โรคอ้วน

Key Takeaway

  • โรคอ้วนคือภาวะที่ร่างกายมีปริมาณไขมันสะสมมากเกินปกติ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา
  • ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคอ้วน เช่น กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการกินอาหารไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ และผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
  • วิธีรักษาโรคอ้วน เช่น ปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใช้ยาลดน้ำหนักภายใต้การดูแลแพทย์ หรือการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
  • แนวทางป้องกันโรคอ้วน เช่น เลือกรับประทานอาหารสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนัก และหลีกเลี่ยงของหวานและอาหารไขมันสูง

ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ปัญหา "โรคอ้วน" และ "อ้วนลงพุง" กลับเป็นเหมือนเงาตามตัวที่คุกคามสุขภาพของคนจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เรื่องของรูปร่างภายนอก แต่ยังเป็นประตูบานแรกที่นำไปสู่โรคร้ายแรงอีกนับไม่ถ้วน มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอ้วนและโรคอ้วนลงพุงว่าคืออะไร เกิดจากสาเหตุและปัจจัยใดบ้าง พร้อมเผยวิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย ไร้ความเสี่ยงโยโย่ เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน

โรคอ้วนคืออะไร?

โรคอ้วนคืออะไร?

โรคอ้วนคือภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันมากเกินไป เนื่องจากได้รับพลังงานมากกว่าที่ร่างกายเผาผลาญได้ ส่งผลให้ไขมันถูกเก็บสะสมตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมา

เกณฑ์ในการวัดโรคอ้วน

เกณฑ์ในการวัดโรคอ้วน 

โดยทั่วไปผู้ป่วยจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนเมื่อมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ซึ่ง BMI เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ประมาณปริมาณไขมันในร่างกาย แต่ไม่สามารถบอกปริมาณไขมันได้อย่างแม่นยำเสมอไป ตัวอย่างเช่น คนที่มีกล้ามเนื้อมากอาจมีค่า BMI สูง แต่ไม่ได้มีไขมันส่วนเกินหรือเป็นโรคอ้วนจริงๆ จึงควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย

โรคอ้วนมีกี่ประเภท?

โรคอ้วนมีกี่ประเภท?  

โรคอ้วนเป็นภาวะที่หลายคนอาจเข้าใจว่าเกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินไปเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคอ้วนมีความหลากหลายและซับซ้อนมากกว่านั้น โดยสามารถแบ่งประเภทของโรคอ้วนออกได้เป็น 2 ชนิด คือ

1. โรคอ้วนทั้งตัว

ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีไขมันสะสมทั้งร่างกายโดยไม่ได้จำกัดเฉพาะตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เนื่องจากโรคอ้วนทั้งตัวหมายถึงการที่ไขมันกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

2. โรคอ้วนลงพุง

คนที่มีภาวะอ้วนลงพุงหรือเป็นโรคอ้วนลงพุงจะมีไขมันสะสมบริเวณช่องท้องและอวัยวะภายใน เช่น ลำไส้หรือกระเพาะอาหาร ซึ่งไขมันส่วนนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และไขมันในเลือดสูง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอ้วน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอ้วนมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งแต่ละปัจจัยล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มหรือสะสมไขมันในร่างกาย เช่น

พันธุกรรม

ปริมาณไขมันในร่างกายมีแนวโน้มสัมพันธ์กับพันธุกรรม ซึ่งไม่เพียงแค่มีผลต่อการสะสมไขมันส่วนเกินเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อกระบวนการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน อัตราการเผาผลาญแคลอรี รวมถึงการควบคุมความอยากอาหารของแต่ละคนด้วย

การใช้ชีวิต

ไลฟ์สไตล์หรือการใช้ชีวิตเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วน โดยเฉพาะพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เช่น ขนมหวาน อาหารฟาสต์ฟู้ด และน้ำอัดลม รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงและการไม่ออกกำลังกายหรือขาดการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเพียงพอ

โรคและยาต่างๆ

โรคอ้วนบางครั้งอาจเกิดจากปัญหาทางการแพทย์ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคเนื้องอกใต้ต่อมสมอง และกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ (Prader-Willi Syndrome) นอกจากนี้ยังเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านอาการชัก ยารักษาเบาหวาน ยาต้านซึมเศร้า ยาสเตียรอยด์ และยากลุ่มเบตา-บล็อกเกอร์ ซึ่งอาจส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันเพิ่มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

อายุ

แม้ว่าโรคอ้วนจะสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุรวมถึงโรคอ้วนในเด็ก แต่ปัจจัยบางอย่าง เช่น ฮอร์โมน ระบบเผาผลาญ และมวลกล้ามเนื้อที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัย ล้วนมีผลต่อการควบคุมน้ำหนักและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน

ผลกระทบและภาวะแทรกซ้อนจากโรคอ้วน

ผลกระทบและภาวะแทรกซ้อนจากโรคอ้วน

เมื่อเกิดภาวะโรคอ้วนแล้ว มักส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่รุนแรงได้ เช่น 

กรดไหลย้อน

โรคอ้วนส่งผลให้ความดันในช่องท้องและกระเพาะอาหารเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้อาหารและกรดในกระเพาะถูกดันย้อนกลับขึ้นไปยังหลอดอาหาร จนเกิดอาการกรดไหลย้อนตามมาในที่สุด

โรคข้อเสื่อม

คนที่เป็นโรคอ้วนมีน้ำหนักมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะข้อเข่าที่ต้องรองรับน้ำหนักตัวทุกครั้งที่เดินหรือยืน ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้เร็วกว่าคนทั่วไป

อาการหยุดหายใจระหว่างหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเกิดจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีไขมันสะสมบริเวณลำคอมากจนทำให้ทางเดินหายใจถูกอุดกั้น ส่งผลให้เกิดการหยุดหายใจชั่วขณะขณะหลับ ซึ่งส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนและสุขภาพโดยรวม

โรคเบาหวาน

คนที่อ้วนลงพุงหรือเป็นโรคอ้วนจะมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนคนทั่วไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างเหมาะสม จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานตามมาได้ง่ายขึ้น

โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ

เมื่อเป็นโรคอ้วน ร่างกายจะมีไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้เส้นเลือดตีบและหนาตัวลง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแล อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้อย่างรุนแรง

ภาวะไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับเกิดขึ้นเมื่อมีไขมันสะสมในตับมากเกินไป สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เมื่อตับเก็บไขมันมากจนเกินขีดจำกัด จะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการทำงานของตับในระยะยาวได้

วิธีวินิจฉัยโรคอ้วน

เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินปัจจัยเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลได้ มีขั้นตอนและเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ในการตรวจสอบและวินิจฉัยโรคอ้วน ดังนี้

  • ตรวจค่า BMI เพื่อประเมินภาวะอ้วน
  • ตรวจร่างกายเบื้องต้นและซักถามประวัติผู้ป่วย
  • สอบถามพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และการบริโภคอาหาร
  • ตรวจสอบประวัติสุขภาพของครอบครัว
  • หากเข้าข่ายเป็นโรคอ้วน แพทย์อาจตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจความดันโลหิต ระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด

แนวทางการรักษาโรคอ้วน

แนวทางการรักษาโรคอ้วน 

การรักษาโรคอ้วนขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น

ปรับเปลี่ยนอาหาร

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินโดยควบคุมและเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดการรับประทานของทอดและอาหารที่มีไขมันสูงให้น้อยลง พร้อมเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนคุณภาพสูง เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้น

ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพควรทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเลือกทำจากกิจกรรมที่ชอบ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และเผาผลาญพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนและโรคเรื้อรังได้ดีขึ้น

ใช้ยาลดน้ำหนัก

ยาลดน้ำหนักทางการแพทย์เป็นยาที่แพทย์สั่งใช้เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักในกรณีที่วิธีการปรับพฤติกรรมและออกกำลังกายอย่างเดียวไม่เพียงพอ โดยยาจะช่วยลดความอยากอาหาร เพิ่มการเผาผลาญ หรือช่วยลดการดูดซึมไขมันในร่างกาย แต่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงและข้อจำกัดบางประการ 

ผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก

การผ่าตัดลดน้ำหนัก เช่น การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารโดยการทำ Bypass การแถบรัดกระเพาะอาหารที่ปรับได้ การผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนต้นแบบ Biliopancreatic diversion with duodenal switch และการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารแบบ Gastric sleeve

การป้องกันโรคอ้วนแบบยั่งยืน

แนวทางในการป้องกันโรคอ้วนแบบยั่งยืน มีหลายวิธีให้เลือกทำตามเหมาะสม ของแต่ละบุคคล เช่น

  • ปรับพฤติกรรมการกินโดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง รวมถึงอาหารแปรรูปที่มีสารปรุงแต่ง เช่น ผงชูรสและเกลือในปริมาณมาก
  • ลดน้ำหนักและรักษาน้ำหนักให้อยู่ในช่วงดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 18.5-24.9 กก./ตร.ม. เพื่อสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงโรคต่างๆ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวและการใช้พลังงาน ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจโดยงดใช้สารเสพติดทุกชนิด รวมถึงการเลิกบุหรี่ เพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง

สรุป

โรคอ้วนและอ้วนลงพุงเกิดจากการสะสมไขมันในร่างกายมากเกินไป ส่งผลให้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และไขมันพอกตับ สาเหตุมีทั้งจากพันธุกรรม พฤติกรรมการกิน การขาดการออกกำลังกาย รวมถึงปัจจัยทางสุขภาพอื่นๆ การป้องกันและรักษาทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหากจำเป็นอาจใช้ยาหรือการผ่าตัดร่วมด้วย 

สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี ศูนย์ลดน้ำหนักและโภชนาการ โรงพยาบาลวิภาวดี มีบริการตรวจวินิจฉัย วางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทาง นักโภชนาการ และเครื่องมือทันสมัย  

รักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลวิภาวดี

รักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลวิภาวดี

รักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลวิภาวดี เริ่มต้นด้วยการตรวจวัดค่า BMI ตรวจเลือด และประเมินสุขภาพโดยแพทย์เฉพาะทาง จากนั้นทีมแพทย์จะวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการปรับโภชนาการ ออกกำลังกาย การใช้ยา หรือการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพในการรักษาได้ สนใจนัดหมายสอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-561-1111 ต่อ 1230

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคอ้วน (FAQ)

มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอ้วนและอ้วนลงพุง กับการรวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบที่กระชับและเป็นประโยชน์ เพื่อช่วยให้ทุกคนได้มีข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถดูแลสุขภาพตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างถูกวิธี

อะไรคือสาเหตุสำคัญของโรคอ้วน

ความไม่สมดุลของพลังงานเกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับพลังงานจากการรับประทานอาหารมากกว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ไปในแต่ละวัน โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง แต่ร่างกายไม่ได้ใช้พลังงานเหล่านั้นออกไปเพียงพอ ส่วนเกินจึงถูกสะสมเป็นไขมันในร่างกาย ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในที่สุด

อ้วนลงพุงลดอย่างไร

อ้วนลงพุงลดได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดของทอด ของมัน ของหวาน ควบคู่กับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด

โรคอ้วนมีทั้งหมดกี่ระยะ

โรคอ้วนแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

  1. อ้วนระดับ 1 (BMI 25-29.9)
  2. อ้วนระดับ 2 (BMI 30-34.9)
  3. อ้วนระดับ 3 หรืออ้วนขั้นรุนแรง (BMI 35 ขึ้นไป)
    ยิ่งระดับสูง ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

รีวิวจากคนไข้

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์โรคอ้วน