มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เกิดจากอะไร รู้ทันอาการ ตรวจก่อนป้องกัน

  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดจากเซลล์เยื่อบุผนังกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโตผิดปกติ ลุกลามเข้าชั้นกล้ามเนื้อและอวัยวะใกล้เคียง อาการที่สังเกตได้คือ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย หรือแสบขณะปัสสาวะ และอาจมีอาการรุนแรงเมื่อโรคลุกลาม เช่น ปวดท้องน้อยหรือคลำก้อน
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น การสูบบุหรี่ การสัมผัสสารเคมี การติดเชื้อเรื้อรัง พันธุกรรม อายุและเพศ รวมถึงอาหารและสิ่งแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง
  • แพทย์วินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะโดยซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะ ตรวจทางรังสี และส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะเพื่อดูเยื่อบุด้านใน พร้อมเก็บชิ้นเนื้อ (Biopsy) มาตรวจยืนยันความผิดปกติ ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมักเกิดในผู้สูงอายุและผู้ที่สูบบุหรี่ รู้ทันอาการปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อยหรือแสบขัด และปวดท้องน้อย ช่วยให้ตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ตรวจสุขภาพระบบทางเดินปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญ ที่โรงพยาบาลวิภาวดีมีแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ พร้อมด้วยอุปกรณ์ทันสมัยเพื่อการวินิจฉัย และรักษาที่มีประสิทธิภาพ

 

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะคืออะไร

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะคืออะไร

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Cancer) คือภาวะที่เซลล์ในเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะเกิดการแบ่งตัวผิดปกติและไม่สามารถควบคุมได้ จนกลายเป็นเนื้อร้าย ซึ่งอาจลุกลามไปยังชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ หรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะใกล้เคียงและระบบอื่นของร่างกายได้ กระเพาะปัสสาวะมีหน้าที่เก็บกักปัสสาวะก่อนขับออกจากร่างกาย

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะพบมากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมักเกิดในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อเกิดมะเร็งในบริเวณนี้ ผู้ป่วยมักมีอาการเลือดปนในปัสสาวะ หรือปัสสาวะบ่อยและแสบขัด แม้มะเร็งกระเพาะปัสสาวะจะเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โอกาสในการรักษาให้หายขาดจะสูงมาก การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและสังเกตอาการผิดปกติของการขับถ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคนี้อย่างทันท่วงที

 

สัญญาณเตือนอาการมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

 

สัญญาณเตือนอาการมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สัญญาณเตือนอาการมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มักเริ่มจากอาการเล็กน้อยที่หลายคนมองข้าม แต่หากปล่อยไว้นานอาจพัฒนาเป็นระยะรุนแรงได้ การสังเกตความผิดปกติในการขับถ่ายปัสสาวะจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้พบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด

ปัสสาวะเป็นเลือด

ปัสสาวะเป็นเลือดเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยจะเห็นปัสสาวะมีสีชมพู แดงเข้ม หรือสีน้ำตาลคล้ายสนิม ซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือทุกครั้งที่ปัสสาวะ แม้ไม่มีอาการปวดร่วมด้วยก็ตาม ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุทันที

การเปลี่ยนแปลงนิสัยการขับถ่ายปัสสาวะ

ผู้ป่วยอาจสังเกตได้ว่าพฤติกรรมการขับถ่ายปัสสาวะเปลี่ยนไป เช่น

  • ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
  • ปวดปัสสาวะบ่อยและรู้สึกต้องรีบปัสสาวะ (กลั้นปัสสาวะได้ยาก)
  • แสบหรือปวดขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะออกช้า หรือปัสสาวะไม่สุด

อาการเหล่านี้เกิดจากการระคายเคืองของเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะที่มีเซลล์มะเร็งเจริญอยู่

อาการขั้นรุนแรง

เมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลาม อาจมีอาการมากขึ้น เช่น

  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง หรือปวดบริเวณปลายท่อปัสสาวะ
  • ปวดหลังส่วนล่างด้านใดด้านหนึ่ง
  • คลำเจอก้อนบริเวณหัวหน่าว (ในระยะลุกลาม)
  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปวดกระดูก (หากมะเร็งแพร่กระจายไปที่กระดูก)
  • มีอาการไอ หายใจลำบาก (หากมะเร็งแพร่กระจายไปที่ปอด)
  • ภาวะไตวาย หรือไตเรื้อรัง (หากมะเร็งไปอุดตันท่อไต)

การสังเกตอาการเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เป็นกุญแจสำคัญในการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะให้ได้ผลดีที่สุด

 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

โรคนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งมักสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมรอบตัว การรู้ปัจจัยเสี่ยงจะช่วยให้สามารถป้องกันและเฝ้าระวังได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

  1. การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ สารพิษในควันบุหรี่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและขับออกทางปัสสาวะ ทำให้เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะสัมผัสกับสารก่อมะเร็งโดยตรง
  2. การสัมผัสสารเคมีบางชนิด ผู้ที่ทำงานในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสีย้อม หนัง พลาสติก หรือผลิตภัณฑ์ยาง มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากสารเคมีบางชนิด เช่น อะโรเมติกเอมีน (Aromatic amines) เป็นสารก่อมะเร็งที่สำคัญ
  3. การติดเชื้อเรื้อรังหรือการระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นเวลานาน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดมะเร็งได้
  4. ปัจจัยทางพันธุกรรมและประวัติครอบครัว ผู้ที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หรือมีพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมดีเอ็นเอผิดปกติ จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
  5. อายุและเพศ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะพบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 3-4 เท่า
  6. การบริโภคอาหารหรือสิ่งแวดล้อมบางชนิด เช่น น้ำอัดลม ของหวาน หรือสารเคมีในอุตสาหกรรม

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะมีกี่ระยะ

ระยะของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก ตามความลึกที่เซลล์มะเร็งลุกลามเข้าไปในผนังกระเพาะปัสสาวะและการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ดังนี้

  • ระยะที่ 1 มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะแรก เซลล์มะเร็งยังอยู่เฉพาะในเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ (ชั้นในสุด) ยังไม่ลุกลามเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อ เป็นระยะที่รักษาได้ง่ายและมีโอกาสหายสูง
  • ระยะที่ 2 มะเร็งเริ่มลุกลามเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อของผนังกระเพาะปัสสาวะ แต่ยังไม่แพร่กระจายออกนอกอวัยวะ
  • ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งลุกลามออกนอกกระเพาะปัสสาวะ ไปยังเนื้อเยื่อรอบข้างหรืออวัยวะใกล้เคียง เช่น ต่อมลูกหมาก มดลูก หรือช่องคลอด
  • ระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่นที่อยู่ไกล เช่น ปอด กระดูก หรือ ตับ ซึ่งเป็นระยะที่รักษาได้ยากที่สุดและต้องใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน

 

การวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การตรวจวินิจฉัยเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อยืนยันการมีเซลล์มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงประเมินระยะของโรคและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม แพทย์จะใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำที่สุด

  1. การซักประวัติและถามอาการ แพทย์จะสอบถามอาการเบื้องต้น เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะบ่อย รวมถึงประวัติการสูบบุหรี่ การสัมผัสสารเคมี และโรคประจำตัวอื่นๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรค
  2. การตรวจร่างกาย ใช้เพื่อคลำหาความผิดปกติบริเวณท้องน้อย หรือหัวหน่าว รวมถึงตรวจหาสัญญาณของโรคในอวัยวะใกล้เคียงหรือบริเวณต่อมน้ำเหลือง
  3. การตรวจปัสสาวะ ตรวจหาการมีเลือดในปัสสาวะ และอาจส่งตรวจทางเซลล์วิทยา (Urine Cytology) เพื่อดูว่ามีเซลล์มะเร็งหลุดออกมาหรือไม่ ซึ่งช่วยบ่งชี้การมีมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
  4. การตรวจทางรังสี เช่น Ultrasound, CT Scan หรือMRI เพื่อดูขนาด ตำแหน่ง และการลุกลามของก้อนมะเร็ง รวมถึงการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น
  5. การส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ เป็นการตรวจสำคัญที่สุด โดยแพทย์จะใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะ เพื่อดูเยื่อบุภายในและเก็บชิ้นเนื้อ (Biopsy) ส่งตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันผล

 

แนวทางการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

แนวทางการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะขึ้นอยู่กับระยะของโรค ความแข็งแรงของผู้ป่วย และการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง โดยแพทย์จะพิจารณาใช้วิธีการรักษาแบบใดแบบหนึ่ง หรือใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมโรคและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ

การผ่าตัด

การผ่าตัดเป็นวิธีรักษาหลักในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แบ่งเป็นการผ่าตัดเฉพาะเนื้องอก (TURBT) สำหรับมะเร็งระยะเริ่มต้น ซึ่งใช้กล้องส่องผ่านท่อปัสสาวะเพื่อตัดก้อนออกโดยไม่ต้องเปิดแผล หรือการผ่าตัดเอากระเพาะปัสสาวะออกบางส่วนหรือทั้งหมด (Partial/Total Cystectomy) ในกรณีที่มะเร็งลุกลามมากขึ้น จากนั้นอาจต้องสร้างทางขับปัสสาวะใหม่ เพื่อให้ร่างกายสามารถขับของเสียได้ตามปกติ

การรักษาโดยไม่ผ่าตัด

การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะโดยไม่ผ่าตัดมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยมุ่งทำลายหรือควบคุมการเติบโตของเซลล์มะเร็ง เช่น

  • เคมีบำบัด (Chemotherapy) ใช้ยาฆ่าเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย หรือฉีดเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะโดยตรง (Intravesical therapy) เพื่อควบคุมเซลล์มะเร็งเฉพาะที่
  • การฉายรังสี (Radiation Therapy) ใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็ง เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือใช้ร่วมกับเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  • การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์บางชนิด เพื่อลดผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติ
  • การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง เช่น การใช้ยา BCG ใส่ในกระเพาะปัสสาวะ หรือยากลุ่ม immune checkpoint inhibitors

การติดตามหลังการรักษา

หลังการรักษาผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูว่ามะเร็งกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่ โดยอาจตรวจปัสสาวะ ส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ หรือทำเอกซเรย์เป็นระยะ นอกจากนี้ควรปรับพฤติกรรม เช่น งดสูบบุหรี่ ดื่มน้ำมากขึ้น และดูแลสุขภาพทั่วไป รวมทั้งตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อป้องกันการกลับมาของโรคในอนาคต

วิธีป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การปรับพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ

  • การไม่สูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ช่วยลดสารพิษที่เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของมะเร็ง
  • หลีกเลี่ยงสารเคมีอันตราย ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่สัมผัสสารเคมี ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันและปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำมากพอช่วยให้กระเพาะปัสสาวะถูกล้างบ่อยขึ้น ลดการสะสมของสารก่อมะเร็งในปัสสาวะ
  • รักษาสุขอนามัยและป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ช่วยลดการระคายเคืองและความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
  • รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เพิ่มผัก ผลไม้ และอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดอาหารแปรรูปหรือมีสารกันบูดสูง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
  • ตรวจสุขภาพประจำปี ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงควรตรวจปัสสาวะและตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะแรก

 

ตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่โรงพยาบาลวิภาวดี

โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจสุขภาพเฉพาะทางเพื่อตรวจหาความผิดปกติ ตั้งแต่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้สูบบุหรี่ หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยโปรแกรมตรวจประกอบด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะ และตรวจทางรังสี รวมถึงส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะหากจำเป็น เพื่อวินิจฉัยอย่างแม่นยำ นอกจากนี้โรงพยาบาลยังมีบริการ วางแผนรักษาและติดตามผลหลังการรักษา ครอบคลุมทั้งการผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายรังสี และการรักษาแบบมุ่งเป้า ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจพบระยะแรกจนถึงการฟื้นฟูสุขภาพหลังการรักษา

สรุป

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดจากเซลล์เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโตผิดปกติ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะแบ่งเป็น 4 ระยะ ตามความลุกลามของเซลล์ มักพบในผู้สูงอายุและผู้ที่สูบบุหรี่ สัมผัสสารเคมี การติดเชื้อเรื้อรัง พันธุกรรม อายุและเพศ รวมถึงอาหารและสิ่งแวดล้อม อาการเริ่มแรกสังเกตได้จากปัสสาวะเป็นเลือดหรือเปลี่ยนนิสัยการขับถ่าย เช่น ปัสสาวะบ่อย แสบหรือปวดขณะปัสสาวะ ส่วนอาการรุนแรงเมื่อโรคลุกลาม ได้แก่ ปวดท้องน้อย ปวดหลัง คลำก้อน อ่อนเพลีย น้ำหนักลด หรือมีอาการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น

หลังจากได้รับการตรวจวินิจฉัยแล้ว การรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคและความเหมาะสมของผู้ป่วย ได้แก่ ผ่าตัด รักษาโดยไม่ผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายรังสี และการรักษาแบบมุ่งเป้า ภูมิคุ้มกัน พร้อมการติดตามหลังการรักษาอย่างสม่ำเสมอ สามารถป้องกันความเสี่ยงการเกิดโรคได้โดยเลิกสูบบุหรี่ ดื่มน้ำมากพอ หลีกเลี่ยงสารเคมี รักษาสุขอนามัย ตรวจสุขภาพประจำปี และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต เพราะในระยะแรกมักไม่มีอาการชัดเจน ยิ่งตรวจพบเร็วเท่าไร โอกาสในการรักษาให้หายขาดก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพื่อควบคุมเซลล์มะเร็งและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ พร้อมทีมดูแลหลังการรักษา เพื่อการฟื้นตัวได้เร็วและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เริ่มดูแลสุขภาพทางเดินปัสสาวะของคุณตั้งแต่วันนี้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี เราเชื่อว่าการรู้ก่อนคือโอกาสที่ดีที่สุดในการรักษา

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ต้องตรวจคัดกรองระบบทางเดินปัสสาวะบ่อยเท่าไร?

โดยทั่วไป ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้สูบบุหรี่ หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ควรตรวจคัดกรองปีละครั้ง หรืออาจบ่อยกว่านั้นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง สามารถตรวจเป็นระยะตามแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั่วไป

มีแพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงหรือไม่?

โรงพยาบาลวิภาวดีมีแพ็กเกจตรวจสุขภาพเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง ที่ครอบคลุมการตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ตรวจร่างกายทั่วไป รวมถึงการตรวจทางรังสีหรือส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะหากจำเป็น เพื่อประเมินความเสี่ยงและตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรก

พบมะเร็งระยะแรกสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่ตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกมีโอกาสรักษาให้หายขาดสูง โดยแพทย์อาจใช้วิธีผ่าตัดเฉพาะก้อนมะเร็งหรือรักษาโดยใส่ยาฆ่าเซลล์มะเร็งเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะควบคู่กับการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จของการรักษา

รีวิวจากคนไข้

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เกิดจากอะไร รู้ทันอาการ ตรวจก่อนป้องกัน