ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น หลายคนอาจเกิดอาการปวดหลังอยู่บ่อยๆ อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นอาการปกติแล้วคิดว่าไม่น่าเป็นอะไรมากนัก เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณส่วนหนึ่งของอาการโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน ที่สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ในระยะยาว มาสังเกตอาการเพิ่มเติม พร้อมวิธีการรักษาและการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยง
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Nov%207_02.jpg)
โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis) คือภาวะที่แนวกระดูกสันหลังแกนกลางลำตัว ซึ่งมีลักษณะเป็นปล้องข้อกระดูกต่อกับหมอนรองกระดูก เกิดการทรุดตัวลง ข้อต่อเคลื่อนที่เลื่อนไปด้านหน้าหรือด้านหลังมากกว่าปกติ จนมากดทับเส้นประสาท จึงทำให้เกิดอาการปวดหลัง เคลื่อนไหวร่างกายได้ลำบากมากขึ้น
ส่วนมากมักจะพบกระดูกสันหลังเคลื่อนในระดับเอวข้อที่ 4 และ 5 เพราะเป็นส่วนที่รับน้ำหนักส่วนใหญ่ของร่างกาย โรคนี้สามารถพบได้ถึง 6% ของประชากรในประเทศ โดยมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Nov%207_03.jpg)
โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน สามารถแบ่งได้เป็น 6 ประเภท ตามสาเหตุการเกิด ดังนี้
Dysplasticสาเหตุเกิดจากพันธุกรรม ผู้ป่วยจะเป็นมาตั้งแต่กำเนิด มักพบประมาณ 20% ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด
Isthmicเกิดจากการบกพร่องของกระดูกสันหลังส่วน Pars Interarticularis ซึ่งเป็นส่วนเชื่อมต่อระหว่างข้อปล้องกระดูกสันหลังกับส่วนหางของกระดูกสันหลัง ทำให้ข้อต่อเคลื่อนที่เลื่อนไปด้านหน้ามากกว่าปกติ ประเภทนี้สามารถพบได้มากถึง 50% ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด
Degenerativeกระดูกสันหลังทรุดตัว เนื่องมาจากความเสื่อมของกระดูกและข้อต่อในร่างกาย มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
Traumaticกระดูกสันหลังเคลื่อนจากการได้รับบาดเจ็บจนข้อเกี่ยวกระดูกที่เชื่อมต่อระหว่างข้อต่อและกระดูกสันหลังเกิดการแตกหัก
Pathologicalการที่กระดูกสันหลังเคลื่อนตัวจากการเป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็ง หรือเนื้องอกเกิดการลุกลาม
Post-surgicalภาวะที่กระดูกสันหลังเคลื่อนหลังจากการผ่าตัด
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Nov%207_04.jpg)
โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือกระดูกทรุด อาจมีอาการแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรค โดยสามารถพบอาการต่างๆ ได้ดังนี้
ปวดบริเวณหลังส่วนล่าง และมักมีอาการแย่ลงหลังจากออกกำลังกาย
รู้สึกปวดกระดูก และปวดกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณรอบกระดูกสันหลัง
ปวดบริเวณบั้นเอว หรือบริเวณสะโพก
รู้สึกปวดหลังขึ้นมาได้ง่าย เมื่อมีการขยับเคลื่อนไหวร่างกาย
มีอาการชาบริเวณขาหรือเท้า อาจมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย
ปวดร้าวลงสะโพก ขา หรือจนถึงปลายเท้า
ปวดตึงกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก หรือต้นขาด้านหลัง
มักรู้สึกหายปวดเมื่อได้นั่ง นอน หรืออยู่เฉยๆ
อาจพบแนวกระดูกสันหลังโค้งมากไป หรือเป็นโรคกระดูกสันหลังคดร่วมด้วย
ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระได้
ในผู้ป่วยเด็ก อาจไม่พบอาการใดๆ หรือมีอาการตึงของเอ็นร้อยหวาย
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Nov%207_05.jpg)
การที่กระดูกสันหลังเคลื่อน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยมีสาเหตุหลักๆ ดังนี้
เกิดจากความผิดปกติของกระดูกสันหลังตั้งแต่กำเนิด จนกลายเป็นโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังตามมา
ส่วนเชื่อมต่อระหว่างข้อปล้องกระดูกสันหลังกับส่วนหางของกระดูกสันหลัง (Pars Interarticularis) เกิดความผิดปกติ เช่น เกิดรอยร้าว แตกหัก หรือมีการยืดออก
เกิดจากความเสื่อมของกระดูกสันหลังเมื่อมีอายุมากขึ้น
กระดูกสันหลังเคลื่อนจากการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ถูกกระแทกอย่างรุนแรง เช่น หกล้ม หรือรถชน
เกิดการลุกลามของโรคอื่นๆ เช่น มะเร็ง หรือเนื้องอก จนไปเบียดกระดูกสันหลังให้เคลื่อนตัว
ทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่ทำให้เกิดแรงตึงสะสมบริเวณกระดูกหลังส่วนล่าง เช่น ฟุตบอล ยิมนาสติก กรีฑา หรือยกน้ำหนัก
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Nov%207_06.jpg)
ในคนบางกลุ่มอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนได้มากกว่ากลุ่มอื่น ดังนี้
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มักเกิดความเสื่อมของแนวกระดูกสันหลัง
เพศหญิงมีโอกาสเป็นได้มากกว่าเพศชาย เนื่องจากฮอร์โมนเพศ และกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงน้อยกว่า
ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ที่มีความเสี่ยงได้รับแรงกดทับต่อกระดูกสันหลังมาก เช่น ยกของหนัก ใช้แรงเยอะ เล่นกีฬาหนักๆ หรือขับรถระยะไกลติดต่อกันเป็นเวลานาน
มีน้ำหนักตัวเยอะเกินกว่ามาตรฐาน จะเพิ่มแรงกดทับให้กับกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง
ผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องใช้รองเท้าส้นสูงในการยืนหรือเดินนานๆ และต้องยกของในท่าทางซ้ำๆ บ่อยๆ เช่น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
ผู้ที่มักต้องนั่งทำงานเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง และอาจนั่งในท่าทางที่ไม่เหมาะสม
นักกีฬาที่เล่นกีฬาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลัง หรือหักโหมฝึกซ้อมมากจนเกินไป
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Nov%207_07.jpg)
การวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือไม่ แพทย์จะมีขั้นตอนหลักๆ ในการตรวจ ดังนี้
ซักประวัติผู้ป่วย และตรวจร่างกายในเบื้องต้น เพื่อประเมินความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดภาวะกระดูกสันหลังทรุด หรือกระดูกสันหลังเคลื่อน
เอกซเรย์กระดูกสันหลังในท่าที่นิ่งและเคลื่อนไหว ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง รวมถึงด้านข้าง เพื่อตรวจดูการเคลื่อนตัวของกระดูกสันหลัง
ตรวจด้วยเครื่อง MRI ร่วมด้วยหากผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวลงขา ชา และอ่อนแรง เพื่อใช้วิเคราะห์ตำแหน่งกระดูกเคลื่อนตัวอย่างละเอียด
ทำ CT Scan ตรวจหาความหนาแน่นมวลกระดูก หรือตรวจสอบบริเวณกระดูกสันหลังที่ได้รับบาดเจ็บ จากการประสบอุบัติเหตุ
ตรวจการนำไฟฟ้าของเส้นประสาทในแนวทางเดินเส้นประสาท ที่สงสัยว่าอาจมีความผิดปกติ
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Nov%207_08.jpg)
การรักษาโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ทั้งวิธีผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด โดยมีวิธีรักษาดังนี้
การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน อาจเป็นวิธีแรกๆ ที่แพทย์แนะนำ โดยผู้ป่วยควรพักการใช้งานหลัง หลีกเลี่ยงกิจกรรมใดๆ ที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ เช่น ยกของหนัก ออกกำลังกายหนัก วิ่งหรือเดินนานๆ รวมถึงการนั่งอยู่กับที่นานหลายชั่วโมง
แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดอาการปวด ถ้าสาเหตุเกิดจากข้อต่อกระดูกสันหลังอักเสบ หรือให้ยาคลายกล้ามเนื้อ ในกรณีที่กล้ามเนื้อหลังเกร็งตัวมากเกินไป นอกจากนี้ หากเกิดจากกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้น แพทย์อาจให้ยาลดอาการปวดปลายประสาท เพื่อลดอาการดังกล่าว
การทำกายภาพบำบัด สามารถช่วยลดอาการปวดหลังและการอักเสบจากกระดูกสันหลังเคลื่อนได้ โดยเน้นเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลัง หน้าท้อง สะโพก และต้นขาด้านหลัง รวมถึงการใช้เครื่องต่างๆ เพื่อช่วยจัดแนวกระดูกสันหลัง ลดการอักเสบของเส้นเอ็นข้อต่อ และช่วยฟื้นฟูเส้นประสาทที่โดนกดทับ
การใช้อุปกรณ์ซัพพอร์ตหลัง เพื่อลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหลังและแนวกระดูกสันหลัง ในขณะที่เดิน ยืน หรือนั่ง ทำให้ช่วยลดอาการปวดได้ โดยแพทย์อาจให้ใส่เป็นเวลา 2 - 16 สัปดาห์
แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ฉีดเข้าไปบริเวณโพรงไขสันหลัง เพื่อลดอาการปวดของผู้ป่วย
วิธีอินเตอร์เวนชัน เป็นการรักษาโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนโดยใช้เข็มเข้าไปฉีดยา หรือจี้ไฟฟ้าในบริเวณโดยรอบกระดูกสันหลัง เพื่อลดอาการปวดจากการกดทับเส้นประสาทและการอักเสบของข้อต่อกระดูกสันหลัง
ถ้าหากผู้ป่วยรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ แล้ว แต่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษา แพทย์อาจพิจารณาให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคกระดูกสันหลัง โดยแพทย์จะพิจารณาจากระดับความรุนแรงของอาการ เช่น กระดูกสันหลังเคลื่อนที่มาก หรือมีแนวโน้มเคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังมาก รักษาด้วยวิธีอื่นไม่หาย กระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือเส้นประสาทถูกกดทับอย่างรุนแรง
โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนสามารถป้องกันได้ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรค ดังนี้
หลีกเลี่ยงการยกของหนักเป็นเวลานานๆ
รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
หมั่นบริหารกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรง เพื่อช่วยพยุงกระดูกสันหลัง
หากมีอาการปวดหลังบ่อยๆ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อนจะลุกลาม
จัดท่านั่งให้เหมาะสม ควรนั่งหลังตรงพิงพนัก วางเท้าราบกับพื้น ไม่ควรนั่งหลังค่อม นั่งไขว่ห้าง หรือใช้เก้าอี้รองเท้าที่สูงเกินไป
ยืนหลังตรงและไม่ยืนนานจนเกินไป
เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ไม่ควรอยู่ในท่าเดิมนานหลายชั่วโมง
อาการปวดหลังบ่อยครั้งไม่ควรปล่อยเอาไว้ อาจเกิดการลุกลามในระดับรุนแรงได้ ที่โรงพยาบาลวิภาวดีเรามีทีมแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัย และเลือกทำการรักษาที่เหมาะสม และครบวงจร โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อที่มีประสบการณ์ ผ่านการฝึกอบรมทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดีและสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ประกันผู้ป่วย สามารถสอบถามค่าใช้จ่าย และค่าผ่าตัดประมาณการได้ที่แผนกผู้ป่วยในโทรศัพท์: 02-561-1111 ต่อ 4137,4139นอกจากนี้ยังมีช่องทางสำหรับการติดต่อของตัวแทนประกันชีวิตต่างๆ ทางLine ID: @vibhainsurance
โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน คือภาวะที่แนวกระดูกสันหลังแกนกลางลำตัวเกิดการทรุด ข้อต่อเคลื่อนที่เลื่อนไปจากแนวปกติ จนกดทับเส้นประสาท จึงเกิดอาการปวดหลังขึ้น และอาจปวดร้าวลงสะโพก ขา จนถึงปลายเท้าได้ ซึ่งสาเหตุเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งเป็นความผิดปกติแต่กำเนิด ความเสื่อมจากอายุที่มากขึ้น ประสบอุบัติเหตุ ทำกิจกรรมหนักๆ หรือเกิดการลุกลามจากมะเร็งและเนื้องอก
การรักษานั้นแพทย์มักจะแนะนำวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดก่อน ถ้าร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษาจึงจะแนะนำการผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก หมั่นบริหารกล้ามเนื้อหลัง เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ หรือถ้ามีอาการปวดหลังบ่อยครั้ง ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมก่อนอาการจะรุนแรงมากขึ้น
โรงพยาบาลวิภาวดีสนับสนุนให้ทุกๆ คนหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ลองดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพของทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้เลย โดยสามารถเข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-561-1111
คำถามเกี่ยวกับกระดูกสันหลังเคลื่อนที่มักพบบ่อย มีดังนี้
สามารถแบ่งตามการเคลื่อนของกระดูกสันหลังได้ทั้งหมด 5 ระดับ ดังนี้
กระดูกสันหลังเคลื่อนไม่เกิน 25%
กระดูกสันหลังเคลื่อนไม่เกิน 50%
กระดูกสันหลังเคลื่อนไม่เกิน 75%
กระดูกสันหลังเคลื่อนไม่เกิน 100%
กระดูกสันหลังเคลื่อน 100%
หากไม่รีบรักษาอาจสร้างผลกระทบได้ในระยะยาว โดยหากกระดูกสันหลังเคลื่อนที่มากขึ้นจนทับเส้นประสาท จะทำให้มีอาการปวดร้าว ขาชา เท้าชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินด้วยตัวเองไม่ไหว ไปจนถึงไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลจากแพทย์กว่า 90% จะสามารถรู้สึกได้ว่าอาการดีขึ้นภายใน 1 เดือน แต่ในบางรายอาจยังไม่ตอบสนองต่อการรักษา จึงต้องรักษาด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติมต่อไป
ปวดหลังช่วงเอวอาจเกิดได้จากการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป นั่งหรือยืนไม่ถูกต้อง อวัยวะของร่างกายเกิดความเสื่อมตามอายุ เกิดจากความเครียดสะสม หรือเป็นสัญญาณบ่งบอกโรคได้หลายชนิด เช่น โรคกระดูกสันหลังเสื่อม โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน และมะเร็งกระดูกสันหลัง เป็นต้น
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved