โรคหัวใจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่คิด เพราะหลายคนอาจกำลังมีสัญญาณเตือนโดยไม่รู้ตัว! ไม่ว่าจะเป็นเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก หรือใจสั่นเป็นพักๆ ล้วนเป็นอาการที่บ่งบอกว่าหัวใจกำลังต้องการความดูแล มาลองเช็ก 10 อาการโรคหัวใจที่ไม่ควรมองข้าม รู้ทันตั้งแต่เนิ่นๆ ป้องกันได้ เพราะ “หัวใจ” คืออวัยวะที่ไม่ควรรอให้มีปัญหา ตรวจเช็กหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดี เพื่อป้องกันก่อนเกิดเหตุฉุกเฉิน!
%20Re-op/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%205%20(%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88)%20Re-op%20(2).jpg)
โรคหัวใจ (Heart Disease) คือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหัวใจและหลอดเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจ ทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติไป ไม่ว่าจะเป็นการสูบฉีดเลือด การส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะ หรือจังหวะการเต้นของหัวใจ โรคหัวใจสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ ความเครียดเรื้อรัง กรรมพันธุ์ ไปจนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การทานอาหารไขมันสูง ไม่ออกกำลังกาย และน้ำหนักเกิน
โรคหัวใจจึงถือว่าอันตราย เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ส่งเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย หากหัวใจทำงานผิดปกติ เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หัวใจวายเฉียบพลัน หัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะจนหมดสติ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้ นอกจากนี้โรคหัวใจมักพัฒนาเงียบๆ ในระยะแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวจนกว่าจะเกิดอาการรุนแรง จึงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพหัวใจและการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง
%20Re-op/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%205%20(%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88)%20Re-op%20(3).jpg)
โรคหัวใจมักเริ่มต้นโดยไม่มีอาการชัดเจน แต่สังเกตสัญญาณผิดปกติร่างกายแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันอันตรายร้ายแรงได้ ไปเช็กเลยโรคหัวใจอาการเป็นแบบไหนที่ควรเฝ้าระวัง
อาการจุกแน่นหน้าอกเป็นสัญญาณสำคัญของโรคหัวใจขาดเลือด มักรู้สึก “แน่น” หรือ “จุก” เหมือนมีของหนักมากดทับ บีบรัด หรือแน่นตึง บริเวณกลางหน้าอกหรือค่อนไปทางซ้าย อาการนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการออกแรง เดินเร็ว หรือมีภาวะเครียด และจะดีขึ้นเมื่อหยุดพักหรืออมยาขยายหลอดเลือด (สำหรับผู้ที่เป็นโรคอยู่แล้ว)
อาการเจ็บแน่นนี้อาจร้าวไปที่แขนซ้าย ไหล่ คอ ขากรรไกร หรือลิ้นปี่ก็ได้ หากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกต่อเนื่องนานเกิน 15-20 นาที แม้ในขณะพัก ถือเป็นสัญญาณอันตรายของภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
เมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มที่ เลือดจึงคั่งในปอดและร่างกาย ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน อาการเริ่มแรกคือเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ความสามารถในการทำกิจกรรมลดลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น เคยเดินขึ้นบันได 3 ชั้นได้สบาย แต่ตอนนี้แค่เดินขึ้นชั้นเดียวก็รู้สึกหอบ เหนื่อย หายใจถี่ หรือหายใจไม่อิ่ม แม้ทำกิจกรรมเบาๆ อาการนี้เกิดจากหัวใจเริ่มอ่อนแรงลง ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีของเหลวคั่งอยู่ในปอด (ภาวะหัวใจวายเลือดคั่ง)
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะคือความผิดปกติของระบบไฟฟ้าในหัวใจ ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ช้า หรือไม่สม่ำเสมอ ลักษณะอาการที่พบคือผู้ป่วยจะรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่ชัดเจนและผิดปกติ เช่น รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วและรัวผิดปกติ (เกิน 100 ครั้ง/นาที) รู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าผิดปกติ (น้อยกว่า 50 ครั้ง/นาที) บางคนรู้สึก “ตุ้มๆ ต่อมๆ” รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นสะดุด เต้นไม่สม่ำเสมอ เต้นกระโดด หรือเต้นแผ่วไปชั่วขณะ อาจมีอาการวิงเวียน หน้ามืด หรือเป็นลมร่วมด้วย ในบางกรณีหากเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง อาจเสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายได้ จึงไม่ควรมองข้ามเมื่อมีอาการใจสั่นบ่อยหรือเป็นนาน
%20Re-op/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%205%20(%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88)%20Re-op%20(4).jpg)
อาการเป็นลมหมดสติที่มีสาเหตุมาจากโรคหัวใจ มักเกิดจากการที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ชั่วขณะ อาจเกิดจากภาวะหัวใจเต้นช้าหรือเร็วผิดปกติอย่างรุนแรง หรือมีภาวะลิ้นหัวใจตีบอย่างรุนแรง ทำให้เลือดไหลออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง ผู้ป่วยมักมีอาการวูบ หรือหมดสติไปทันที และมักเกิดขึ้นขณะออกแรงหรือเปลี่ยนท่าทาง หากมีอาการนี้บ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ควรเข้ารับการตรวจหัวใจอย่างละเอียด
เมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดี (ภาวะหัวใจล้มเหลว) เลือดและของเหลวจะไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้ไม่สะดวก ทำให้เกิดการ คั่งของของเหลว ในส่วนล่างของร่างกาย ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นอาการบวมบริเวณข้อเท้าและขา โดยเฉพาะในช่วงเย็น และเมื่อกดจะเกิดรอยบุ๋มค้างอยู่ นอกจากนี้การสะสมของของเหลวในร่างกายอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (เช่น 2-3 กิโลกรัมในไม่กี่วัน) ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะน้ำเกินในร่างกายจากหัวใจวาย
การมีเหงื่อออกท่วมตัวอย่างผิดปกติ โดยที่ไม่ได้อยู่ในที่ร้อน ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือไม่ได้มีไข้ โดยเฉพาะหากเกิดร่วมกับอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม หน้ามืด หรือคลื่นไส้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือภาวะช็อกที่เกิดจากหัวใจล้มเหลว เมื่อหัวใจกำลังเผชิญกับวิกฤต ร่างกายจะตอบสนองด้วยการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติให้ทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดการหลั่งอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเหงื่อออกมากผิดปกติร่วมกับอาการมือเท้าเย็น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมิน
%20Re-op/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%205%20(%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88)%20Re-op%20(5).jpg)
อาการนี้เป็นลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยหัวใจวาย โดยผู้ป่วยจะรู้สึกเหนื่อย หอบอย่างมากทันทีที่นอนราบ และอาการจะดีขึ้นเมื่อลุกขึ้นนั่งหรือใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงหลายใบ การเหนื่อยเมื่อนอนราบเป็นผลมาจากการที่ของเหลวที่คั่งอยู่ตามร่างกายไหลกลับเข้าสู่ปอดง่ายขึ้นในท่านอน ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมปอดชั่วคราว ซึ่งรบกวนการหายใจและทำให้รู้สึกอึดอัด หากสังเกตว่าต้องหนุนหมอนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ หรือรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่นอนราบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินภาวะหัวใจ
ผู้ป่วยหัวใจวายบางรายอาจมีอาการที่เรียกว่า Paroxysmal Nocturnal Dyspnea (PND) คือการตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างกะทันหันด้วยอาการหอบเหนื่อย หรือสำลักอากาศอย่างรุนแรง จนต้องลุกขึ้นนั่งหรือยืนเพื่อหายใจ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าภาวะน้ำเกินในปอดมีความรุนแรง นอกจากนี้ความไม่สบายตัว อาการไอ หรือรู้สึกไม่สบายหน้าอกร่วมด้วย ยังทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการนอนหลับหรือนอนไม่หลับได้ อาการเหล่านี้มักสะท้อนภาวะหัวใจล้มเหลวหรือปัญหาทางเดินหายใจที่ได้รับผลกระทบจากหัวใจ จึงควรประเมินการทำงานของหัวใจและปอดร่วมกัน
อาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของอาการโรคหัวใจ โดยเฉพาะในภาวะหัวใจขาดเลือดที่ไม่แสดงอาการเจ็บหน้าอกชัดเจน ผู้ป่วยอาจรู้สึกจุกแน่นท้องคล้ายอาหารไม่ย่อย หรือมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย อีกทั้งภาวะหัวใจล้มเหลวอาจทำให้เกิดเลือดคั่งในตับและทางเดินอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด และเบื่ออาหารตามมา
เนื่องจากอวัยวะภายในขยายตัวจากภาวะน้ำคั่ง อาการเหล่านี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ แต่หากเป็นร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย ขาบวม เท้าบวม หรือแน่นหน้าอก ควรนึกถึงโรคหัวใจเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญด้วย
ความรู้สึกวิตกกังวล กระสับกระส่าย หรือตื่นตระหนกโดยไม่มีสาเหตุทางจิตใจชัดเจน อาจมีมาจากปัญหาการทำงานของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นเร็ว หรือการขาดออกซิเจนที่กระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติให้ตอบสนองผิดปกติ ผู้ป่วยอาจอธิบายว่ารู้สึก “ใจไม่สงบ” หรือกลัวว่าจะมีเหตุฉุกเฉิน ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์ภายนอกรองรับ อาการเหล่านี้หากมาพร้อมกับอาการทางกาย เช่น เหงื่อออก หายใจเร็ว หรือเจ็บหน้าอก ควรตรวจหัวใจเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน
%20Re-op/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Oct%205%20(%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88)%20Re-op%20(6).jpg)
ตรวจสุขภาพหัวใจแบบครบวงจรที่โรงพยาบาลวิภาวดี ซักประวัติโรคประจำตัว พฤติกรรมเสี่ยง และตรวจร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ พิจารณาการตรวจเพิ่มเติมตามความจำเป็น เช่น ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงหัวใจ (Echocardiogram) หรือการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) รวมถึงการตรวจเลือดประเมินไขมัน น้ำตาล และค่าการอักเสบต่างๆ เพื่อดูความเสี่ยงโรคหัวใจ เครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัย และบริการตรวจคัดกรองอย่างเป็นระบบ แนะนำแนวทางดูแลรักษา พร้อมวางแผนป้องกันโรคหัวใจอย่างเหมาะสมเฉพาะราย
อาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ของร่างกายอาจเป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่าหัวใจกำลังทำงานหนักกว่าที่ควร หากเรารู้จักสังเกต 10 อาการเตือนโรคหัวใจ เช่น แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือนอนแล้วหายใจลำบาก ก็ช่วยให้ตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่ระยะแรก การตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจหัวใจแบบครบวงจร พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าหัวใจทำงานปกติและได้รับการดูแลทันทีหากพบความผิดปกติ เพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย อุ่นใจ และแข็งแรงในทุกวัน
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved