มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นเนื้องอกที่เกิดขึ้นในระบบน้ำเหลืองของร่างกาย ที่เป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน โดยประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ เช่น ม้าม ไขกระดูก
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีอาการ ดังนี้ มีก้อนขนาดประมาณ 2 ซม. ตามบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ มีไข้ เหงื่อออกมากในตอนกลางคืน อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลด ฯลฯ
  • สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่แน่ชัดแต่อาจมีปัจจัยจากการกลายพันธุ์ของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งทำให้เซลล์เหล่านี้เจริญเติบโตไม่หยุดยั้งและไม่ตายตามปกติ รวมถึงภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง รวมถึงอาการแทรกซ้อนทำได้ด้วยการใช้เคมีบำบัดหรือการทำคีโม ใช้รังสีในการรักษา และการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย และมักแสดงอาการไม่ชัดเจนในระยะแรกจนกลายเป็นภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้รักษาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของโรคได้ บทความนี้จะพาไปสังเกตอาการมะเร็งต่อน้ำเหลืองตั้งแต่ระยะแรก การตรวจวินิจฉัย และทางเลือกในการรักษาตามมาตรฐาน พร้อมคำแนะนำในการป้องกันและลดความเสี่ยง เพื่อสุขภาพที่ดี

รู้จักโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คืออะไร?

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) เป็นเนื้องอกที่เกิดขึ้นในระบบน้ำเหลืองของร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน โดยประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ เช่น ม้าม ไขกระดูก ที่เต็มไปด้วยน้ำเหลืองมีหน้าที่ลำเลียงเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) และสารภูมิคุ้มกันในร่างกาย

เมื่อเม็ดเลือดขาวเกิดความผิดปกติจะกลายเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งสามารถพบก้อนแสดงอาการได้ในหลายบริเวณ เช่น คอ รักแร้ ข้อพับแขน ข้อพับขา ช่องอก ช่องท้อง ลำไส้ กระเพาะ ตับ ม้าม รวมถึงทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบประสาท

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีกี่ประเภท

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีกี่ประเภท

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถแบ่งประเภทออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin Lymphoma)ประเภทนี้มีลักษณะเด่นคือพบเซลล์ Reed-Sternberg ที่ไม่พบในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดอื่น แต่ละปีทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 25,000 คนต่อปี
  2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน(Non-Hodgkin Lymphoma)ประเภทนี้สามารถแบ่งได้ย่อยได้มากกว่า 30 ชนิด แบ่งย่อยตามชนิดของลิมโฟไซต์ เช่น B-cell Lymphoma, T-cell Lymphoma และ NK-cell Lymphoma และแยกตามอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเป็น 2 กลุ่มย่อยหลัก ได้แก่
  • ชนิดค่อยเป็นค่อยไป (Indolent)เป็นเซลล์มะเร็งแบ่งตัวช้า อาการมักค่อยเป็นค่อยไป และมักไม่หายขาดด้วยวิธีรักษาในปัจจุบัน
  • ชนิดรุนแรง (Aggressive)เป็นเซลล์มะเร็งแบ่งตัวเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิตภายใน 6 เดือนถึง 12 ปี แต่หากตรวจพบเร็วและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ก็มีโอกาสหายขาดได้สูง

สังเกตอาการโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเบื้องต้น

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะมีอาการแสดงออกเบื้องต้น โดยควรสังเกตอาการที่อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ดังต่อไปนี้

  • มีก้อนขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร ตามบริเวณต่างๆ เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ โดยก้อนเหล่านี้มักไม่เจ็บเมื่อกด แตกต่างจากก้อนที่เกิดจากการติดเชื้อซึ่งมักมีอาการเจ็บร่วมด้วย
  • มีไข้และเหงื่อออกมากในตอนกลางคืน
  • รู้สึกอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดลง
  • ไอเรื้อรัง หายใจลำบาก และต่อมทอนซิลโต
  • มีอาการคันหรือผื่นขึ้นทั่วร่างกาย
  • ปวดศีรษะ ซึ่งมักพบในกรณีที่มะเร็งต่อมน้ำเหลืองลุกลามไปยังระบบประสาท
  • บางรายอาจมีอาการปวดที่ต่อมน้ำเหลืองหลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ในกรณีที่มะเร็งเกิดในช่องท้อง อาจมีอาการแน่นท้องหรืออาหารไม่ย่อย
  • ต่อมน้ำเหลืองที่โตอาจกดทับอวัยวะข้างเคียง เช่น หลอดเลือด หรือเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการชา หรือปวดตามแขนและขาได้

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีกี่ระยะ?

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีกี่ระยะ?

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีกี่ระยะ? การแบ่งระยะของอาการมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยเริ่มจากระยะแรกจนถึงระยะที่ 4 ดังนี้

  1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 1 เกิดขึ้นที่ต่อมน้ำเหลืองเพียงตำแหน่งเดียว เช่น ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอหรือรักแร้ด้านใดด้านหนึ่ง
  2. ระยะที่ 2 มะเร็งพบในต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 2 ตำแหน่งขึ้นไป แต่ยังอยู่ในฝั่งเดียวกันของกระบังลม เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่คอซ้ายและรักแร้ซ้าย หรือสองตำแหน่งในบริเวณ
  3. ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองทั้งฝั่งบนและฝั่งล่างของกระบังลม เช่น มีต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้และขาหนีบ หรือมีการลุกลามข้ามกระบังลม
  4. ระยะที่ 4 มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะนี้มีการแพร่กระจายออกนอกระบบน้ำเหลืองไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ไขกระดูก ตับ ปอด สมอง หรือเนื้อเยื่ออื่นๆ

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเกิดจากอะไร

สาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่โดยทั่วไปเชื่อว่าเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งทำให้เซลล์เหล่านี้เจริญเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและไม่ตายตามปกติ ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้แก่ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อบางชนิด การใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีด้วยกันหลายประการ ได้แก่

  • อายุ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แม้ว่าความเสี่ยงอาจแตกต่างกันไปตามชนิดของมะเร็ง
  • เพศพบว่าเพศชายมีแนวโน้มเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่าเพศหญิง
  • ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันเป็นประจำ มีเสี่ยงสูงในการเกิดโรคนี้
  • การติดเชื้อติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr และแบคทีเรีย Helicobacter pylori เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

การวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

การวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีวิธีการ ขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยแพทย์จะคลำต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ เพื่อดูว่ามีอาการบวมหรือไม่ พร้อมตรวจตับและม้ามว่ามีขนาดโตผิดปกติหรือไม่
  2. การตรวจเลือดเพื่อประเมินภาวะทั่วไปและหาสัญญาณของโรค
  3. การตัดชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลือง (Biopsy) เพื่อนำไปตรวจทางพยาธิวิทยาและระบุชนิดของมะเร็ง
  4. การเจาะไขกระดูกและตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อประเมินการลุกลามของโรค และช่วยในการระบุชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้อย่างแม่นยำ เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
  5. การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองด้วยภาพถ่าย เช่น CT Scan, MRI Scan และ PET Scan เพื่อดูระยะการแพร่กระจายของมะเร็งในร่างกาย

รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง

การรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับชนิดของเซลล์มะเร็งและสภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยในบางรายอาจได้รับการรักษาหลายวิธีควบคู่กัน หรือในบางรายอาจใช้เพียงวิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้น โดยมีแนวทางในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ดังนี้

  • เคมีบำบัด (Chemotherapy)ใช้ยาที่ออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งโดยรบกวนการแบ่งตัวของเซลล์ อาจใช้ร่วมกับยาแอนติบอดีจำเพาะ (Monoclonal Antibodies) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
  • ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)เป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะต่อโปรตีนหรือยีนผิดปกติในเซลล์มะเร็ง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ควบคุมโรคได้นาน และลดผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติ
  • รังสีรักษา (Radiation Therapy)เป็นการรักษาที่ใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็ง แพทย์จะพิจารณาใช้ในบางระยะของโรค อาจให้ร่วมกับเคมีบำบัดหรือใช้เพียงอย่างเดียว โดยมีเทคนิคการฉายรังสีที่ทันสมัยเพื่อความแม่นยำและผลข้างเคียง
  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)เป็นการใช้ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal Antibodies) ที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถจดจำและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Transplantation)เป็นการรักษาโดยนำเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดหรือไขกระดูกของผู้ป่วยเอง ญาติ หรือผู้บริจาคที่เข้ากันได้ มาปลูกถ่ายหลังจากรักษาจนโรคสงบลง เพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
  • การรักษาด้วยยา CAR-T (CAR-T Cell Therapy)เป็นวิธีใหม่ที่ดัดแปลงเซลล์ T ของผู้ป่วยให้สามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นความก้าวหน้าสำคัญสำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดซับซ้อน

ป้องกันโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

การป้องกันโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

การป้องกันโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่มีวิธีการที่แน่นอน เพราะยังไม่มีงานวิจัยใดที่สามารถอธิบายสาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้อย่างชัดเจน แต่สามารถดูแลป้องกันตัวเองเบื้องต้นไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยเสริมสร้างการทำงานของอวัยวะต่างๆ และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • รับประทานอาหารที่เหมาะสมโดยเลือกอาหารที่
    • สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ
    • มีพลังงานและกากใยสูง เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ขาว และผักผลไม้ที่ล้างสะอาด
    • ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอดหรือมีไขมันสูง รวมถึงผักผลไม้ที่ไม่สะอาด โดยผักควรล้างด้วยวิธีที่ช่วยลดสารพิษตกค้าง

การรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

หากกำลังมองหาบริการตรวจสุขภาพ รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง รวมถึงการฟื้นฟูอาการ รวมถึงมะเร็งอื่นๆ สามารถรับการรักษาด้วยบริการแบบ One Stop Service ได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีโดยมีบริการซักประวัติ ตรวจครอบคลุมตั้งแต่ตรวจเลือดเพื่อดูความผิดปกติของเม็ดเลือด วางแผนการรักษา ไปจนถึงการดูแลระหว่างการรักษาเพื่อลดผลกระทบต่อร่างกาย ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง

การตรวจวินิจฉัย

โรงพยาบาลวิภาวดีมีแนวทางการวินิจฉัยที่ครบวงจร เริ่มตั้งแต่การตรวจระดับความผิดปกติของเม็ดเลือดเพื่อประเมินภาวะทั่วไป คัดกรองสัญญาณของโรค รวมถึงการตัดชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลืองเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา พร้อมวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำและตรงจุด

การรักษา

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่โรงพยาบาลวิภาวดี เริ่มจากการตรวจเลือดเพื่อประเมินความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดและค้นหาสัญญาณของโรค พร้อมดูแลอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษา และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลตามระดับความรุนแรงของโรค เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

ทีมแพทย์

ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่โรงพยาบาลวิภาวดีมีทีมแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญการในการรักษาอาการมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งอื่นๆ พร้อมให้คำแนะนำ การตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยแต่ละบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลกระทบต่อร่างกายให้น้อยที่สุด

ข้อมูลการนัดหมาย

หากจะมารักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่โรงพยาบาลวิภาวดีสามารถทำการนัดหมาย รับการตรวจวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งอื่นๆ สามารถสอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-058-1111, 02-561-1111 กด 1221, 1222 โดยเปิดให้บริการวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 17:00-20:00 น.

สิทธิการรักษาและค่าใช้จ่าย

สามารถเข้ามาติดต่อสอบถามกับโรงพยาบาลวิภาวดีโดยตรง เพื่อสอบถามบริการการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งและอาการแทรกซ้อนเพิ่มเติมได้ โดยมีแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมวางแนวทางการรักษาที่หลากหลายตามอาการและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย

ข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

สรุป

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) คือเนื้องอกที่เกิดขึ้นในระบบน้ำเหลืองของร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีอาการเบื้องต้นมักพบก้อนที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณต่างๆ ร่วมกับไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน และน้ำหนักลด สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่ามาจากการกลายพันธุ์ของเซลล์เม็ดเลือดขาว ภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อไวรัสบางชนิด และพันธุกรรม

ส่วนการวินิจฉัยต้องอาศัยการตรวจเลือด ตรวจชิ้นเนื้อ รักษาได้หลายวิธี เช่น เคมีบำบัด รังสีรักษา และภูมิคุ้มกันบำบัด ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยสามารถทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมด้วยโปรแกรมการรักษาโรคที่ครอบคลุม และคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างปลอดภัย ตรงจุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

วันนี้เราได้รวบรวมคำถาม ข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ พร้อมคำตอบเพื่อสร้างความเข้าใจในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพื่อสุขภาพที่ดี

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีภาวะแทรกซ้อนอย่างไร?

ภาวะแทรกซ้อนจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักเกิดจากก้อนมะเร็งที่กดทับหรือทำลายอวัยวะต่างๆ เช่น ทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของระบบไหลเวียนเลือดหรือน้ำเหลือง ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร และทางเดินปัสสาวะ อาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ หากลุกลามเข้าไขกระดูก ร่างกายจะไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดได้ครบถ้วน ทำให้เกิดภาวะซีด เลือดออกง่าย และติดเชื้อได้ง่าย

ผื่นแบบไหนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง?

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Mycosis Fungoides (MF) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ผิวหนัง อาการมักเริ่มจากผื่นแดงนูนบนผิวหนัง บางครั้งอาจมีเป็นก้อนเนื้อหรือแผลบนผื่นราบ โดยมีหลายระยะตั้งแต่ผื่นแดงเป็นสะเก็ดจนถึงก้อนเนื้อที่อาจติดเชื้อได้ โดยส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ และเพศชายจะมีโอกาสมากกว่าเพศหญิง

ต่อมน้ำเหลืองโตเกิดจากความเครียดได้ไหม?

ในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ความเครียดเรื้อรังสามารถกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองเกินความจำเป็น และในบางรายอาจเกิดภาวะภูมิคุ้มกันไวเกิน (Immune Overreaction) ทำให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองได้

คนเป็นมะเร็งต่อมน้ําเหลืองห้ามกินอะไร?

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้นห้ามกินอะไรบ้าง? อาหารที่ควรเลี่ยงสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนและเพื่อสุขภาพดี ได้แก่ อาหารหมวดแป้งที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงจำพวกข้าวขัดสี ขนมปัง พาสตา มักกะโรนี รวมถึงเนื้อวัว เนื้อหมูส่วนสะโพก ชีส ผลิตภัณฑ์จากนม ผักดอง ผักแปรรูป และผลไม้รสหวานจัดหรือมีน้ำตาลสูง

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง