“สะเก็ดเงิน” เป็นโรคใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิด! หลายคนอาจเคยมีผื่นแดงลอกเป็นขุยตามข้อศอก เข่า หนังศีรษะ หรือมีผิวหนังหนาแห้งเป็นแผ่นโดยไม่เคยรู้มาก่อนว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังอย่างสะเก็ดเงิน ซึ่งหากไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง อาการอาจลุกลามและส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้
บทความนี้จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคสะเก็ดเงินว่าเกิดจากอะไร มีอาการและระยะของโรคอย่างไรบ้าง พร้อมบอกกลุ่มเสี่ยงและแนวทางการรักษาจากทีมแพทย์เฉพาะทางโรงพยาบาลวิภาวดี รวมถึงสิทธิการรักษา ค่าใช้จ่าย และช่องทางการนัดหมาย
โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) คือโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วกว่าปกติไปด้วย ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังชั้นนอกในปริมาณมากจนกลายเป็นผื่นหนาและผิวลอกเป็นขุย ซึ่งสะเก็ดเงินแบ่งออกได้หลายชนิด ดังนี้
ชนิดผื่นหนาเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด มีลักษณะเฉพาะคือผื่นแดงนูนขึ้นจากผิวหนัง ปกคลุมด้วยขุยสีขาวหรือสีเงิน โดยผื่นเหล่านี้มักปรากฏบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อย เช่น ข้อศอก หัวเข่า หนังศีรษะ หลัง และบริเวณลำตัว อาการอาจมาพร้อมกับความรู้สึกคัน ระคายเคือง หรือแสบร้อน ในบางรายหากมีการเกาแรงๆ หรือเกิดการอักเสบ อาจทำให้แผลลุกลามหรือมีเลือดออกได้
ชนิดตุ่มหนองเป็นชนิดที่พบได้น้อยกว่าชนิดผื่นหนาแต่มีความรุนแรงมากกว่า มักพบบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้าเป็นส่วนใหญ่ โดยมีลักษณะเด่นคือตุ่มหนองขนาดเล็กสีขาวหรือเหลืองกระจายอยู่บนผิวหนังที่แดงอักเสบ ซึ่งตุ่มหนองนี้ไม่ใช่การติดเชื้อแต่เกิดจากการอักเสบของผิวหนังล้วนๆ และอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บ แสบ หรือแห้งตึงบริเวณผื่นได้ ทั้งนี้หากผื่นแดงและตุ่มหนองกระจายทั่วร่างกายอาจทำให้มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย และเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ขาดน้ำหรือการติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
หลายคนอาจสงสัยว่าโรคสะเก็ดเงินชนิดหยดน้ำเกิดจากอะไร ต้องบอกเลยว่าเป็นชนิดที่มักเกิดขึ้นในเด็กหรือวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่ มีลักษณะเด่นคือผื่นแดงหรือชมพูขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายหยดน้ำกระจายอยู่ทั่วลำตัว แขน และขา โดยผื่นจะมีขุยบางๆ ปกคลุม และมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะการติดเชื้อแบคทีเรียในลำคอ เช่น เชื้อสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus) หลังการติดเชื้อประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ ผื่นอาจเริ่มปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายทั่วร่างกาย
ชนิดผื่นแดงทั่วตัวเป็นชนิดที่พบได้น้อยที่สุดแต่มีความรุนแรงสูงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต มีลักษณะเด่นคือผิวหนังทั่วร่างกายมีอาการแดง ลอก ขุย และอักเสบอย่างรุนแรง มักครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 90% ของร่างกาย อาจมีอาการแสบ คัน แห้ง แตก เจ็บ หรือมีไข้ร่วมด้วย โดยผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการหนาวสั่น หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อย อ่อนเพลีย และมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อน จึงถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางผิวหนังที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ในโรงพยาบาล
ชนิดเกิดบริเวณซอกพับเป็นรูปแบบหนึ่งของโรคสะเก็ดเงินที่พบในบริเวณผิวหนังที่มีการเสียดสีหรืออับชื้น เช่น รักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม ร่องก้น หรือบริเวณรอบอวัยวะเพศ ลักษณะของผื่นจะแตกต่างจากสะเก็ดเงินชนิดอื่นคือผื่นจะมีสีแดง เรียบ ลื่น ไม่มีขุยหรือสะเก็ดหนา เนื่องจากบริเวณซอกพับมีความชื้นสูง ทำให้ขุยผิวหนังไม่สามารถสะสมได้เหมือนบริเวณอื่น อาจมีอาการแสบ คัน ระคายเคือง โดยเฉพาะเมื่อมีเหงื่อหรือการเสียดสีจากการเคลื่อนไหว
ชนิดเกิดบริเวณมือเท้าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องใช้มือหรือเท้าทำงานเป็นประจำ เนื่องจากมีผื่นแดง หนา ลอกเป็นขุย หรือมีรอยแตกที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าชัดเจน ซึ่งจะเจ็บหรือแสบมาก โดยเฉพาะเวลาสัมผัสหรือเดิน ทำให้ส่งผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จึงต้องได้รับการรักษาทันที
ชนิดเกิดบริเวณเล็บเป็นอาการแสดงของโรคสะเก็ดเงินที่เกิดขึ้นกับเล็บมือหรือเล็บเท้า โดยพบในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินประมาณ 30 - 50% และอาจพบร่วมกับโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic Arthritis) ได้ ซึ่งมักมีลักษณะเล็บบุ๋มเป็นหลุมเล็กๆ เล็บหนา ขรุขระ ปลายเล็บยกตัว มีสีเหลือง น้ำตาล หรือรอยเลือดใต้เล็บ อาการที่เกิดกับเล็บอาจทำให้การใช้มือหรือเท้าเป็นไปด้วยความลำบากและส่งผลต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวันได้
สะเก็ดเงินที่คาบเกี่ยวกับโรคเซ็บเดิร์มเป็นภาวะสะเก็ดเงินที่มีลักษณะอาการคาบเกี่ยวกับโรคเซ็บเดิร์ม ซึ่งพบได้บ่อยบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า หลังหู และกลางหน้าอก ลักษณะอาการคือมีผื่นแดง ลอกขุยเล็กๆ สีขาวหรือสีเหลือง ผิวหนังมัน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับรังแคหรือเซ็บเดิร์มทั่วไป ทำให้การวินิจฉัยต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นอย่างมากในการแยกอาการ
อาการของโรคสะเก็ดเงินแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งในด้านลักษณะ ตำแหน่ง และความรุนแรงของผื่นผิวหนัง บางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางรายอาจเกิดผื่นครอบคลุมทั่วร่างกาย แต่อาการหลักๆ ที่พบบ่อยและเป็นจุดสังเกตของโรคได้ มีดังนี้
โรคสะเก็ดเงินไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อและไม่ติดต่อจากคนสู่คน แต่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยมีปัจจัยที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดโรค ตามไปดูกันเลยว่าเกิดจากอะไรบ้าง!
โรคสะเก็ดเงินสามารถแบ่งระยะตามความรุนแรงของอาการและพื้นที่ผื่นที่ปรากฏบนร่างกาย ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ดังนี้
กลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มเกิดโรคสะเก็ดเงินได้สูงมักมีลักษณะหรือปัจจัยดังต่อไปนี้
การวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงินจำเป็นต้องใช้ความชำนาญและทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
การรักษาโรคสะเก็ดเงินจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค พื้นที่ที่เกิดผื่น และผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสมในแต่ละราย โดยการรักษาอาจมีหลายรูปแบบ ดังนี้
การใช้ยาทาภายนอกเป็นวิธีรักษาพื้นฐานที่มักใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงหรือมีผื่นในบริเวณจำกัด ซึ่งยาทาภายนอกจะช่วยลดการอักเสบ ชะลอการแบ่งตัวของเซลล์ผิว และบรรเทาอาการคัน โดยยาที่นิยมใช้ ได้แก่
การฉายแสง UV เป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือเมื่อการใช้ยาทาภายนอกไม่ได้ผล โดยใช้แสงอัลตราไวโอเลตชนิด B (Narrowband UVB) หรือ PUVA ในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดอาการอักเสบ ลดจำนวนผื่น และยืดระยะห่างของการกำเริบของโรคได้ดี ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการฉายแสงอย่างสม่ำเสมอที่โรงพยาบาล ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ หรือผิวคล้ำ เป็นต้น
การรักษาด้วยยาชนิดรับประทานและยาฉีดใช้ในกรณีที่โรคมีความรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อวิธีการรักษาอื่น โดยยาในกลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ภายในร่างกายเพื่อควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และชะลอกระบวนการที่ทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วเกินไป
ยากลุ่มนี้มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมโรค แต่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงหรือข้อห้ามในผู้ป่วยบางราย
แม้โรคสะเก็ดเงินจะมีปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐานสำคัญและไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่การดูแลสุขภาพ รู้ว่าสะเก็ดเงินเกิดจากสาเหตุอะไร และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นบางอย่างอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค หรือชะลอการแสดงอาการในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคได้ แนวทางการป้องกันที่แนะนำ มีดังนี้
ทั้งนี้ หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคสะเก็ดเงิน ควรเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติของผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ และเข้าพบแพทย์เมื่อสงสัย เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพระยะยาว
โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการดูแลรักษาโรคสะเก็ดเงินแบบครบวงจร (One Stop Service) โดยมีแนวทางการดูแลตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา และการติดตามผลอย่างเป็นระบบ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง พร้อมทีมสหวิชาชีพที่คอยให้คำปรึกษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สะดวก และมีคุณภาพสูงสุดตลอดการรักษา โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
ที่โรงพยาบาลวิภาวดี การตรวจวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงินดำเนินการโดยแพทย์ผิวหนังผู้มีประสบการณ์ ดังนี้
โรงพยาบาลวิภาวดีมีแนวทางการรักษาโรคสะเก็ดเงินแบบครบวงจร โดยแพทย์ผิวหนังจะประเมินระดับความรุนแรงของโรคเป็นรายบุคคล เพื่อกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งวิธีการรักษาที่ให้บริการ มีดังนี้
เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่ต้องรักษาในระยะยาว บางกรณีอาจต้องใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน เช่น ยาทาควบคู่กับยารับประทาน หรือปรับเปลี่ยนยาสลับกันเป็นระยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงระยะยาว ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวิภาวดีจะได้รับคำแนะนำเฉพาะบุคคลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตในระยะยาว
โรงพยาบาลวิภาวดีมีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านโรคผิวหนังที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินโดยเฉพาะ พร้อมด้วยทีมพยาบาล เภสัชกร และเจ้าหน้าที่สหสาขาวิชาชีพที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้การรักษาครอบคลุมทั้งด้านร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ
หากต้องการเข้ารับการตรวจหรือรักษาสะเก็ดเงินที่โรงพยาบาลวิภาวดี ผู้ป่วยสามารถนัดหมายล่วงหน้าได้อย่างสะดวกผ่านหลายช่องทาง ดังนี้
โรงพยาบาลวิภาวดีมีทางเลือกด้านสิทธิการรักษาและระบบชำระเงินที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวก ดังนี้
ทั้งนี้ แนะนำให้ติดต่อโรงพยาบาลโดยตรงเพื่อสอบถามค่าใช้จ่ายในการรักษาที่แน่นอน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถวางแผนการรักษาและจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด
สะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ แต่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม โดยส่วนใหญ่มักแสดงอาการเป็นผื่นแดง นูน มีขุยสีขาวหรือเงินบนผิวหนัง ซึ่งมักพบได้บริเวณข้อศอก หัวเข่า หนังศีรษะ หรือหลัง อาจมีอาการคัน แสบ หรือระคายเคือง และในบางรายอาจมีอาการปวดข้อหรือเล็บผิดปกติร่วมด้วย
หากใครกำลังสงสัยว่าตัวเองมีอาการเข้าข่ายสะเก็ดเงิน และต้องการรับการวินิจฉัยหรือคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ สามารถเข้ารับบริการตรวจรักษาได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีซึ่งมีบริการแบบ One Stop Service สำหรับโรคผิวหนังโดยเฉพาะ พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมในทุกขั้นตอน
ผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดหลายคนมักมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงิน ทั้งในเรื่องอาการ การติดต่อ รวมถึงแนวทางการรักษา เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง บทความนี้จึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำอธิบายจากหลักทางการแพทย์ไว้ดังนี้
โรคสะเก็ดเงินสามารถแบ่งออกได้หลายชนิด โดยแต่ละชนิดมีลักษณะอาการและตำแหน่งที่พบบนร่างกายแตกต่างกัน ได้แก่
ชนิดผื่นหนา (Plaque Psoriasis)พบบ่อยที่สุด ผื่นแดงนูน มีขุยสีขาวเงิน
ชนิดตุ่มหนอง (Pustular Psoriasis)มีตุ่มหนองสีขาวบนผิวหนังแดง
ชนิดหยดน้ำ (Guttate Psoriasis)ผื่นเล็กคล้ายหยดน้ำ มักเกิดหลังติดเชื้อ
ชนิดผื่นแดงทั่วตัว (Erythrodermic Psoriasis)ผื่นลามทั่วตัว รุนแรง ต้องรักษาในโรงพยาบาล
ชนิดที่เกิดกับข้อ (Psoriatic Arthritis)มีอาการข้ออักเสบร่วมกับผื่น
ชนิดซอกพับ (Inverse Psoriasis)ผื่นแดงเรียบที่บริเวณอับชื้น
เล็บสะเก็ดเงิน (Psoriatic Nails)เล็บบุ๋ม หนา หรือร่อน
สะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า และ Sebopsoriasisเกิดเฉพาะที่หรือร่วมกับโรคอื่น
โรคสะเก็ดเงินมีทั้งระดับที่ไม่อันตรายและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการในลักษณะผื่นเฉพาะที่ ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาทาหรือการรักษาเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ในบางรายที่มีอาการรุนแรง เช่น สะเก็ดเงินชนิดผื่นแดงทั่วตัว หรือมีข้ออักเสบร่วมด้วย ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อระบบภายในร่างกายที่รุนแรงได้
โรคสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคติดต่อ และไม่สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัส แบ่งปันของใช้ หรือการอยู่ร่วมกันได้ อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในสังคมยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกถูกตีตราหรือถูกกีดกัน ดังนั้น การให้ข้อมูลที่ถูกต้องและส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างสบายใจ
โรคสะเก็ดเงินยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน แต่อาการสามารถควบคุมได้ด้วยวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น ยาทา ยารับประทาน ยาฉีด และการฉายแสง ผู้ป่วยบางรายสามารถอยู่ในภาวะอาการสงบ (Remission) ได้ยาวนานหลายเดือนหรือหลายปี หากดูแลสุขภาพและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นได้อย่างเหมาะสม
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved