คอพอก (Goiter) ภาวะที่มีการโตขึ้นของต่อมไทรอยด์

คอพอก (Goiter) ภาวะที่มีการโตขึ้นของต่อมไทรอยด์

          ต่อมไทรอยด์ คือต่อมไร้ท่อชนิดหนึ่งของร่างกาย มีหน้าที่สร้างไทรอยด์ฮอร์โมน โดยใช้ ธาตุไอโอดีน เป็นส่วนประกอบหนึ่ง จากนั้น ก็จะปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด, ฮอร์โมนเหล่านี้ มีหน้าที่กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน (metabolism) ของเซล ทั่วร่างกาย และจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกายด้วย

 

คอพอก (Goiter) หมายถึง ภาวะที่มีการโตขึ้นของต่อมไทรอยด์ สามารถแบ่งได้ดังนี้

แบ่งตามลักษณะการโต แบ่งออกเป็น

  1. ต่อมไทรอยด์โตทั่ว ๆ ไป (Diffuse goiter) : หมายถึง ภาวะที่มีต่อมไทรอยด์โตทั่ว ๆ ไปก้อนเดี่ยวของต่อมไทรอยด์ (Solitary thyroid nodule) : หมายถึง ภาวะที่มีการโตของต่อมไทรอยด์เฉพาะที่ มองเห็นเป็นก้อนเดี่ยว ๆ โดยที่ส่วนอื่น ๆ ของต่อมไทรอยด์ดูปกติก้อนตะปุ่มตะปั่มของต่อมไทรอยด์ (Multinodular goiter) : มีก้อนหลาย ๆ ก้อน ทำให้เห็นไทรอยด์เป็นก้อนตะปุ่มตะปั่ม แบ่งตามอาการ แบ่งออกเป็น 
  2. คอพอกแบบเป็นพิษ (Toxic goiter) : ต่อมไทรอยด์มีการสังเคราะห์และหลั่งไทรอยด์ฮอร์โมนมากเกิน จนเกิดอาการใจสั่น เหนื่อยง่าย มือสั่น น้ำหนักลดและอื่น ๆ 
  3. คอพอกธรรมดา (Simple goiter) :  คอพอก โดยที่ไม่มีอาการของต่อมไทรอยด์เป็นพิษ

 

ต่อมไทรอย คืออะไร
          ต่อมไทรอยด์ คือต่อมไร้ท่อชนิดหนึ่งของร่างกาย อยู่บริเวณคอด้านหน้า, วางอยู่หน้าต่อหลอดลม, มีน้ำหนักประมาณ 20 กรัม, แบ่งออกเป็น 2 กลีบ ซ้ายกับขวา เชื่อมกันตรงกลางด้วยส่วนคอดที่เรียกว่า isthmus แต่ละกลีบมีขนาดประมาณ 5x2x2 ซม., ต่อมไทรอยด์มีกล้ามเนื้อปกคลุมอยู่ ทำให้ในภาวะปกติที่ไม่มีไทรอยด์โต หรือโตน้อย ก็จะมองไม่เห็น

         ต่อมไทรอยด์มีหน้าที่สร้างไทรอยด์ฮอร์โมน โดยใช้ ธาตุไอโอดีน เป็นส่วนประกอบหนึ่ง จากนั้น ก็จะปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด, ฮอร์โมนเหล่านี้ มีหน้าที่กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน (metabolism) ของเซล ทั่วร่างกาย และจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกายด้วย

 

สาเหตุ

          คอพอกธรรมดา ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดธาตุไอโอดีน,อาจพบได้ในขณะที่ร่างกาย ต้องการไทรอยด์ฮอร์โมนเพิ่มขึ้น เช่น ในช่วงวัยรุ่น ขณะตั้งครรภ์, ได้รับสารบางชนิด หรือยาบางอย่าง(ในระยะแรก ต่อมไทรอยด์จะโตทั่ว ๆ ไป แต่ต่อมาจะกลายเป็นก้อนตะปุ่มตะปั่ม หรืออาจคลำได้เป็นก้อนเดี่ยว ๆ ก็ได้)  ก้อนเดี่ยวและก้อนตะปุ่มตะปั่มของต่อมไทรอยด์ อาจเกิดจาก การขาดไอโอดีน, ถุงน้ำ, ต่อมไทรอยด์อักเสบ, เนื้องอกธรรมดา หรือมะเร็ง ก็ได้ภาวะพิษของต่อมไทรอยด์ อาจเกิดจาก คอพอกเป็นพิษที่เรียกว่า Graves’ disease, เนื้องอกธรรมดาที่ทำงานมากเกิน (Toxic adenoma) หรือคอพอกตะปุ่มตะปั่มที่เป็นมานาน (Toxic multinodular goiter)

 อาการและอาการแสดง

 

ไม่มีอาการอะไร นอกจากพบว่า มีต่อมไทรอยด์โตขึ้น

          อาการที่เกี่ยวเนื่องกับต่อมไทรอยด์เป็นพิษ คือมีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น มือสั่น กินจุแต่ผอมลง เหงื่อออกมาก ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจมีประจำเดือนลดลง ท้องเดิน และอาจพบการเปลี่ยนแปลงที่ตา เช่น ลูกตาโปน   อาการเจ็บที่ก้อน มักพบในคอพอกที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์ หรือมีเลือดออกในก้อน  อาการจากการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง พบในกรณีที่ก้อนโตมาก อาจมีอาการกลืนลำบาก (กดหลอดอาหาร), หายใจลำบาก (มีการกดเบียดของหลอดลม)  อาการจากการลุกลามของก้อน อาจมีอาการเสียงแหบ จากการลุกลามไปที่เส้นประสาทเลี้ยงสาย เสียง, ถ้ามีอาการนี้ มักเป็นมะเร็ง

         อาการของการกระจายของมะเร็ง อาจพบต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโตขึ้น หรือมีอาการปวดกระดูก 

 


ความสำคัญ

         ต่อมไทรอยด์โต เป็นภาวะที่พบบ่อย พบว่า ประมาณ 4-7% ของประชากร จะมีก้อนที่ต่อมไทรอยด์ (ประมาณ ครึ่งหนึ่ง จะคลำพบเป็นก้อนเดี่ยว ๆ) พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย   ก้อนเดี่ยวของต่อมไทรอยด์ มีโอกาสเป็นมะเร็ง ประมาณ 5-10 %

        ส่วนภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ มีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่า คือ ประมาณ 1 % โดยมีโอกาสเป็นมะเร็งในกลุ่มที่

  • มีประวัติเคยได้รับการฉายรังสี บริเวณศีรษะและคอ ในวัยเด็ก (ถ้ามีก้อนจะพบมะเร็งประมาณ 30-40%)
  • มีประวัติมะเร็งต่อมไทรอยด์ในครอบครัว
  • ก้อนของต่อมไทรอยด์ในเพศชายมีโอกาสเป็นมะเร็งบ่อยกว่าเพศหญิง (แต่พบก้อนของต่อมไทรอยด์ในเพศหญิงได้บ่อยกว่า)
  • อายุ น้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 60 ปี
  • ก้อนโตเร็ว หรือมีอาการเสียงแหบ หายใจลำบาก กลืนลำบาก
  • ก้อนแข็ง ติดกับอวัยวะข้างเคียง มีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้างเคียง 

 

การตรวจเลือดดูระดับไทรอยด์ฮอร์โมน (Thyroid function test) ช่วยบอกว่า มีภาวะพิษของต่อมไทรอยด์หรือไม่

          การเจาะดูดด้วยเข็ม เพื่อดูลักษณะเซล (Fine needle aspiration biopsy) มีความสำคัญที่สุด ในการวินิจฉัยแยกว่า ก้อนที่ต่อมไทรอยด์นั้น เป็นมะเร็งหรือไม่

          การตรวจอุลตร้าซาวน์ (Ultrasound) ช่วยบอกขนาด และขอบเขตของก้อน, แยกถุงน้ำจากก้อนเนื้องอก โดยถ้าเป็นถุงน้ำ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่า

         การตรวจไทรอยด์สแกน (Radioisotope scan) ช่วยบอกว่า ก้อนของต่อมไทรอยด์ ทำงานมากหรือน้อยกว่าปกติ (เรียกว่า hot nodule และ cold nodule ตามลำดับ) โดยที่มะเร็งส่วนใหญ่ จะทำงานน้อยกว่าปกติ

         การตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ใช้ในกรณีที่ก้อนใหญ่ หรือมีการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง เมื่อไปพบแพทย์แพทย์จะทำอะไรให้

         ประวัติ แพทย์จะสอบถาม อายุและเพศ, ระยะเวลาที่เริ่มเป็น, การเปลี่ยนแปลงของก้อน (โตเร็วหรือช้า), อาการเจ็บที่ก้อน, อาการเหนื่อยง่ายใจสั่น, ประวัติที่ชวนให้สงสัยมะเร็งดังกล่าวแล้ว (ประวัติครอบครัว, ประวัติการฉายแสง), อาการเสียงแหบ, หายใจลำบาก, กลืนลำบาก   การตรวจร่างกาย นอกจากการตรวจร่างกายทั่ว ๆ ไปแล้ว แพทย์จะให้กลืนน้ำลาย แล้วดูลักษณะของก้อน (เนื่องจากต่อมไทรอยด์จะเคลื่อนขึ้นลงตามการกลืน) แล้วคลำดูขนาด, ขอบเขตของก้อน, ความอ่อนแข็ง, การมีต่อมน้ำเหลืองโต, อาการและอาการแสดงทางตา ของไทรอยด์เป็นพิษ

         การตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อแยกว่า มีอาการของไทรอยด์เป็นพิษหรือไม่, เป็นมะเร็งหรือไม่ใช่มะเร็ง 

         การรักษา เมื่อได้การวินิจฉัยแล้ว แพทย์ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุต่อไป

แนวทางในการรักษา

      Diagram สรุปแนวทางในการรักษา    ก้อนเดี่ยวทัยรอยด์    ก้อนตะปุ่มตะป่ำ

 

การรักษา

ก้อนเดี่ยวของต่อมไทรอยด์

  1. การผ่าตัด
    ตรวจพบว่า ก้อนนั้นเป็นมะเร็ง หรือสงสัยว่า จะเป็นมะเร็ง ก้อนมีขนาดใหญ่ กดเบียดอวัยวะข้างเคียง, ยื่นลงไปในทรวงอกเพื่อความสวยงาม
  2. การสังเกตอาการ
    ในกรณี ที่ตรวจยืนยันว่า ไม่ใช่มะเร็ง ก็ไม่ต้องผ่าตัด สังเกตอาการต่อไปได้ หรืออาจให้ฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์กิน เป็นระยะเวลาหนึ่ง

 

กรณีที่ก้อนโตขึ้น อาจพิจารณาผ่าตัด ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ

  1. การรักษาด้วยยา ใช้ยาต้านไทรอยด์ เพื่อควบคุมอาการของการเป็นพิษ ระยะเวลาในการให้ยา ประมาณ 1-2 ปี หากไม่หายต้องพิจารณาการรักษาวิธีอื่นต่อไป 
  2. การรักษาโดยการผ่าตัด ใช้ในรายที่ก้อนโตมาก มีข้อห้ามต่อการให้สารรังสี 
  3. การให้สารไอโอดีนรังสี สารรังสีจะไปทำลายต่อมไทรอยด์ที่ทำงานมากเกินไป ทำให้หายจากภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
  4.  

ขอบคุณข้อมูลจาก Thaiclinic.com