื้อสัตว์ ไข่ 2 ช้อน ผักนิ่มๆ 2 ช้อน ผลไม้ ชิ้นพอดีคำ น้ำมันพืช ช้อนชา

                อาหารสำหรับเด็กวัย10-12 เดือน เด็กสามารถกินอาหารหยาบได้ อาหารควรเปลี่ยนจากบดหรือสับ มาเป็นหั่นชิ้นเล็กแทน เช่น มักกะโรนีต้ม ข้าวต้ม หรือเนื้อปลาสับหยาบ กินอาหาร 3 มื้อ

                โภชนาการเด็ก 1-3 ปี เด็กช่วงนี้กำลังหัดเดิน ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยทารกสู่วัยเด็กเล็ก ลูกจะสนุกกับการเดินรอบๆ ค้นหารสิ่งใหม่ๆ การจัดอาหาร ต้องอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ครบ หมู่ วันละ 4-6 มื้อ (รวมมื้อว่าง) เน้นโปรตีน เพราะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย และได้รับพลังงานที่เพียงพอ วันละ 1,000 Kcal./วัน รวมให้นมแม่ด้วย พลังงานส่วนใหญ่มาจาก ข้าวแป้ง-ธัญพืช น้ำตาล ไขมัน และเนื้อสัตว์

    • หมวดข้าวแป้ง รับประทานมื้อละ 1 ทัพพี เน้นข้าวกล้อง หรือ ข้าวซ้อมมื้อ เพราะมีแร่ธาตุ และวิตามินใยอาหารมากกว่าข้าวขาวปกติ
    • หมวดเนื้อสัตว์ ควรรับประทานเป็น ไข่ นม เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น เนื้อหมู ปลา ไก่ ถั่วต้มเปื่อย หรือเต้าหู้ โปรตีนช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และการเจริญเติบโต ควรได้รับ 1.4 กรัมต่อน้ำหนักตัว กิโลกรัม และควรได้รับธาตุเหล็กที่เพียงพอ เด็กควรได้กินไข่ 1 ฟองทุกวัน และดื่มนมทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง
    • หมวดไขมัน ไขมันนอกจากให้พลังงานแล้วยังช่วยในการดูดซึมวิตามินบางชนิด เช่น วิตามิน A D E K เด็กได้รับน้ำมันชนิดดีต่อสุขภาพ 3 ช้อนชาต่อวัน
    • หมวดผัก ผักอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ควรให้เด็กรับประทานผักหลากสีสัน ควรรับประทานผักมื้อละครึ่งทัพพี เป็นผักสีเข้ม เช่น เขียวเข้ม ส้มเข้ม แดงเข้ม เหลืองเข้ม เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการรอบด้าน สมวัย
    • หมวดผลไม้ มีวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร ควรรับประทานผลไม้สด มากกว่าผลไม้แปรรูป หรือน้ำผลไม้เพราะบางครั้งมีรสหวานมากเกินไป เฉลี่ย วัน เด็กควรได้รับประทานผลไม้ 3 ส่วน
    • หมวดนม ควรส่งเสริมให้เด็กดื่มนมทุกวัน  เพื่อให้ได้รับแคลเซียมเพียงพอ  เสริมสร้างมวลกระดูก เด็กควรดื่มนมจืดวันละ 2-3 แก้ว

 

ปริมาณอาหารที่เพียงพอ สำหรับเด็ก 4-6 ปี

                                                กลุ่มข้าวแป้ง         วันละ 5 ทัพพี

                                                กลุ่มผัก                  วันละ 3 ทัพพี

                                                กลุ่มผลไม้             วันละ 3 ส่วน

                                                กลุ่มนม                 วันละ 2-3 แก้ว (1 แก้ว ปริมาณ 240 มิลลิลิตร)

                                                กลุ่มเนื้อสัตว์        วันละ 4 ช้อนโต๊ะ (กรณีเด็กดื่มนมไม่ถึง 2-3 แก้วต่อวัน แล้วต้องเพิ่มเนื้อสัตว์ในอาหารขึ้นเล็กน้อย)

                                                กลุ่มไขมัน            น้ำมันวันละ 5 ช้อนชา (ควรเป็นไขมันดี)

                                                ส่วนน้ำตาล, เกลือ รับประทานได้เล็กน้อย

                การจัดอาหารสำหรับเด็ก คุณพ่อและคุณแม่สามารถยืดหยุ่นให้ลูกได้ บางมื้อลูกอาจรับประทานได้มาก บางมื้อรับประทานได้น้อย พ่อแม่ไม่ควรเครียดเกินไป และควรค้นหาสิ่งที่ลูกเราชอบ จัดอาหารที่รู้ใจ เช่น ดูว่าลูกชอบอะไรไม่ชอบอะไร สร้างบรรยากาศที่ดีในการรับประทานอาหาร การจัดอาหารต้องมีโอเมก้า และโอเมก้า 6 เพราะมีในอาหารเท่านั้น ร่างกายสร้างเองไม่ได้ พบมากในปลาและเนื้อสัตว์ เน้นปลาทะเล ไขมันมีความสำคัญต่อระบบสมอง ควรเลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพ

                การที่เด็กได้รับโภชนาการที่ดีเพียงพอ สามารถดูได้จากส่วนสูง น้ำหนักที่สมดุล อยู่ในระดับปกติของกราฟวัดการเจริญเติบโต มีความร่าเริง สดใส ไม่เจ็บป่วยบ่อย เช่น เป็นหวัด ท้องเสีย

                การให้เด็กรับประทานอาหารมากเกินไป อาจจะทำให้เด็กเกิดภาวะอ้วนได้ หรือเด็กชอบรับประทานขนมหรือผลไม้รสหวานน้อยๆ เป็นต้น

<