รวมโรคที่มากับหน้าร้อน พร้อมอาการ แนวทางการรักษา

Key Takeaway

  • โรคที่มากับหน้าร้อนเกิดจากอุณหภูมิสูงที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในได้ ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ฮีทสโตรก ผื่นร้อน และอาหารเป็นพิษ
  • โรคที่มากับหน้าร้อน เช่น ฮีทสโตรก (Heat Stroke) เพลียแดด (Heat Exhaustion) โรคผื่นร้อน (Heat Rash) โรคอาหารเป็นพิษ และโรคอุจจาระร่วง เป็นต้น
  • วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคหน้าร้อนคือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงแดดจัด ดื่มน้ำเยอะๆ พักในที่ร่มหรือห้องแอร์ ใส่เสื้อผ้าหลวมและระบายอากาศได้ดี และหลีกเลี่ยงการทานอาหารไม่สะอาด

ในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด เนื่องจากอากาศร้อนสามารถกระทบกระเทือนร่างกายในหลายด้าน หลายโรคมีแนวโน้มเกิดขึ้นบ่อยในช่วงเวลานี้ ดังนั้นมาทำความรู้จักกับโรคที่มากับหน้าร้อน พร้อมอาการ วิธีป้องกัน และแนวทางการรักษาที่ควรรู้ เพื่อเตรียมตัวรับมือและดูแลสุขภาพในช่วงหน้าร้อนให้ดีที่สุด

โรคที่มากับหน้าร้อนคืออะไร

โรคที่มากับหน้าร้อนคืออะไร?

โรคที่มากับหน้าร้อนมักเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิที่สูงและความร้อนจัด ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยร่างกายจะต้องทำงานหนักขึ้นในการควบคุมอุณหภูมิภายในให้คงที่ การรับความร้อนมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ดี จึงเกิดอาการต่างๆ ที่อาจนำไปสู่โรคที่มีความรุนแรงได้

กลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคหน้าร้อน

กลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคหน้าร้อน

โดยส่วนใหญ่ กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคฤดูร้อนอาจเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวต่อความร้อนได้ดี หรือมีปัจจัยเสี่ยงจากสภาพร่างกายที่อ่อนแอ ได้แก่

  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 
  • เด็กเล็ก 
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน

ประเภทของโรคที่มากับหน้าร้อน

ประเภทของโรคที่มากับหน้าร้อน

โรคหน้าร้อนที่มักพบล้วนเกิดจากการสัมผัสกับอุณหภูมิสูงและสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด โดยแต่ละโรคมีอาการและวิธีป้องกันที่แตกต่างกันไป เช่น

โรคผื่นร้อนที่มากับอากาศร้อน (Heat Rash)

โรคผื่นร้อนที่มากับหน้าร้อน (Heat Rash) หรือ "ผื่นเหงื่อออก" เกิดจากการที่เหงื่อไม่สามารถระเหยออกจากผิวหนังได้ เนื่องจากรูขุมขนอุดตัน ทำให้เหงื่อสะสมอยู่ในผิวหนังชั้นบน ส่งผลให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง ผื่นมักปรากฏเป็นจุดเล็กๆ หรือตุ่มใสที่มีสีแดงหรือชมพู มักพบในบริเวณที่มีการเสียดสีหรืออับชื้น เช่น ใต้อก รักแร้ ขาหนีบ หรือหลัง โรคนี้มักเกิดขึ้นในช่วงอากาศร้อนและชื้น

อาการของโรค

  • ตุ่มแดงหรือตุ่มน้ำใสที่รวมกลุ่มกัน
  • มักพบได้ในบริเวณคอ หน้าอก ขาหนีบ ใต้ราวนม และข้อพับ

วิธีปฐมพยาบาล

  • อยู่ในที่เย็นและมีอากาศแห้ง
  • ช่วยให้บริเวณที่มีผื่นแห้งและไม่ชื้น
  • ใช้แป้งฝุ่นเพื่อลดความชื้น และหลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือขี้ผึ้ง

ตะคริวจากความร้อน (Heat Cramps)

ตะคริวจากความร้อน (Heat Cramps) เป็นหนึ่งในโรคที่เกิดขึ้นในฤดูร้อน ซึ่งเกิดจากการสูญเสียเกลือแร่ผ่านเหงื่อ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งและปวด โดยมักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียของเหลวและเกลือแร่จากการเหงื่อออกมากเกินไปในช่วงที่มีอากาศร้อน

อาการของโรค

  • กล้ามเนื้อเป็นตะคริว โดยเฉพาะที่แขน ขา หรือหน้าท้อง
  • อาจปวดมากขณะทำกิจกรรม

วิธีปฐมพยาบาล

  • ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ทุก 15-20 นาที
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาเม็ดเกลือแร่
  • หากผู้ป่วยมีโรคหัวใจหรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง ควรพบแพทย์

อาการหน้ามืดจากอากาศร้อน (Heat Syncope)

อาการหน้ามืดจากอากาศร้อน (Heat Syncope) หรือภาวะเป็นลมหรือเวียนศีรษะจากความร้อน มักเกิดจากการยืนในที่ร้อนเป็นเวลานาน หรือการเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่เพียงพอและทำให้สมองขาดออกซิเจน ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืดหรือเป็นลมได้ในขณะที่อากาศร้อน ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคหน้าร้อนที่ควรระวัง โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูง

อาการของโรค

  • เป็นลมหรือวูบไปชั่วขณะ
  • เวียนศีรษะหรือหน้ามืด
  • มักเกิดขึ้นเมื่อยืนในที่ร้อนนานเกินไป หรือเปลี่ยนท่าทางจากนั่งหรือนอนเร็วเกินไป

วิธีปฐมพยาบาล

  • ให้ผู้ป่วยนั่งหรือนอนในที่เย็น
  • จิบน้ำหรือน้ำเกลือแร่ทีละน้อย
  • หากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์

โรคกล้ามเนื้อสลายในฤดูร้อน (Rhabdomyolysis)

โรคกล้ามเนื้อสลายในฤดูร้อน (Rhabdomyolysis) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อเกิดการแตกตัวและปล่อยสารพิษ เช่น ครีเอตินิน (creatinine) และไมโอโกลบิน (myoglobin) เข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งสารเหล่านี้สามารถทำให้เกิดอันตรายต่อไตและทำให้ไตทำงานผิดปกติ อาการหลักที่พบได้แก่ อาการปวดกล้ามเนื้อ บวม และปัสสาวะเป็นสีเข้ม เป็นโรคที่มากับหน้าร้อนที่เมื่อร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนอาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดการสลายตัวได้

อาการของโรค

  • ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงหรือเป็นตะคริว
  • ปัสสาวะมีสีเข้มคล้ายชา หรือโค้ก
  • รู้สึกอ่อนแรงและไม่มีแรงแม้ไม่ได้ออกแรงมาก

วิธีปฐมพยาบาล

  • หยุดกิจกรรมทันที
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อลดความเข้มข้นของสารพิษในเลือด
  • ไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจเลือดและประเมินการทำงานของไต

โรคเพลียแดด ภัยที่มากับหน้าร้อน (Heat Exhaustion)

โรคเพลียแดด (Heat Exhaustion) เกิดจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากเหงื่อออกมากเกินไปในสภาพอากาศร้อน ทำให้ร่างกายขาดสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนล้า เหนื่อยล้า และอาจมีอาการอื่นๆ เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือเหงื่อออกมากผิดปกติ ภาวะนี้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจพัฒนาไปสู่ภาวะความร้อนสูง (Heat Stroke) ที่อันตรายได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคที่มากับหน้าร้อนที่ต้องระวัง

อาการของโรค

  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • เวียนศีรษะและอ่อนเพลีย
  • หงุดหงิดง่าย
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ
  • อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย (ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส)
  • ปัสสาวะลดลง

วิธีปฐมพยาบาล

  • นำผู้ป่วยไปยังที่ร่มหรือห้องที่มีอากาศเย็น
  • ให้จิบน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
  • ถอดเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นออกและทำให้ร่างกายเย็นลง เช่น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น
  • หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 30 นาที ควรไปพบแพทย์
  • หากผู้ป่วยหมดสติ โทร 1669 ทันที

ฮีทสโตรกคืออะไร? โรคลมแดดในหน้าร้อน (Heat Stroke)

ฮีทสโตรกคืออะไร? โรคลมแดดในหน้าร้อน (Heat Stroke)

ฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือโรคลมแดดในหน้าร้อน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับอุณหภูมิสูงได้ ทำให้เกิดการสะสมความร้อนภายในร่างกายจนเกินขีดจำกัด อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอาการร้ายแรงที่สุดที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น สมอง ไต หรือหัวใจ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้ โรคหน้าร้อนนี้ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

อาการของโรค

  • ผู้ป่วยอาจสับสน พูดไม่ชัด หรือมีการตอบสนองที่ช้ากว่าปกติ
  • อาจหมดสติหรือเข้าสู่ภาวะโคม่า
  • ร่างกายร้อนจัด ผิวแห้ง หรือมีเหงื่อออกผิดปกติ ผิวหนังอาจแห้งและรู้สึกร้อนมาก
  • อาจมีอาการชัก เกร็งตัว สั่น หรือหมดสติ
  • อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ภายใน 10-15 นาที
  • หากไม่ได้รับการรักษาทันที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

วิธีปฐมพยาบาล

  • นำผู้ป่วยไปที่ร่มและถอดเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นออก
  • ลดอุณหภูมิร่างกายโดยเร็วที่สุด โดยแช่อ่างน้ำเย็น (หากมี) ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือประคบด้วยน้ำแข็งที่ศีรษะ คอ รักแร้ และขาหนีบ หรือเป่าพัดลมเพื่อช่วยให้ร่างกายเย็นลง

โรคอุจจาระร่วงจากหน้าร้อน (Diarrhoeal Diseases)

เป็นภาวะที่มีการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง หรือถ่ายเป็นมูกเลือดมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งสามารถหายได้เองหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น อาจจะถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่า 10-20 ครั้งต่อวัน และไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้เลย ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะช็อก หรือหมดสติจากการขาดน้ำได้ ซึ่งเป็นโรคที่มากับฤดูร้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด

อาการของโรค

  • ปวดท้องรุนแรง
  • ปวดศีรษะ
  • มีไข้
  • รู้สึกคลื่นไส้
  • มีอาการอ่อนเพลีย

วิธีปฐมพยาบาล

  • ดื่มน้ำเกลือแร่หรือสารละลายอิเล็กโทรไลต์เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น
  • หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น ถ่ายเหลวมากกว่า 10-20 ครั้งต่อวัน หรือไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้ ควรไปพบแพทย์ทันที
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนักในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ
  • ใช้ยาระงับอาการตามคำแนะนำจากแพทย์ หากจำเป็น

โรคอาหารเป็นพิษในฤดูร้อน (Food Poisoning)

โรคที่มักพบในช่วงหน้าร้อนเกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อโรค เช่น S. aureus, B. cereus, หรือ C. perfringens โดยมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีรสจัด หรืออาหารที่ปรุงไม่สุกพอ เช่น อาหารค้างคืน เนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก หรือทานดิบๆ เมื่อรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ ซึ่งส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของคุณแย่ลง

อาการของโรค

  • อาเจียนต่อเนื่องหรือมีเลือดออก
  • ปวดท้องแบบบิดเป็นช่วงๆ
  • ท้องเสีย
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน

วิธีปฐมพยาบาล

  • ดื่มน้ำหรือสารน้ำเกลือแร่ เพื่อป้องกันการขาดน้ำจากการอาเจียนและท้องเสีย
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร จนกว่าจะอาการดีขึ้น
  • พักผ่อน ให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
  • หากมีอาการหนัก เช่น อาเจียนติดต่อกันหรือเลือดออกในอาเจียนหรืออุจจาระ ให้ไปพบแพทย์ทันที
  • ไม่ควรรับประทานยา สำหรับบรรเทาอาการท้องเสียโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  • หากมีอาการรุนแรง เช่น ปวดท้องรุนแรงหรือมีไข้สูง ให้ไปพบแพทย์ทันที

พิษสุนัขบ้า โรคที่มากับหน้าร้อน (Rabies)

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคหน้าร้อนที่เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งสามารถแพร่จากสัตว์สู่มนุษย์ได้โดยการถูกกัดหรือข่วนจากสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปโจมตีระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการรุนแรงที่สามารถส่งผลถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันที

อาการของโรค

  • มีไข้
  • ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดแสบคันหรือรู้สึกเสียวซ่าที่บริเวณที่ถูกกัดหรือข่วน
  • คลื่นไส้และอาเจียน

วิธีปฐมพยาบาล

  • ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 15 นาที เพื่อล้างเชื้อโรคออกจากแผล
  • ใช้น้ำสะอาดหรือสารละลายแอลกอฮอล์ 70% เช็ดทำความสะอาดแผล
  • หากมีเลือดออก ให้กดเพื่อหยุดเลือดด้วยผ้าสะอาดหรือผ้าก๊อซ

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคที่มากับหน้าร้อน

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคที่มากับหน้าร้อน

เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคที่มากับหน้าร้อน สามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพให้ดีและระมัดระวังตัวในช่วงอากาศร้อนจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศในฤดูร้อนและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม ดังนี้

หลีกเลี่ยงความร้อนหรือการอยู่กลางแดด

  • หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกและทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากในช่วงเวลาที่อากาศร้อนที่สุดของวัน
  • อยู่ในที่ร่ม เพราะอุณหภูมิที่รับรู้ในที่ที่โดนแดดอาจสูงกว่าที่จริงถึง 10-15 องศาเซลเซียส
  • ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในช่วงวันในสถานที่ที่เย็น
  • ระวังความเสี่ยงจากการจมน้ำ ห้ามว่ายน้ำเพียงลำพัง
  • คอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับคำเตือนความร้อนจากหน่วยงานทางการ

รักษาความเย็นในบ้าน

  • ใช้ลมเย็นจากกลางคืนเพื่อลดอุณหภูมิในบ้านโดยการเปิดหน้าต่างหลังพระอาทิตย์ตกเมื่ออุณหภูมิภายนอกต่ำกว่าอุณหภูมิภายใน
  • ในช่วงกลางวันเมื่ออุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายใน ให้ปิดหน้าต่างและปิดทับด้วยมู่ลี่หรือชัตเตอร์เพื่อกันแสงแดดตรงๆ และปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
  • ใช้พัดลมไฟฟ้าเฉพาะเมื่ออุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียสเท่านั้น เพราะในอุณหภูมิที่สูงกว่านั้น พัดลมจะทำให้ร่างกายร้อนขึ้น
  • หากใช้เครื่องปรับอากาศ ให้ตั้งอุณหภูมิที่ 27 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมไฟฟ้า จะทำให้ห้องรู้สึกเย็นขึ้น 4 องศาเซลเซียส และสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 70%
  • อย่าลืมว่าอาจเย็นกว่าภายนอกในที่ร่ม

ทำให้ร่างกายเย็นและดื่มน้ำให้เพียงพอ

  • สวมเสื้อผ้าที่เบาและหลวม รวมถึงผ้าปูที่นอน
  • อาบน้ำหรือแช่น้ำเย็น
  • ใช้ผ้าชุบน้ำเปียกหรือสเปรย์น้ำเพื่อเปียกผิว หรือสวมเสื้อผ้าหนาเบาๆ ที่ชื้น
  • ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ (1 แก้วต่อชั่วโมงและอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน)
  • ตรวจสอบสุขภาพของผู้ที่เสี่ยงในกลุ่มของคุณเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีโรคหัวใจ โรคปอด โรคไต ความพิการ หรืออาศัยอยู่คนเดียว

ปกป้องทารกและเด็กๆ

  • ห้ามทิ้งเด็กหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดอยู่โดยเด็ดขาด แม้ในเวลาสั้นๆ เนื่องจากอุณหภูมิในรถสามารถสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นอันตราย
  • หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรงในช่วงเวลาที่มีอากาศร้อนที่สุด ควรหาที่ร่มหรืออยู่ในบ้านแทน ที่ร่มสามารถลดความร้อนที่รู้สึกได้มากกว่า 10 องศาเซลเซียส
  • ห้ามคลุมรถเข็นเด็กด้วยผ้าผืนแห้ง เพราะจะทำให้ภายในร้อนขึ้น ควรใช้ผ้าบางๆ ที่เปียกน้ำและเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เพื่อลดอุณหภูมิ หรือใช้พัดลมพกพาเพื่อช่วยระบายความร้อน
  • แต่งตัวให้เด็กด้วยเสื้อผ้าที่เบาและหลวมปกคลุมผิวหนัง พร้อมทั้งสวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสีจากแสงแดด

สรุป

โรคที่มากับหน้าร้อนที่มักพบ เช่น โรคผื่นร้อน (Heat Rash) ที่เกิดจากเหงื่ออุดตัน ตะคริวจากความร้อน (Heat Cramps) ซึ่งเกิดจากการสูญเสียเกลือแร่ และโรคเพลียแดด (Heat Exhaustion) ที่เกิดจากการขาดน้ำและเกลือแร่ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนล้า โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) คือภาวะรุนแรงที่อาจทำให้เสียชีวิต หากไม่รักษาทันที และโรคอาหารเป็นพิษจากการปนเปื้อนเชื้อโรคในอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนนานๆ ดื่มน้ำมากๆ ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ และพักผ่อนในที่ร่มหรือมีแอร์เพื่อป้องกันโรคเหล่านี้

หากคุณสนใจตรวจสุขภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลวิภาวดี ได้ที่เว็บไซต์หรือโทรติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับแพ็กเกจตรวจสุขภาพต่างๆ การเลือกการตรวจที่เหมาะสมกับความต้องการ และขั้นตอนในการนัดหมายการตรวจสุขภาพ

เขียนบทความโดย

นพ. อธินันท์ ชัญญาวงศ์ศักดิ์ วุฒิบัตรเวชศาสตร์ป้องกันแขนงอาชีวเวชศาสตร์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคที่มากับหน้าร้อน (FAQ)

ตอบคำถามที่หลายคนมักสงสัยเกี่ยวกับโรคหน้าร้อนเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจโรคต่างๆ ได้มากขึ้น เช่น โรคที่เกิดจากอากาศร้อนมักจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายรูปแบบ การเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันโรคเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเองและคนรอบข้างในช่วงฤดูร้อนได้ดียิ่งขึ้น

โรคที่เกิดจากความร้อนในการทำงานมีอะไรบ้าง

โรคที่เกิดจากความร้อนในการทำงานมีดังนี้ ฮีทสโตรก (Heat Stroke) เพลียแดด (Heat Exhaustion) ตะคริวจากความร้อน (Heat Cramps) และผื่นร้อน (Heat Rash)

ฮีทสโตรกรักษาหายได้ไหม?

ฮีทสโตรก (Heat Stroke) หากได้รับการปฐมพยาบาลและการรักษาอย่างทันท่วงที เช่น การนำตัวไปที่ร่ม ทำให้ร่างกายเย็นลงอย่างรวดเร็ว และรับการรักษาจากแพทย์ ก็สามารถหายเป็นปกติได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น การปฐมพยาบาลและการรักษาอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคลมแดด มีอาการอย่างไร

ผู้ป่วยที่เป็นโรคลมแดด (Heat Stroke) มักมีอาการตัวร้อนจัด ผิวแห้งหรือเหงื่อออกผิดปกติ สับสน พูดไม่ชัด ชัก หรือหมดสติ อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสและอาจมีอาการช็อก หากไม่รีบรักษาอาจเสียชีวิตได้



แพทย์ผู้ดูแล

นพ. อธินันท์ ชัญญาวงศ์ศักดิ์

นัดหมายเเพทย์

นพ. อธินันท์ ชัญญาวงศ์ศักดิ์

ศูนย์อาชีวอนามัย
เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์

บทความที่เกี่ยวข้อง