- การถอนฟันอาจจำเป็นเมื่อฟันผุรุนแรงจนไม่สามารถรักษาได้อีก หรือมีโรคเหงือกที่ทำให้ฟันโยก รวมถึงกรณีฟันคุด ฟันซ้อน ฟันหัก หรือฟันที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ การถอนฟันช่วยป้องกันการลุกลามของโรคและปัญหาช่องปากในระยะยาว
- วิธีดูแลตัวเองหลังถอนฟัน คือควรกัดผ้าก๊อซเพื่อห้ามเลือด รับประทานอาหารอ่อน รวมถึงงดบ้วนน้ำแรงๆ และไม่ใช้หลอดดูด เพื่อป้องกันลิ่มเลือดหลุดออก ทำความสะอาดช่องปากอย่างระมัดระวัง และรับประทานยาตามแพทย์สั่งเพื่อให้แผลหายเร็ว
- บรรเทาปวดอาการปวดหลังถอนฟันได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง ประคบเย็นที่แก้มใน 24 ชั่วโมงแรก และเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณแผล เลือกรับประทานอาหารอ่อน นอนหนุนหมอนสูง และใช้น้ำเกลืออุ่นบ้วนปากเบาๆ
การถอนฟันอาจเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บ ความเสี่ยง หรือความยุ่งยากในการดูแลหลังถอน แต่ความจริงแล้วการถอนฟันในหลายกรณีถือเป็นการรักษาที่จำเป็นเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ในบทความนี้พาไปทำความเข้าใจทุกด้านเกี่ยวกับการถอนฟัน ตั้งแต่สาเหตุที่ทำให้ต้องถอนฟัน ขั้นตอนการถอนฟันอย่างปลอดภัย วิธีดูแลตัวเองหลังถอนฟัน ไปจนถึงข้อควรรู้สำคัญ ที่ช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%20Article%2012%20(%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99)_Article.jpg)
7 สาเหตุและความจำเป็นที่ต้องถอนฟัน
การถอนฟันเป็นหัตถการที่ทันตแพทย์พิจารณาเมื่อไม่สามารถรักษาฟันซี่นั้นให้คงสภาพใช้งานได้อีกต่อไป หรือเมื่อฟันสร้างปัญหาต่อสุขภาพช่องปากโดยรวม การทำความเข้าใจสาเหตุที่ต้องถอนฟันจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจรับการรักษาได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
1. ฟันผุขั้นรุนแรง
ฟันผุที่ลุกลามจนถึงโพรงประสาทฟันมักทำให้เกิดอาการปวดมาก เมื่อสภาพฟันทรุดโทรมจนไม่สามารถรักษารากฟันหรือบูรณะด้วยวัสดุอุดฟันหรือครอบฟันได้ ฟันอาจแตกหรือผุมากจนไม่เหลือเนื้อฟันเพียงพอต่อการซ่อมแซม ในกรณีนี้การถอนฟันเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันการลุกลามของการติดเชื้อ ลดอาการปวด และป้องกันการกระทบกระเทือนต่อฟันข้างเคียง
2. โรคเหงือกอักเสบรุนแรง
โรคเหงือกอักเสบ หรือ โรคปริทันต์ (Periodontal disease) ระยะรุนแรง ทำให้กระดูกและเนื้อเยื่อที่ช่วยยึดฟันถูกทำลายจนฟันโยกหรือหลวมมาก การติดเชื้อในเหงือกอาจทำให้เกิดอาการปวด กลิ่นปาก และอาจสูญเสียกระดูกขากรรไกร หากกระดูกถูกทำลายจนไม่สามารถรักษาให้ฟันกลับมายึดแน่นได้ การถอนฟันเป็นวิธีที่เหมาะสมเพื่อลดการอักเสบและหยุดการลุกลามของโรค
3. ฟันคุดหรือฟันซ้อนผิดตำแหน่ง
ฟันคุดที่ฝังลึกในเหงือกหรือขึ้นผิดทิศทางอาจดันฟันข้างเคียง ทำให้เกิดอาการปวด บวม เหงือกอักเสบ หรือมีถุงน้ำรอบฟันคุด (Cyst) ฟันซ้อนหรือฟันที่ขึ้นผิดตำแหน่งยังทำให้การเคี้ยวผิดปกติและเพิ่มความยากลำบากในการทำความสะอาด ทันตแพทย์มักแนะนำให้ถอนฟันเหล่านี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้การจัดฟันหรือการเรียงตัวของฟันดีขึ้น
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%20Article%2012%20(%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99)_Article2.jpg)
4. ฟันหักหรือเสียหายมาก
ฟันที่แตกหรือหักจากอุบัติเหตุ การกัดของแข็ง หรือการสึกกร่อนเรื้อรังอาจเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมหรือครอบฟันได้ โดยเฉพาะเมื่อรอยหักลึกถึงรากฟันหรือโคนฟัน การถอนฟันจึงเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อหรือการปวดเรื้อรัง และเป็นขั้นตอนที่เตรียมให้สามารถใส่ฟันเทียมหรือรากฟันเทียมทดแทนในอนาคต
5. การติดเชื้อรุนแรง
ฟันที่ติดเชื้อจนลุกลามไปถึงรากฟันหรือกระดูกขากรรไกรมักทำให้เกิดอาการปวด บวม และอาจมีหนอง เมื่อไม่ตอบสนองต่อการรักษารากฟันหรือการใช้ยาปฏิชีวนะ การถอนฟันเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า เพื่อหยุดการกระจายของเชื้อและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดหรือการลุกลามสู่ไซนัส
6. ฟันที่ไม่มีประโยชน์ทางการบดเคี้ยว
ฟันบางซี่ เช่น ฟันกรามซี่สุดท้าย หรือฟันที่ขึ้นในตำแหน่งลึกมาก อาจไม่สามารถใช้งานได้จริงและก่อให้เกิดปัญหาแทน เช่น การสะสมของเศษอาหาร ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ ฟันประเภทนี้อาจไม่ช่วยในการบดเคี้ยวและสร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพช่องปาก การถอนฟันช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
7. การเตรียมการทางทันตกรรม
ในบางกรณี การถอนฟันเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา เช่น การจัดฟันที่ต้องสร้างพื้นที่เพื่อให้ฟันเคลื่อนตัวอย่างเหมาะสม หรือถอนฟันก่อนทำฟันปลอมและรากฟันเทียม เพื่อให้โครงสร้างช่องปากมีความสมดุลและรองรับงานฟันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถอนฟันในลักษณะนี้มักอยู่ภายใต้การวางแผนระยะยาวของทันตแพทย์เฉพาะทาง
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%20Article%2012%20(%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99)_Article3.jpg)
การเตรียมตัวก่อนถอนฟัน
- ปรึกษาทันตแพทย์ล่วงหน้า แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และอาการแพ้ยา เพื่อให้ทันตแพทย์ประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาอย่างปลอดภัย
- งดอาหารหรือเครื่องดื่มตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีการใช้ยากล่อมประสาทหรือดมยาสลบ อาจต้องงดอาหาร 6-8 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
- เตรียมความพร้อมเรื่องยารับประทาน ในกรณีที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา และเตรียมรับประทานยาที่จำเป็นหลังถอนฟันตามคำสั่งแพทย์
- วางแผนการเดินทางและการพักผ่อนหลังถอนฟัน ควรมีผู้ดูแลหรือผู้ติดตามมาด้วยหากต้องใช้ยากล่อมประสาท และเตรียมตัวพักผ่อนให้เพียงพอหลังการถอนฟัน หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก
- ทำความสะอาดช่องปากก่อนการถอนฟัน แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันให้สะอาดก่อนการเข้ารับการรักษา เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหลังถอนฟัน
ขั้นตอนการถอนฟัน
- ตรวจประเมินสภาพช่องปาก ทันตแพทย์จะตรวจฟัน เหงือก และกระดูกบริเวณที่เกี่ยวข้อง รวมถึงถ่ายภาพ X-ray เพื่อประเมินตำแหน่งรากฟัน ความลึก และความยากของการถอน
- ให้ยาชาเฉพาะที่ เพื่อป้องกันความเจ็บปวดระหว่างทำหัตถการ ทันตแพทย์จะฉีดยาชาในบริเวณที่จะถอนฟัน เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว ผู้ป่วยจะรู้สึกกดหรือดัน แต่ไม่รู้สึกเจ็บ
- ขยับและถอนฟันออกจากเบ้า ทันตแพทย์ใช้เครื่องมือเฉพาะทางค่อยๆ ขยับฟันให้หลวม โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง จากนั้นดึงฟันออกจากเบ้าอย่างระมัดระวัง
- ทำความสะอาดแผลหลังถอนฟัน เมื่อฟันถูกถอนออกแล้ว ทันตแพทย์จะทำความสะอาดเบ้าฟัน กำจัดเศษชิ้นส่วนหรือการติดเชื้อที่อาจเหลืออยู่เพื่อเตรียมให้แผลหายได้ดี
- ห้ามเลือดและปิดแผล ทันตแพทย์จะกดผ้าก๊อซเพื่อให้เลือดหยุด หากเป็นการถอนฟันที่ยากหรือมีแผลกว้าง อาจต้องเย็บปิดแผลเพื่อช่วยให้เลือดหยุดและแผลสมานเร็วขึ้น
- ให้คำแนะนำหลังถอนฟัน หลังทำหัตถการ ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีดูแลตัวเอง เช่น การกัดผ้าก๊อซ การหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง การประคบเย็น รวมถึงการใช้ยาและการนัดติดตามผล
การดูแลหลังการถอนฟัน
- กัดผ้าก๊อซเพื่อห้ามเลือด กัดผ้าก๊อซแน่นๆ ประมาณ 30-60 นาทีเพื่อช่วยให้เลือดหยุด หากยังมีเลือดซึม สามารถเปลี่ยนผ้าก๊อซและกัดซ้ำได้ และหลีกเลี่ยงการดูดน้ำลายหรือบ้วนน้ำแรงๆ
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารร้อนหรือเคี้ยวด้านฟันที่ถอน เลือกรับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ซุป หรือโยเกิร์ต และหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว หรือร้อนจัด เพื่อไม่ให้กระทบแผล
- งดการใช้หลอดดูดน้ำและงดการบ้วนน้ำแรงๆ เพื่อป้องกันเลือดที่เป็นลิ่มเลือดในแผลหลุดออก ที่อาจทำให้แผลหายช้าหรือเกิดภาวะ “Dry Socket” ที่ทำให้ปวดมาก
- ดูแลความสะอาดช่องปากอย่างระมัดระวัง แปรงฟันตามปกติแต่หลีกเลี่ยงบริเวณแผล และสามารถใช้น้ำเกลืออุ่นบ้วนเบาๆ หลังผ่านไป 24 ชั่วโมงเพื่อช่วยลดการอักเสบ
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างครบถ้วน ทั้งยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ หรือยาลดบวม ควรรับประทานตามที่ทันตแพทย์กำหนดเพื่อให้แผลหายเร็วและลดความเสี่ยงติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลต่อการสมานแผล เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ และอาจทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ
- พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ออกกำลังกายหนัก หรือก้มศีรษะบ่อยๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเกิดเลือดออกซ้ำ
- สังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการปวดมากผิดปกติ เลือดออกไม่หยุด สีผิวแก้มบวมแดง หรือมีกลิ่นปากร่วมกับหนอง ควรรีบกลับมาพบทันตแพทย์ทันที
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%20Article%2012%20(%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99)_Article4.jpg)
วิธีบรรเทาอาการปวดหลังถอนฟัน
- รับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง หากทันตแพทย์ให้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้อักเสบ ควรรับประทานตามเวลาอย่างเคร่งครัดเพื่อช่วยลดอาการปวดและบวม
- ประคบเย็นบริเวณแก้มใน 24 ชั่วโมงแรก การประคบเย็นครั้งละ 10-15 นาที ข้างที่ถอนฟัน ช่วยลดอาการบวม อักเสบ และบรรเทาความปวดเฉียบพลันหลังถอนฟันได้ดี
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกระทบกระเทือนแผล ควรหลีกเลี่ยงการกัดด้านที่ถอนฟัน ไม่ใช้นิ้วหรือวัตถุอื่นสัมผัสแผล และไม่บ้วนน้ำแรงๆ ซึ่งอาจทำให้แผลระคายเคืองหรือเลือดออกซ้ำ
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว หรือร้อนจัด ควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน อุณหภูมิพอดี เช่น โจ๊ก ซุป หรือโยเกิร์ต เพื่อลดความเจ็บและป้องกันเศษอาหารติดในแผล
- ยกศีรษะสูงกว่าระดับหัวใจขณะพักผ่อน การนอนหนุนหมอนสูงเล็กน้อยช่วยลดการบวมและลดแรงดันเลือดบริเวณที่ถอนฟัน ทำให้อาการปวดดีขึ้น
- ใช้น้ำเกลืออุ่นบ้วนปากเบาๆ หลัง 24 ชั่วโมง น้ำเกลืออุ่นช่วยลดการอักเสบและทำความสะอาดบริเวณแผล โดยควรบ้วนอย่างเบามือเพื่อไม่ให้ลิ่มเลือดหลุด
- พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากเพื่อลดการกระตุ้นให้แผลปวดหรือบวมเพิ่มขึ้น
ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อนในการถอนฟัน
- เลือดออกมากผิดปกติ หากเลือดออกต่อเนื่องไม่หยุดหรือมีลิ่มเลือดหลุดบ่อย อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน เช่น การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ต้องรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที
- ภาวะ Dry Socket (ลิ่มเลือดหลุดออกจากแผล) เกิดอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆ และมักปวดร้าวไปที่หูหรือกราม พบมากในผู้สูบบุหรี่หรือบ้วนน้ำแรงๆ จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากทันตแพทย์
- การติดเชื้อบริเวณแผลถอนฟัน แผลบวมแดง มีหนอง มีกลิ่นปาก หรือปวดเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะและการตรวจรักษาจากทันตแพทย์
- อาการบวมหรือช้ำบริเวณใบหน้า มักเกิดใน 1-3 วันแรกหลังถอนฟัน ถือเป็นอาการปกติ แต่หากบวมนานผิดปกติหรือบวมมากขึ้นอาจเป็นสัญญาณการติดเชื้อ หรือมีเลือดคั่ง ต้องให้แพทย์ประเมินเพิ่มเติม
- อาการชา หรือเส้นประสาทถูกกระทบกระเทือน พบได้บ่อยในกรณีถอนฟันคุดล่างใกล้เส้นประสาท อาจมีอาการชาที่ริมฝีปากหรือคาง ซึ่งส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ควรติดตามอาการกับทันตแพทย์อย่างต่อเนื่อง
- อาการเจ็บหรือปวดเรื้อรัง อาการปวดไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน หรือกลับมาปวดมากกว่าปกติ อาจเกิดจากการติดเชื้อ การอักเสบ หรือแผลหายไม่ดี ควรรีบกลับมาตรวจประเมินเพิ่มเติม
- เศษรากหรือฟันหักค้างในแผล ในบางกรณีฟันอาจหักระหว่างถอน หากมีเศษเล็กๆ ค้างอยู่ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือปวดเรื้อรัง จำเป็นต้องให้ทันตแพทย์เอาออกและทำความสะอาดแผลอย่างถูกต้อง
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%20Article%2012%20(%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%20%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99)_Article5.jpg)
รักษาฟัน ถอนฟัน ที่โรงพยาบาลวิภาวดี
โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจรักษาทางทันตกรรมแบบครบวงจร โดยทันตแพทย์ ตั้งแต่การตรวจสุขภาพฟันพื้นฐาน อุดฟัน รักษาฟันผุ ดูแลโรคเหงือก จนถึงการรักษาที่ต้องใช้ความชำนาญการสูง เช่น รักษารากฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด และศัลยกรรมช่องปาก ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและมาตรฐานการปลอดเชื้อที่เข้มงวด เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีความปลอดภัยและมั่นใจในทุกขั้นตอน โรงพยาบาลยังมีบริการด้านทันตกรรมเด็ก จัดฟัน ฟอกสีฟัน รวมถึงรากฟันเทียมสำหรับทดแทนฟันที่สูญเสีย โดยมีทันตแพทย์ประจำเฉพาะทางคอยให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมแต่ละรายบุคคล ทุกบริการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งสุขภาพ ความงาม และความสะดวกสบายของผู้เข้ารับบริการ เพื่อให้คุณกลับมายิ้มได้กว้างอีกครั้ง
สรุป
การถอนฟันเป็นหัตถการที่ทันตแพทย์ใช้เมื่อฟันซี่นั้นไม่สามารถรักษาให้คงสภาพเดิมได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะจากฟันผุรุนแรง โรคเหงือก ฟันคุด หรือการติดเชื้อ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วยตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น การเตรียมตัวก่อนถอนฟัน ดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างถูกต้อง จะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดอาการปวด และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หากมีอาการผิดปกติควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที หากคุณกำลังมองหาการดูแลฟัน รักษาฟัน ถอนฟันอย่างมืออาชีพและมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมดูแลสุขภาพช่องปากของคุณและครอบครัวอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน!
FAQ
โดยทั่วไปเลือดจะไหลประมาณ 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง หลังการถอนฟัน ก่อนที่ลิ่มเลือดจะเริ่มก่อตัวปิดแผล หากเลือดซึมเล็กน้อยอาจพบได้ต่อเนื่องอีก 1-2 วัน แต่ไม่ควรมีเลือดออกมากผิดปกติ หากเลือดยังไหลไม่หยุดเกิน 4-6 ชั่วโมง ควรติดต่อทันตแพทย์ทันทีเพื่อตรวจซ้ำและประเมินการแข็งตัวของเลือดหรือสาเหตุอื่นๆ
หลังถอนฟันกรามมักมีอาการปวดตึงและบวมเล็กน้อยบริเวณแก้มหรือกรามในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ซึ่งเป็นอาการปกติจากการอักเสบของเนื้อเยื่อ อาจมีเลือดซึมเล็กน้อยและอ้าปากได้ไม่เต็มที่ในช่วงแรก การเคี้ยวอาหารอาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สะดวกแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 2-3 วัน หากปวดมากขึ้น บวมมากผิดปกติ หรือมีกลิ่นปากแรง ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อประเมินการติดเชื้อ
หลังถอนฟันกรามควรหลีกเลี่ยงการดูดน้ำ หลอดดูด การบ้วนปากแรงๆ และการบ้วนน้ำลายบ่อย เพราะอาจทำให้ลิ่มเลือดหลุดได้ นอกจากนี้ไม่ควรสูบบุหรี่ ออกกำลังกายหนัก หรือทานอาหารร้อนจัดใน 24 ชั่วโมงแรก ควรรับประทานอาหารอ่อน เคี้ยวด้านที่ไม่ใช่แผล และงดแอลกอฮอล์จนกว่าแผลจะดีขึ้นเพื่อป้องกันการอักเสบ
ฟันคุดคือฟันที่ขึ้นไม่เต็มซี่ เพราะมีพื้นที่ไม่พอหรือเอียงผิดตำแหน่ง ทำให้โผล่ขึ้นมาเพียงบางส่วนหรือไม่โผล่เลย ฟันคุดที่มีอาการปวด บวม อักเสบ หรือดันฟันข้างเคียงจนเกิดปัญหาควรได้รับการผ่าตัดถอน แต่ถ้าฟันคุดไม่ก่อปัญหาสามารถให้ทันตแพทย์ประเมินตามภาพ X-ray เป็นรายบุคคลว่าจะต้องถอนหรือเฝ้าระวังแทน