ผ่าตัดหัวใจ

ผ่าตัดหัวใจ: ใครควรทำ เตรียมตัวและวิธีรักษา

Key Takeaway

  • การผ่าตัดหัวใจเป็นการรักษาที่แพทย์เปิดเข้าถึงหัวใจโดยตรงเพื่อแก้ไขความผิดปกติ เช่น หลอดเลือดตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว หรือหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด ช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนเลือด ลดอาการเจ็บหน้าอก และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
  • การผ่าตัดหัวใจมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดบายพาสเพื่อสร้างเส้นทางเลือดใหม่ การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และการผ่าตัดแบบเปิดหรือส่องกล้อง แพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมตามโรคและความรุนแรงของผู้ป่วย
  • ข้อควรรู้ในการผ่าตัดหัวใจ คือผู้ป่วยควรเตรียมร่างกาย ตรวจสุขภาพ และแจ้งประวัติยาอย่างครบถ้วน หลังผ่าตัดต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด รับประทานยา ปรับพฤติกรรม ออกกำลังกาย และติดตามผลตรวจ เพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน

ผ่าตัดหัวใจเป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เช่น หลอดเลือดตีบหรือหัวใจล้มเหลว การผ่าตัดช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจและเพิ่มคุณภาพชีวิต ใครที่ควรเข้ารับการผ่าตัดและต้องเตรียมตัวอย่างไร รวมถึงวิธีการรักษาหลังผ่าตัด บทความนี้พาไปรู้จักทุกขั้นตอนอย่างเข้าใจง่าย เพื่อเตรียมพร้อมและคลายข้อกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ

ผ่าตัดหัวใจคืออะไร ทำไมต้องทำ

ผ่าตัดหัวใจคืออะไร ทำไมต้องทำ?

ผ่าตัดหัวใจ คือกระบวนการทางการแพทย์ที่แพทย์ทำการเปิดหรือเข้าถึงหัวใจโดยตรงเพื่อรักษาความผิดปกติหรือโรคต่างๆ ของหัวใจ ซึ่งอาจเป็นการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนวาล์วหัวใจ การต่อหลอดเลือดหัวใจใหม่ หรือแม้แต่การแก้ไขภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด

การผ่าตัดหัวใจมักจำเป็นเมื่อการรักษาอื่น เช่น การใช้ยา หรือการทำหัตถการไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุที่ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ได้แก่ หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ภาวะวาล์วหัวใจรั่วหรือตีบ ความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือโรคหัวใจแต่กำเนิด

จุดประสงค์ของการผ่าตัดหัวใจคือเพื่อฟื้นฟูการไหลเวียนเลือดที่เหมาะสม ลดอาการเจ็บหน้าอก หัวใจล้มเหลว หรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่นๆ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจในระยะยาว
ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดหัวใจมีอะไรบ้าง

ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดหัวใจมีอะไรบ้าง?

ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดหัวใจ คือสถานการณ์หรือภาวะที่แพทย์พิจารณาว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหรือความผิดปกติของหัวใจ โดยมักเกิดเมื่อการรักษาแบบอื่นไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสม

1. โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease – CAD)

  • มีอาการเจ็บหน้าอก (Angina) รุนแรง แม้ใช้ยาหรือปรับพฤติกรรมแล้วไม่ได้ผล
  • หลอดเลือดหัวใจตีบตันหลายเส้น หรือหลอดเลือดหลักด้านซ้ายตีบที่เสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลว
  • ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน (Acute Myocardial Infarction) ที่รุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการขยายหลอดเลือด (PCI)

2. โรคลิ้นหัวใจ (Valvular Heart Disease)

  • ลิ้นหัวใจรั่ว (Regurgitation) หรือแคบ (Stenosis) มีอาการเหนื่อยง่าย เวียนหัว หัวใจเต้นผิดปกติ
  • ภาวะหัวใจโตหรือหัวใจวายจากลิ้นหัวใจเสีย
  • ลิ้นหัวใจติดเชื้อหรือชำรุดรุนแรง ที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน

3. โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease)

  • มีภาวะเลือดไหลเวียนผิดปกติรุนแรง เช่น รูหัวใจรั่ว (VSD, ASD)
  • มีอาการเหนื่อยง่าย น้ำคั่งในปอด หรือหัวใจโต

4. ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure)

  • หัวใจทำงานได้ไม่ดี แม้รักษาด้วยยาและเครื่องมือช่วยแล้ว
  • จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนหรือซ่อมลิ้นหัวใจ ทำ Bypass หรือปลูกถ่ายหัวใจ

5. โรคหลอดเลือดใหญ่ (Aortic Disease)

  • หลอดเลือดใหญ่ฉีก (Aortic Dissection) หรือโป่งพองรุนแรง (Aneurysm)
  • เสี่ยงหลอดเลือดแตกและเสียชีวิต หากไม่ผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดหัวใจ

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดหัวใจเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้การผ่าตัดปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน แพทย์และทีมดูแลสุขภาพมักจะแนะนำขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการผ่าตัด

  • ตรวจสุขภาพโดยรวม รวมถึงการตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด และคลื่นหัวใจ (ECG)
  • ประเมินการทำงานของหัวใจและปอดอย่างละเอียด เช่น การตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ หรือ CT scan หากจำเป็น
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ รวมถึงอาหารเสริมและสมุนไพรบางชนิด เพราะอาจต้องหยุดก่อนผ่าตัด
  • งดอาหารและน้ำตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างผ่าตัด
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการอาบน้ำและทำความสะอาดร่างกาย และตัดเล็บเพื่อลดการติดเชื้อ
  • จัดเตรียมเอกสารส่วนตัวและข้อมูลการแพ้ยา ประวัติการเจ็บป่วย หรือโรคประจำตัว
  • พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียดก่อนวันผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด

 

การผ่าตัดหัวใจ มีกี่วิธี

การผ่าตัดหัวใจ มีกี่วิธี?

การผ่าตัดหัวใจมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจและความรุนแรงของภาวะที่ผู้ป่วยเผชิญ แพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความเสี่ยง และฟื้นฟูการทำงานของหัวใจ

ผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting – CABG)

การผ่าตัดบายพาสหัวใจเป็นวิธีการสร้างเส้นทางเลือดใหม่ให้หลอดเลือดหัวใจที่ตีบหรืออุดตัน โดยใช้หลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าอกหรือขา เชื่อมต่อกับหลอดเลือดหัวใจเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น 

วิธีนี้ช่วยลดอาการเจ็บหน้าอก เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงหัวใจ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวาย แม้ว่าจะเป็นการผ่าตัดใหญ่และต้องพักฟื้นนาน แต่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบหลายเส้น หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาและหัตถการไม่รุกราน

ผ่าตัดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ

การผ่าตัดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจเหมาะกับผู้ป่วยที่ลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบ แพทย์สามารถเลือกซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเพื่อฟื้นฟูการทำงานของหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดอาการเหนื่อยง่าย บวม และหัวใจล้มเหลว วิธีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ผู้ที่เปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมบางรายอาจต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดระยะยาว เพื่อป้องกันลิ่มเลือดและภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

ผ่าตัดหัวใจแบบเปิดและแบบส่องกล้อง

การผ่าตัดหัวใจแบบเปิดเป็นการเปิดหน้าอกเพื่อเข้าถึงหัวใจโดยตรง เหมาะกับการแก้ไขโรคหัวใจซับซ้อนหลายอย่างพร้อมกัน แม้ว่าจะมีแผลใหญ่และต้องพักฟื้นนาน แต่สามารถแก้ไขปัญหาหัวใจได้ครอบคลุม 

ในขณะที่การผ่าตัดหัวใจแบบส่องกล้องเป็นวิธีที่ใช้กล้องและเครื่องมือพิเศษผ่านแผลเล็ก ทำให้ฟื้นตัวเร็ว เจ็บน้อย และลดความเสี่ยงการติดเชื้อ เหมาะกับผู้ป่วยที่โรคหัวใจไม่ซับซ้อนและต้องการฟื้นตัวเร็ว แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพโรคและความต้องการของผู้ป่วย

ผ่าตัดหัวใจแบบปิด

การผ่าตัดหัวใจแบบปิดเป็นการผ่าตัดที่ไม่ต้องเปิดหน้าอกเต็มรูปแบบ และไม่ใช้เครื่องหัวใจ–ปอดเทียม แพทย์จะซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาหัวใจบางอย่าง เช่น ลิ้นหัวใจรั่วเล็ก หรือภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิดบางชนิด ผ่านแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว แผลเล็ก เจ็บน้อย และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน วิธีนี้ไม่เหมาะกับโรคหัวใจซับซ้อนหลายจุด และต้องใช้ความชำนาญสูง เหมาะกับผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจไม่ซับซ้อน และต้องการการแก้ไขเฉพาะจุด

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดหัวใจ

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดหัวใจ

การฟื้นฟูผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้หัวใจฟื้นตัวได้ดี ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย แพทย์และทีมดูแลสุขภาพจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองอย่างละเอียด โดยมีวิธีดังนี้

  • ปรับพฤติกรรมเพื่อสุขภาพหัวใจ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดเกลือ น้ำตาล และไขมันสัตว์ เลิกสูบบุหรี่ และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจและร่างกาย
  • รับประทานยาอย่างเคร่งครัด ตามที่แพทย์สั่ง เพื่อควบคุมความดันโลหิต ระดับไขมัน และป้องกันลิ่มเลือด
  • ติดตามผลการตรวจอย่างสม่ำเสมอ เช่น ตรวจคลื่นหัวใจ อัลตราซาวด์หัวใจ หรือพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจสอบการฟื้นตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  • ดูแลแผลผ่าตัดและสุขอนามัย ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำ และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น แดง บวม หรือมีน้ำเหลืองไหล
  • จัดการความเครียดและพักผ่อนเพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงต่อปัญหาหัวใจซ้ำ
  • ควบคุมอาหาร ลดอาหารเค็ม มัน และหวาน  รับประทานอาหารที่มีผัก ผลไม้ โปรตีนดี เช่น ปลา ไก่ไม่ติดมัน ดื่มน้ำให้เพียงพอ ยกเว้นมีข้อจำกัดจากแพทย์

ผ่าตัดหัวใจกี่ชั่วโมง ใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดกี่วัน?

การผ่าตัดหัวใจแต่ละประเภทมีระยะเวลาในการผ่าตัดและการพักฟื้นที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด เช่น การบายพาสหลอดเลือดหัวใจหรือการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ มักใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของโรคและจำนวนหัตถการที่ต้องทำ

ส่วนการผ่าตัดหัวใจแบบส่องกล้องหรือหัตถการเล็กๆ อาจใช้เวลาสั้นกว่าเพียง 1-3 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดผู้ป่วยส่วนใหญ่จะต้องพักฟื้นในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ประมาณ 1-2 วัน เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน หลังจากนั้นจะย้ายไปพักในหอผู้ป่วยทั่วไป

โดยรวมแล้วผู้ป่วยมักต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 5-10 วัน ก่อนกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งนี้ระยะเวลาอาจยาวขึ้นหากผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนหรือโรคประจำตัวร่วมด้วย การปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการพักผ่อน การรับประทานยา และการออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น

ข้อควรรู้ในการผ่าตัดหัวใจ

การผ่าตัดหัวใจเป็นหัตถการสำคัญที่ช่วยรักษาโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ผู้ป่วยควรทำความเข้าใจข้อควรรู้และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อม ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างปลอดภัย

  • การติดเชื้อ อาจเกิดที่แผลผ่าตัดหรือภายในร่างกาย ป้องกันโดยทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ และล้างมือบ่อยๆ
  • เลือดออกหลังผ่าตัด เกิดได้จากการผ่าตัดใหญ่ แพทย์จะเฝ้าระวังใกล้ชิด และผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่เพิ่มความเสี่ยงเลือดออก เช่น แอสไพริน หากยังไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์
  • ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน อาจเกิดในขา ปอด หรือหัวใจ ป้องกันโดยขยับร่างกายเบาๆ ตามคำแนะนำ และใช้ถุงน่องพยุงหรือยาป้องกันลิ่มเลือด
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเกิดหลังผ่าตัดชั่วคราว ต้องติดตามคลื่นหัวใจและรายงานอาการผิดปกติทันที
  • ภาวะแทรกซ้อนจากยาหรือการดมยาสลบ แพทย์จะประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า และผู้ป่วยควรแจ้งประวัติการแพ้ยา ยาที่ทาน และโรคประจำตัวอย่างครบถ้วน
  • การฟื้นตัวช้า เกิดได้หากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องพักผ่อน ออกกำลังกายเบาๆ และควบคุมอาหาร

 

ผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดี

การผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดี ดำเนินการในศูนย์ผ่าตัดหัวใจครบวงจร มีศัลยแพทย์หัวใจ และวิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจหลายประเภท ตั้งแต่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ พร้อมการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด และฟื้นฟูหลังผ่าตัด อย่างครบถ้วน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย หากมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม

สรุป

การผ่าตัดหัวใจเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาหัวใจ เช่น หลอดเลือดตีบ ลิ้นหัวใจรั่วหรือแคบ ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือความผิดปกติแต่กำเนิด มีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูการไหลเวียนเลือด ลดอาการเจ็บหน้าอก และเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยมีวิธีผ่าตัดหลากหลาย เช่น บายพาส ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และแบบเปิดหรือส่องกล้อง แพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมตามโรคและความรุนแรง ผู้ป่วยต้องเตรียมร่างกายก่อนผ่าตัดและดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและฟื้นตัวอย่างปลอดภัย

มาดูแลสุขภาพหัวใจก่อนใครกับโรงพยาบาลวิภาวดี สนใจตรวจสุขภาพหรือประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย! ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ศูนย์ผ่าตัดหัวใจครบวงจร หรือติดต่อได้ที่ โทร. 02-561-1111

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

สำหรับผู้ที่สนใจผ่าตัดหัวใจ เรารวบรวมคำถามยอดนิยม พร้อมคำตอบเพื่อช่วยให้เข้าใจและเตรียมตัวได้ดีขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการผ่าหัวใจเท่าไร?

ผ่าตัดหัวใจกี่บาท? ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับประเภทของการผ่าตัด ความซับซ้อนของโรค และระยะเวลาพักฟื้น โดยทั่วไปครอบคลุมค่าห้อง ผ่าตัด ยา และค่าบริการแพทย์ แนะนำให้ปรึกษาโรงพยาบาลเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายเฉพาะราย

ผ่าตัดหัวใจปลอดภัยแค่ไหน?

การผ่าตัดหัวใจถือว่าปลอดภัยในมือทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัย แต่ยังมีความเสี่ยงเล็กน้อย เช่น การติดเชื้อหรือเลือดออก แพทย์จะให้คำแนะนำและติดตามหลังผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยง

หลังผ่าตัดหัวใจ สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เมื่อไร?

ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมเบาๆ ได้หลังพักฟื้นที่บ้าน 4-6 สัปดาห์ และกลับไปทำงานหรือออกกำลังกายตามปกติประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดการผ่าตัดและสภาพร่างกาย

หลังผ่าตัดหัวใจห้ามกินอะไร?

หลังผ่าตัดหัวใจห้ามกินอะไร? ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด และอาหารแปรรูป เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน ควรลดเกลือและน้ำตาลจัด เพื่อลดความดันและควบคุมน้ำหนัก รวมถึงงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะกระทบต่อการฟื้นตัวของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด

ผ่าตัดหัวใจซ้ำได้หรือไม่ถ้าปัญหายังไม่หายขาด?

ในบางกรณีสามารถผ่าตัดซ้ำได้ หากโรคหรือความผิดปกติยังไม่หายขาด แพทย์จะประเมินความเสี่ยงและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี

รีวิวจากคนไข้

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์ผ่าตัดหัวใจ