มะเร็งช่องปาก รู้ทันอาการ สาเหตุ แนวทางรักษา

  • มะเร็งช่องปากคือการเกิดเซลล์ผิดปกติในบริเวณปาก เช่น ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม หรือเพดานปาก มักเริ่มจากแผลเรื้อรัง รอยแดงหรือขาว ก้อนแข็ง หรือเจ็บปวดที่ไม่หายภายใน 2 สัปดาห์
  • โดยทั่วไป มะเร็งช่องปากแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก แต่ยังมีระยะ 0 เป็นระยะก่อนเกิดมะเร็งเต็มขั้น โดยระยะที่ 1-4 บ่งบอกถึงความลุกลามของก้อนและการกระจายของเซลล์มะเร็ง ยิ่งพบเร็ว โอกาสรักษาหายยิ่งสูง
  • วิธีรักษามะเร็งช่องปากขึ้นอยู่กับระยะของโรค เช่น การผ่าตัดเพื่อนำก้อนออก การฉายรังสี ทำลายเซลล์มะเร็ง เคมีบำบัด การรักษาแบบมุ่งเป้า และภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อควบคุมและลดการกลับมาเป็นซ้ำของโรค

มะเร็งช่องปากเป็นโรคร้ายที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีแผลเรื้อรังในช่องปาก การเข้าใจอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษาตั้งแต่ระยะแรก จึงเป็นสิ่งสำคัญ ศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางด้านช่องปากและศัลยกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยทันสมัย ช่วยให้สามารถป้องกันความรุนแรงและเพิ่มโอกาสหายขาดได้อย่างมั่นใจ

รู้จักมะเร็งช่องปาก คืออะไร?

รู้จักมะเร็งช่องปาก คืออะไร?

มะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) คือภาวะที่เซลล์เยื่อบุภายในช่องปากเกิดการเปลี่ยนแปลงและแบ่งตัวผิดปกติอย่างควบคุมไม่ได้ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งสามารถลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น เหงือก ลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม หรือกราม และหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจแพร่กระจายต่อไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่นในร่างกายได้ มะเร็งช่องปากมักเริ่มจากแผลเล็กๆ หรือก้อนเนื้อในปากที่ไม่ยอมหายภายใน 2 สัปดาห์ และอาจมีอาการร่วม เช่น ปวด แสบ เวลารับประทานอาหาร หรือพูดลำบาก

แม้มะเร็งช่องปากจะเป็นโรคที่อันตรายแต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะสามารถรักษาให้หายขาดได้สูง การตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำโดยทันตแพทย์ หรือพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติภายในช่องปาก จึงเป็นทางเลือกสำคัญในการรู้ก่อน รักษาได้และช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาการและสัญญาณเตือนมะเร็งช่องปาก

อาการและสัญญาณเตือนมะเร็งช่องปาก

มะเร็งช่องปากอาการเริ่มแรกมักแสดงอาการเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่หากสังเกตตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น

อาการเริ่มต้นที่สังเกตง่าย

มะเร็งช่องปากอาการเบื้องต้นมักไม่รุนแรงและสามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง เช่น

  • มีแผลในปากหรือรอยแดง ขาวที่ไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ แผลหรือรอยเปลี่ยนสีภายในช่องปากที่ไม่หายเอง อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็ง ควรหมั่นสังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงขนาด สี หรือความเจ็บปวดหรือไม่
  • มีก้อนหรือเนื้อเยื่อแข็งบริเวณลิ้น แก้ม หรือเพดานปาก ก้อนหรือเนื้อเยื่อที่สัมผัสได้ด้วยลิ้นหรือมือ อาจเป็นเนื้องอกในระยะเริ่มต้น ควรสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ
  • รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองเรื้อรัง เจ็บหรือระคายเคืองในช่องปากโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น ขัดแปรงฟันหรืออาหารเผ็ด กินแล้วไม่ดีขึ้น เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม
  • มีเลือดออกจากแผลหรือจากฟันโดยไม่ทราบสาเหตุ เลือดออกโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น ไม่ได้บาดฟันหรือถอนฟัน อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในเยื่อบุช่องปาก

อาการขั้นรุนแรง

หากโรคลุกลามจะมีอาการที่ชัดเจนและรุนแรงมากขึ้น เช่น

  • ก้อนในปาก โตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเจ็บมากขึ้น ก้อนที่เริ่มโตขึ้นเร็วและมีอาการเจ็บ อาจบ่งบอกว่ามะเร็งลุกลาม ต้องพบแพทย์ทันที
  • ปวดลามไปหูหรือคอ เป็นสัญญาณว่ามีการแพร่กระจายของเนื้อร้ายใกล้เส้นประสาท
  • น้ำหนักลด กลืนหรือพูดลำบาก เลือดออกบ่อย อาการเหล่านี้เกิดจากเนื้องอกขนาดใหญ่หรือการลุกลามของโรค ส่งผลต่อการกินอาหารและการสื่อสาร
  • ต่อมน้ำเหลืองคอ โตขึ้นหรือแข็ง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอที่มีลักษณะโตหรือแข็ง อาจบ่งบอกว่ามะเร็งเริ่มกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง ต้องตรวจเช็กโดยแพทย์เฉพาะทางโดยเร็ว

 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงมะเร็งช่องปาก

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงมะเร็งช่องปาก

มะเร็งช่องปากเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งพฤติกรรมส่วนบุคคลและปัจจัยทางร่างกาย การเข้าใจสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้สามารถป้องกันและสังเกตอาการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

  1. พฤติกรรมการสูบบุหรี่และใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดต่างๆ เช่น บุหรี่ ซิการ์ หมากพลู เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งช่องปากอย่างมาก เนื่องจากสารพิษในควันยาสูบทำลายเนื้อเยื่อและดีเอ็นเอในช่องปาก
  2. การดื่มแอลกอฮอล์มากและเป็นประจำสามารถทำให้เยื่อบุช่องปากอ่อนแอและเกิดการระคายเคืองเรื้อรัง ทำให้เซลล์ผิดปกติและมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็ง
  3. การติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) บางชนิด โดยเฉพาะ HPV 16 สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งช่องปากและลำคอได้ เนื่องจากไวรัสชนิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเซลล์เยื่อบุช่องปากให้ผิดปกติ
  4. สุขอนามัยช่องปากไม่ดี การบาดเจ็บหรือแผลเรื้อรังในช่องปาก เช่น การแปรงฟันไม่สะอาด การติดเชื้อในปาก หรือแผลที่ไม่หาย อาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการเกิดมะเร็ง
  5. ปัจจัยด้านโภชนาการ การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี และธาตุสังกะสี อาจทำให้เนื้อเยื่อในช่องปากไม่แข็งแรงและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
  6. อายุและเพศ มะเร็งช่องปากมักพบมากในผู้สูงอายุ และพบว่ามักเกิดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ พบมากในเพศชาย
  7. ปัจจัยทางพันธุกรรมและประวัติครอบครัว อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค เนื่องจากการถ่ายทอดความเสี่ยงทางพันธุกรรมและปัจจัยร่วมในสิ่งแวดล้อม

 

มะเร็งช่องปากมีกี่ระยะ

มะเร็งช่องปากโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 1-4 ระยะหลัก นอกจากนี้ยังมีระยะที่ 0 (Carcinoma in situ) ซึ่งเป็นระยะก่อนพัฒนาเป็นมะเร็งเต็มขั้น

ระยะที่ 0 (Carcinoma in situ)

  • เป็นระยะเริ่มต้นของมะเร็ง
  • เซลล์ผิดปกติอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุช่องปาก ยังไม่ลุกลามไปเนื้อเยื่อข้างเคียง
  • มักไม่มีอาการชัดเจน หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ การรักษาจะได้ผลดีมาก

 

ระยะที่ 1

  • ก้อนมะเร็งมีขนาดไม่เกิน 2 ซม.
  • ยังไม่มีการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น
  • ผู้ป่วยอาจมีอาการเล็กน้อย เช่น แผลในปากไม่หาย หรือเจ็บเล็กน้อย

 

ระยะที่ 2

  • ก้อนมะเร็งมีขนาด 2-4 ซม.
  • ยังไม่มีการลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น
  • อาการอาจชัดเจนขึ้น เช่น เจ็บมากขึ้น หรือมีเลือดออกจากแผล

 

ระยะที่ 3

  • ก้อนมะเร็งมีขนาดมากกว่า 4 ซม. หรือเริ่มลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
  • อาการชัดเจน เช่น ปวดลามไปคอหรือหู กลืนลำบาก พูดลำบาก

 

ระยะที่ 4

  • มะเร็งลุกลามไปยัง อวัยวะใกล้เคียง หรือ ต่อมน้ำเหลืองหลายจุด หรือมีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย
  • อาการรุนแรง เช่น น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว เลือดออกบ่อย กลืนและพูดลำบากมาก
  • การรักษาจะซับซ้อนและอัตราการหายขาดต่ำกว่าในระยะเริ่มต้น

 

การตรวจวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก

การตรวจวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก

  • ตรวจร่างกายและประวัติ เพื่อตรวจสอบอาการเบื้องต้น เช่น แผลในปาก ก้อน หรือรอยแดง-ขาวที่ไม่หาย และประวัติสุขภาพหรือพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจด้วยกล้องพิเศษ ใช้เทคโนโลยี เช่น กล้องฟลูออเรสเซนต์ หรือ กล้องส่องตรวจความละเอียดสูง เพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ไม่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า
  • ตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) เป็นการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อที่สงสัยว่าผิดปกติเพื่อนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ พร้อมทั้งกำหนดชนิดของเซลล์มะเร็ง
  • ตรวจภาพรังสีและเอกซเรย์ เช่น CT scan, MRI หรือ Panoramic X-ray เพื่อประเมินขอบเขตของมะเร็งและการแพร่กระจายไปยังโครงสร้างใกล้เคียง
  • ตรวจต่อมน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อรอบๆ เพื่อตรวจว่ามีการลุกลามหรือการแพร่กระจายของมะเร็ง ไปยังต่อมน้ำเหลืองหรือเนื้อเยื่อข้างเคียงหรือไม่

 

แนวทางการรักษามะเร็งช่องปาก

แนวทางการรักษามะเร็งช่องปาก

มะเร็งช่องปากมีวิธีรักษาหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ขนาด และตำแหน่งของก้อน รวมถึงสุขภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วย แพทย์จะประเมินและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อบรรเทาอาการและเพิ่มโอกาสหายขาด การรักษาสามารถใช้เพียงวิธีเดียวหรือผสมหลายวิธีร่วมกัน

การผ่าตัด

การผ่าตัดเป็นวิธีพื้นฐานและมักใช้ในมะเร็งระยะเริ่มต้นถึงระยะกลาง แพทย์จะตัดก้อนมะเร็งพร้อมเนื้อเยื่อรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเซลล์มะเร็งเหลืออยู่ ในกรณีที่ก้อนมะเร็งขนาดใหญ่หรือมีความเสี่ยงแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง แพทย์อาจจำเป็นต้องตัดต่อมน้ำเหลืองคอออกด้วย หลังการผ่าตัดอาจต้องทำการฟื้นฟูหรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถพูด กลืน หรือเคี้ยวอาหารได้ใกล้เคียงปกติที่สุด

การฉายรังสี

การฉายรังสีใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็ง สามารถใช้เป็นการรักษาหลักหรือเสริมหลังผ่าตัด เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ ช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ และในบางกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ รังสีสามารถใช้ควบคุมก้อนมะเร็ง และบรรเทาอาการเจ็บปวด

การให้ยาเคมีบำบัด

ยาเคมีบำบัดทำงานโดยการทำลายเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย มักใช้ร่วมกับการฉายรังสี (Chemoradiation) ในกรณีมะเร็งลุกลามหรือมีความเสี่ยงแพร่กระจาย การให้ยาอาจเป็นทางหลอดเลือดดำหรือรับประทาน ผลข้างเคียงรวมถึงคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ แพทย์จะปรับขนาดยาและระยะเวลาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย

การรักษาแบบมุ่งเป้า

การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ใช้ยาออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งบางชนิด ทำให้เซลล์ปกติถูกทำลายน้อยที่สุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงเมื่อเทียบกับยาเคมีบำบัดทั่วไป ตัวอย่างเช่น ยาที่ออกฤทธิ์กับโปรตีนหรือยีนเฉพาะที่มะเร็งใช้งาน

การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัด

ภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นวิธีใหม่ที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้โจมตีเซลล์มะเร็งโดยตรง เหมาะสำหรับมะเร็งที่ดื้อต่อยาแบบเดิมหรือมีการแพร่กระจายสูง บางครั้งใช้ร่วมกับวิธีอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสการควบคุมโรค

 

การป้องกันและลดความเสี่ยง

การป้องกันมะเร็งช่องปากทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

  • เลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบ การไม่สูบบุหรี่หรือใช้ยาสูบชนิดใดๆ ช่วยลดการสัมผัสสารพิษที่ทำลายเนื้อเยื่อและดีเอ็นเอในช่องปาก
  • ลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์มากและเป็นประจำเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเซลล์ผิดปกติในช่องปาก การจำกัดหรือหลีกเลี่ยงจะช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็ง
  • ตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ การพบแพทย์เพื่อตรวจช่องปากเป็นประจำ ช่วยให้ตรวจพบ แผลหรือก้อนผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเพิ่มโอกาสรักษาหายขาด
  • รักษาความสะอาดช่องปาก โดยแปรงฟันทุกวัน ใช้ไหมขัดฟัน และบ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบและป้องกันแผลเรื้อรัง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การทานผัก ผลไม้ และอาหารที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระช่วย เสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อช่องปาก และลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง
  • ป้องกันการติดเชื้อ HPV การฉีดวัคซีน HPV และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งช่องปากที่เกิดจากเชื้อไวรัส
  • หลีกเลี่ยงการระคายเคืองซ้ำในช่องปาก เช่น ไม่กัดหรือขบฟันบริเวณเดียวกันบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัดหรือแข็งเกินไป เพื่อลดโอกาสเกิดแผลเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็ง

 

ตรวจคัดกรองและรักษามะเร็งช่องปาก ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ตรวจคัดกรองและรักษามะเร็งช่องปาก ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

การตรวจคัดกรองและรักษามะเร็งช่องปากที่โรงพยาบาลวิภาวดี ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางด้านช่องปากและศัลยกรรม พร้อมเทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยทันสมัย ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจร่างกาย ประวัติผู้ป่วย การส่องกล้องพิเศษ การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) ไปจนถึงการตรวจภาพรังสีและต่อมน้ำเหลือง เพื่อให้สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งการผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาแบบมุ่งเป้า หรือภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อเพิ่มโอกาสหายขาดและลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

สรุป

มะเร็งช่องปากคือการเกิดเซลล์ผิดปกติในเยื่อบุช่องปาก เช่น ลิ้น เหงือก หรือกระพุ้งแก้ม ที่แบ่งตัวรวดเร็วและลุกลามจนกลายเป็นก้อนหรือแผลเรื้อรังไม่หาย มักเริ่มจากแผล รอยแดง ขาว ก้อนแข็ง หรือเจ็บเรื้อรัง หากลุกลามจะมีอาการรุนแรง เช่น ก้อนโต ปวดลาม กลืนหรือพูดลำบาก และต่อมน้ำเหลืองคอโต ปัจจัยเสี่ยงหลักคือ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การติดเชื้อ HPV สุขอนามัยช่องปากไม่ดี โภชนาการ อายุ เพศ และพันธุกรรม โรคแบ่งเป็น ระยะ 0-4 โดยระยะเริ่มต้นมีโอกาสรักษาหายสูง การวินิจฉัยใช้ ตรวจร่างกาย ส่องกล้องพิเศษ ตัดชิ้นเนื้อ เอกซเรย์ และตรวจต่อมน้ำเหลือง ส่วนการรักษามีหลายวิธี ได้แก่ ผ่าตัด ฉายรังสี เคมีบำบัด การรักษาแบบมุ่งเป้า และภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อลดความเสี่ยงควรเลิกสูบบุหรี่ ลดดื่มแอลกอฮอล์ รักษาความสะอาดช่องปาก รับประทานอาหารมีประโยชน์ ตรวจสุขภาพช่องปากสม่ำเสมอ ป้องกัน HPV และหลีกเลี่ยงการระคายเคืองซ้ำ 

มะเร็งช่องปากเป็นโรคที่หลายคนมักมองข้ามทั้งที่จริงแล้วสามารถป้องกันและรักษาได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้เพราะการรู้ก่อนคือก้าวแรกของการรักษาให้หายขาด โรงพยาบาลวิภาวดีจึงมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยทุกคนได้เข้าถึงการตรวจคัดกรองอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที และกลับมามีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงอีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

การตรวจคัดกรองมะเร็งช่องปากคืออะไร?

การตรวจคัดกรองมะเร็งช่องปากเป็นการประเมินสุขภาพภายในช่องปากโดยทันตแพทย์หรือแพทย์เฉพาะทาง เพื่อค้นหารอยโรคหรือความผิดปกติ เช่น แผลเรื้อรัง รอยแดง รอยขาว หรือก้อนเนื้อที่อาจบ่งชี้ถึงระยะเริ่มต้นของมะเร็ง การตรวจนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากขึ้น

โปรแกรมตรวจสุขภาพช่องปากมีอะไรบ้าง?

โปรแกรมตรวจสุขภาพช่องปากมักประกอบด้วยการตรวจฟัน เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก รวมถึงการประเมินต่อมน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อโดยรอบ บางโปรแกรมอาจมีการใช้กล้องพิเศษหรือเทคโนโลยีเสริมเพื่อตรวจหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้น

ควรตรวจคัดกรองมะเร็งช่องปากบ่อยเท่าไร?

โดยทั่วไปควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย มีแผลในปากที่หายช้า หรือมีประวัติมะเร็งในครอบครัว การตรวจอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถพบความผิดปกติได้ก่อนลุกลาม

รอยโรคสีขาวคืออะไร มีโอกาสเป็นมะเร็งช่องปากไหม?

รอยโรคสีขาวในช่องปากหรือที่เรียกว่า “ลิวโคเพลเกีย (Leukoplakia)” เป็นภาวะที่เยื่อบุช่องปากมีการหนาตัว อาจเกิดจากการระคายเคืองเรื้อรัง เช่น การสูบบุหรี่หรือการเสียดสีจากฟันปลอม แม้บางกรณีจะไม่ร้ายแรง แต่ก็มีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งช่องปากได้ จึงควรเข้ารับการตรวจประเมินจากแพทย์เพื่อความปลอดภัย   

รีวิวจากคนไข้

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์มะเร็งช่องปาก รู้ทันอาการ สาเหตุ แนวทางรักษา