มะเร็งช่องปากเป็นโรคร้ายที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีแผลเรื้อรังในช่องปาก การเข้าใจอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษาตั้งแต่ระยะแรก จึงเป็นสิ่งสำคัญ ศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางด้านช่องปากและศัลยกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยทันสมัย ช่วยให้สามารถป้องกันความรุนแรงและเพิ่มโอกาสหายขาดได้อย่างมั่นใจ
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%201%20(%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%20%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81)%20(2).jpg)
มะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) คือภาวะที่เซลล์เยื่อบุภายในช่องปากเกิดการเปลี่ยนแปลงและแบ่งตัวผิดปกติอย่างควบคุมไม่ได้ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งสามารถลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น เหงือก ลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม หรือกราม และหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจแพร่กระจายต่อไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่นในร่างกายได้ มะเร็งช่องปากมักเริ่มจากแผลเล็กๆ หรือก้อนเนื้อในปากที่ไม่ยอมหายภายใน 2 สัปดาห์ และอาจมีอาการร่วม เช่น ปวด แสบ เวลารับประทานอาหาร หรือพูดลำบาก
แม้มะเร็งช่องปากจะเป็นโรคที่อันตรายแต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะสามารถรักษาให้หายขาดได้สูง การตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำโดยทันตแพทย์ หรือพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติภายในช่องปาก จึงเป็นทางเลือกสำคัญในการรู้ก่อน รักษาได้และช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%201%20(%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%20%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81)%20(3).jpg)
มะเร็งช่องปากอาการเริ่มแรกมักแสดงอาการเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่หากสังเกตตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น
มะเร็งช่องปากอาการเบื้องต้นมักไม่รุนแรงและสามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง เช่น
หากโรคลุกลามจะมีอาการที่ชัดเจนและรุนแรงมากขึ้น เช่น
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%201%20(%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%20%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81)%20(4).jpg)
มะเร็งช่องปากเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งพฤติกรรมส่วนบุคคลและปัจจัยทางร่างกาย การเข้าใจสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้สามารถป้องกันและสังเกตอาการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
มะเร็งช่องปากโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 1-4 ระยะหลัก นอกจากนี้ยังมีระยะที่ 0 (Carcinoma in situ) ซึ่งเป็นระยะก่อนพัฒนาเป็นมะเร็งเต็มขั้น
ระยะที่ 0 (Carcinoma in situ)
ระยะที่ 1
ระยะที่ 2
ระยะที่ 3
ระยะที่ 4
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%201%20(%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%20%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81)%20(7).jpg)
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%201%20(%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%20%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81)%20(5).jpg)
มะเร็งช่องปากมีวิธีรักษาหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ขนาด และตำแหน่งของก้อน รวมถึงสุขภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วย แพทย์จะประเมินและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อบรรเทาอาการและเพิ่มโอกาสหายขาด การรักษาสามารถใช้เพียงวิธีเดียวหรือผสมหลายวิธีร่วมกัน
การผ่าตัดเป็นวิธีพื้นฐานและมักใช้ในมะเร็งระยะเริ่มต้นถึงระยะกลาง แพทย์จะตัดก้อนมะเร็งพร้อมเนื้อเยื่อรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเซลล์มะเร็งเหลืออยู่ ในกรณีที่ก้อนมะเร็งขนาดใหญ่หรือมีความเสี่ยงแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง แพทย์อาจจำเป็นต้องตัดต่อมน้ำเหลืองคอออกด้วย หลังการผ่าตัดอาจต้องทำการฟื้นฟูหรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถพูด กลืน หรือเคี้ยวอาหารได้ใกล้เคียงปกติที่สุด
การฉายรังสีใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็ง สามารถใช้เป็นการรักษาหลักหรือเสริมหลังผ่าตัด เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ ช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ และในบางกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ รังสีสามารถใช้ควบคุมก้อนมะเร็ง และบรรเทาอาการเจ็บปวด
ยาเคมีบำบัดทำงานโดยการทำลายเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย มักใช้ร่วมกับการฉายรังสี (Chemoradiation) ในกรณีมะเร็งลุกลามหรือมีความเสี่ยงแพร่กระจาย การให้ยาอาจเป็นทางหลอดเลือดดำหรือรับประทาน ผลข้างเคียงรวมถึงคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ แพทย์จะปรับขนาดยาและระยะเวลาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ใช้ยาออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งบางชนิด ทำให้เซลล์ปกติถูกทำลายน้อยที่สุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงเมื่อเทียบกับยาเคมีบำบัดทั่วไป ตัวอย่างเช่น ยาที่ออกฤทธิ์กับโปรตีนหรือยีนเฉพาะที่มะเร็งใช้งาน
ภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นวิธีใหม่ที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้โจมตีเซลล์มะเร็งโดยตรง เหมาะสำหรับมะเร็งที่ดื้อต่อยาแบบเดิมหรือมีการแพร่กระจายสูง บางครั้งใช้ร่วมกับวิธีอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสการควบคุมโรค
การป้องกันมะเร็งช่องปากทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Sep%201%20(%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%20%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81)%20(6).jpg)
การตรวจคัดกรองและรักษามะเร็งช่องปากที่โรงพยาบาลวิภาวดี ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางด้านช่องปากและศัลยกรรม พร้อมเทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยทันสมัย ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจร่างกาย ประวัติผู้ป่วย การส่องกล้องพิเศษ การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) ไปจนถึงการตรวจภาพรังสีและต่อมน้ำเหลือง เพื่อให้สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งการผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาแบบมุ่งเป้า หรือภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อเพิ่มโอกาสหายขาดและลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
มะเร็งช่องปากคือการเกิดเซลล์ผิดปกติในเยื่อบุช่องปาก เช่น ลิ้น เหงือก หรือกระพุ้งแก้ม ที่แบ่งตัวรวดเร็วและลุกลามจนกลายเป็นก้อนหรือแผลเรื้อรังไม่หาย มักเริ่มจากแผล รอยแดง ขาว ก้อนแข็ง หรือเจ็บเรื้อรัง หากลุกลามจะมีอาการรุนแรง เช่น ก้อนโต ปวดลาม กลืนหรือพูดลำบาก และต่อมน้ำเหลืองคอโต ปัจจัยเสี่ยงหลักคือ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การติดเชื้อ HPV สุขอนามัยช่องปากไม่ดี โภชนาการ อายุ เพศ และพันธุกรรม โรคแบ่งเป็น ระยะ 0-4 โดยระยะเริ่มต้นมีโอกาสรักษาหายสูง การวินิจฉัยใช้ ตรวจร่างกาย ส่องกล้องพิเศษ ตัดชิ้นเนื้อ เอกซเรย์ และตรวจต่อมน้ำเหลือง ส่วนการรักษามีหลายวิธี ได้แก่ ผ่าตัด ฉายรังสี เคมีบำบัด การรักษาแบบมุ่งเป้า และภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อลดความเสี่ยงควรเลิกสูบบุหรี่ ลดดื่มแอลกอฮอล์ รักษาความสะอาดช่องปาก รับประทานอาหารมีประโยชน์ ตรวจสุขภาพช่องปากสม่ำเสมอ ป้องกัน HPV และหลีกเลี่ยงการระคายเคืองซ้ำ
มะเร็งช่องปากเป็นโรคที่หลายคนมักมองข้ามทั้งที่จริงแล้วสามารถป้องกันและรักษาได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้เพราะการรู้ก่อนคือก้าวแรกของการรักษาให้หายขาด โรงพยาบาลวิภาวดีจึงมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยทุกคนได้เข้าถึงการตรวจคัดกรองอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที และกลับมามีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงอีกครั้ง
การตรวจคัดกรองมะเร็งช่องปากเป็นการประเมินสุขภาพภายในช่องปากโดยทันตแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทาง เพื่อค้นหารอยโรคหรือความผิดปกติ เช่น แผลเรื้อรัง รอยแดง รอยขาว หรือก้อนเนื้อที่อาจบ่งชี้ถึงระยะเริ่มต้นของมะเร็ง การตรวจนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากขึ้น
โปรแกรมตรวจสุขภาพช่องปากมักประกอบด้วยการตรวจฟัน เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก รวมถึงการประเมินต่อมน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อโดยรอบ บางโปรแกรมอาจมีการใช้กล้องพิเศษหรือเทคโนโลยีเสริมเพื่อตรวจหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้น
โดยทั่วไปควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย มีแผลในปากที่หายช้า หรือมีประวัติมะเร็งในครอบครัว การตรวจอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถพบความผิดปกติได้ก่อนลุกลาม
รอยโรคสีขาวในช่องปากหรือที่เรียกว่า “ลิวโคเพลเกีย (Leukoplakia)” เป็นภาวะที่เยื่อบุช่องปากมีการหนาตัว อาจเกิดจากการระคายเคืองเรื้อรัง เช่น การสูบบุหรี่หรือการเสียดสีจากฟันปลอม แม้บางกรณีจะไม่ร้ายแรง แต่ก็มีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งช่องปากได้ จึงควรเข้ารับการตรวจประเมินจากแพทย์เพื่อความปลอดภัย
รีวิวจากคนไข้
“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”
ทีมแพทย์มะเร็งช่องปาก รู้ทันอาการ สาเหตุ แนวทางรักษา
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved