Key Takeaway
“วุ้นตาเสื่อม” เป็นภาวะที่มักเกิดขึ้นตามวัย หรือจากพฤติกรรมการใช้สายตาหนักเกินไป ทำให้หลายคนเริ่มเห็นจุดดำ เส้นใย หรือเงาลอยไปมาในดวงตา หากละเลยอาจเสี่ยงส่งผลต่อ จอประสาทตาเสื่อมได้ การรู้เท่าทันสาเหตุ อาการ และวิธีป้องกัน จึงสำคัญมาก เพื่อรักษาการมองเห็นให้คมชัดไปนานๆ
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%204%20(%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1)_1.jpg)
วุ้นตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) คือภาวะที่วุ้นตาเป็นเนื้อเยลลี่ใสภายในลูกตา เกิดจากการเสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ทำให้ความใสของวุ้นตาลดลงและเกิดการยุบตัวหรือลอยตัวเป็นจุดเส้นหรือเงาบนแนวการมองเห็น
ลักษณะของวุ้นตาเสื่อมมักเริ่มจากการเห็น “จุดลอย” หรือ “เส้นใยใส” ภายในสนามการมองเห็น บางครั้งอาจเห็นแสงวาบหรือแฟลชไฟเล็กๆ โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหวของตา มักเกิดกับผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดได้ในผู้ที่มีสายตาสั้นมากหรือมีประวัติอุบัติเหตุทางตา ภาวะนี้มักไม่รุนแรง แต่หากมีจุดลอยหรือแสงวาบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อตรวจว่ามีปัญหาเกี่ยวกับจอประสาทตาแทรกซ้อน
วุ้นตาในเสื่อมสาเหตุมีปัจจัยต่างๆ ที่สามารถอธิบายแบบเข้าใจง่ายเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
วุ้นตาเสื่อมแตกต่างจากโรคตาอื่นตรงที่เป็นภาวะที่เกิดกับวุ้นตาเนื้อเยลลี่ใสภายในลูกตา ทำให้เกิดจุดลอยหรือเส้นใยลอยไปมาในสนามการมองเห็น และบางครั้งอาจเห็นแสงวาบ แต่ไม่ทำให้ความดันตาหรือความชัดของเลนส์โดยตรง แตกต่างจากต้อหินที่เกิดจากความดันในลูกตาสูงทำลายเส้นประสาทตา ทำให้มุมมองด้านข้างค่อยๆ แคบลง
ส่วนต้อกระจกเกิดจากเลนส์ตาขุ่นมัว ทำให้การมองเห็นมัวลงทั้งภาพและสี และจอประสาทตาเสื่อมเป็นความเสื่อมของจอประสาทตาตรงกลาง ทำให้เห็นภาพบิดเบี้ยวหรือมีจุดดำตรงกลาง
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%204%20(%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1)_2.jpg)
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าวุ้นตาเสื่อมอาการเป็นอย่างไร? สามารถสังเกตได้จากหลายลักษณะที่แตกต่างจากโรคตาอื่นๆ ซึ่งอาการเด่นๆ มีดังนี้
อาการวุ้นตาเสื่อมบางอย่างอาจสัญญาณเตือนปัญหารุนแรงที่เกี่ยวกับจอประสาทตา ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันทีหากพบอาการดังต่อไปนี้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%204%20(%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1)_3.jpg)
การวินิจฉัยวุ้นตาเสื่อมทำได้หลายขั้นตอน เพื่อแยกจากโรคตาอื่นและตรวจหาภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
แพทย์จะสอบถามเรื่องอาการที่ผู้ป่วยสังเกตเห็น เช่น จุดลอย (floaters) แสงแฟลช หรือม่านดำ บางครั้งอาจมีความพร่ามัวชั่วคราว เพื่อประเมินความรุนแรงและความเสี่ยงว่ามีโอกาสเกิดการฉีกขาดของจอประสาทตาหรือไม่ รวมถึงถามประวัติสายตาสั้นมาก การบาดเจ็บ หรือโรคตาอื่นๆ
ใช้ไฟฉายส่องตา (Slit lamp) และขยายม่านตา (Pupil dilation) เพื่อตรวจโครงสร้างภายในตาอย่างละเอียด แพทย์สามารถมองเห็นวุ้นตาใสหรือขุ่น การยุบตัว การลอยตัวของวุ้นตา รวมถึงสัญญาณเลือดหรือการอักเสบในตา
แพทย์จะตรวจจอประสาทตาโดยตรง (Direct or Indirect Ophthalmoscopy) เพื่อดูว่าวุ้นตาแยกตัวออกจากจอประสาทตา หรือมีการฉีกขาดของจอประสาทตา การตรวจนี้ช่วยให้วินิจฉัยความเสี่ยงที่จะเกิดจอประสาทตาหลุดลอกได้แม่นยำ
ใช้เทคโนโลยี Fundus Photography หรือ Optical Coherence Tomography (OCT) เพื่อเก็บภาพจอประสาทตาและวุ้นตา แพทย์สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของวุ้นตาและจอประสาทตาอย่างแม่นยำ เหมาะกับผู้ที่มีอาการเรื้อรังหรือต้องติดตามผลหลังรักษา
ถ้ามีวุ้นตาขุ่นหรือมีเลือดในวุ้นตาการมองภายในตาจะยาก แพทย์จะอัลตราซาวด์ความถี่สูง (B-scan Ultrasound) ตรวจโครงสร้างภายในลูกตาเพื่อประเมินความเสื่อมของวุ้นตาและความผิดปกติของจอประสาทตา ทำให้มั่นใจว่าการวินิจฉัยแม่นยำแม้ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%204%20(%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1)_4.jpg)
แนวทางการรักษาวุ้นตาเสื่อมขึ้นอยู่กับความรุนแรงและผลกระทบต่อการมองเห็น โดยมีแนวทางการรักษาดังนี้
ในกรณีที่วุ้นตาเสื่อมยังไม่รุนแรงหรือไม่ส่งผลต่อการมองเห็นมาก สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้ และมักไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา แพทย์จึงแนะนำให้ติดตามอาการเป็นระยะ เพื่อตรวจว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น จุดลอยเพิ่มขึ้นหรือจอประสาทตามีรอยฉีก
หากจุดลอยหรือแสงแฟลชรบกวนการมองเห็นหรือทำงานประจำวัน แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีรักษาเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่
เป็นการผ่าตัดเอาวุ้นตาออกบางส่วนหรือทั้งหมด แล้วเติมสารเจลหรือของเหลวทดแทน เพื่อทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีจุดลอยมากและรบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก
ใช้เลเซอร์ยิงทำลายจุดลอยหรือเส้นใยวุ้นตา ให้แตกตัวเล็กลงหรือสลายไปกับวุ้นตา ทำให้มองเห็นชัดขึ้น วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีจุดลอยจำกัดและต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่
ถ้าวุ้นตาเสื่อมทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนกับจอประสาทตา เช่น การฉีกขาดหรือจอประสาทตาหลุดลอก แพทย์จะใช้วิธีรักษาเฉพาะ เช่น
แนวทางการดูแลและป้องกันวุ้นตาเสื่อมเน้นที่การรักษาสุขภาพตาและสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและลดความรบกวนในการมองเห็น มีแนวทางดูแลและป้องกันดังนี้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%204%20(%E0%B8%A7%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1)_5.jpg)
ศูนย์จักษุโรงพยาบาลวิภาวดี มีบริการตรวจและรักษาวุ้นตาเสื่อมอย่างครบวงจรโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์ เริ่มจากการตรวจวินิจฉัยตาแบบละเอียด พร้อมหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ นอกจากนี้ยังมีการติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นและดูแลสุขภาพตาให้คงที่ มั่นใจได้ว่าการมองเห็นจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่
วุ้นตาเสื่อมคือภาวะวุ้นตาในลูกตาเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดจุดลอย เส้นใยลอย หรือแสงแฟลช มักเกิดกับผู้สูงอายุ สายตาสั้นมาก หรือมีประวัติการบาดเจ็บที่ตา อาการเด่นคือเห็นจุดลอย แสงแฟลช ม่านดำ หรือมองไม่ชัดชั่วคราว หากอาการรุนแรง เช่น จุดลอยเพิ่มอย่างกะทันหัน แสงแฟลชบ่อย หรือม่านดำบังสายตา ควรพบจักษุแพทย์ทันที การวินิจฉัยทำได้จากซักประวัติ ตรวจตา ตรวจจอประสาทตา ถ่ายภาพจอประสาทตา และอัลตราซาวด์ตา แนวทางรักษาแบ่งเป็นติดตามอาการในกรณีไม่รุนแรง ใช้เลเซอร์หรือผ่าตัดในกรณีรบกวนชีวิต หรือรักษาภาวะแทรกซ้อนกับจอประสาทตา การป้องกันทำได้โดยตรวจตาประจำ ป้องกันการกระแทกตา รักษาสายตา ดูแลสุขภาพ และสังเกตอาการผิดปกติ
โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจและรักษาวุ้นตาเสื่อมครบวงจร บริการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด รักษาโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์และเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมดูแลทุกปัญหาสายตาอย่างมืออาชีพ สนใจตรวจหรือต้องการรักษาตา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อ โทร. 02-561-1111
เพื่อให้เข้าใจและดูแลตัวเองได้ง่ายขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวุ้นตาเสื่อม พร้อมคำตอบมาไว้ให้แล้ว!
วุ้นตาเสื่อมหายเองได้ไหม? คำตอบคือไม่สามารถหายกลับมาเหมือนเดิมได้เอง แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แพทย์มักแนะนำให้ติดตามอาการและปรับตัวกับจุดลอยที่เกิดขึ้น
วุ้นตาเสื่อมจะทำให้เห็นจุดลอยหรือแสงแฟลช แต่ไม่ได้ทำให้จอประสาทตาเสียหาย ส่วนจอประสาทตาฉีกขาดเป็นภาวะรุนแรงที่อาจทำให้ ม่านดำบังสายตา และต้องรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันการหลุดลอก
โดยทั่วไปรักษาไม่หายขาด แต่สามารถบรรเทาอาการได้ หากจุดลอยรบกวนชีวิตประจำวัน แพทย์อาจใช้เลเซอร์หรือผ่าตัดวุ้นตาบางส่วนเพื่อเพิ่มความชัดของการมองเห็น
การผ่าตัดมักพิจารณาในกรณีที่จุดลอยหรือแสงแฟลชรบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อนกับจอประสาทตา เช่น ฉีกขาดหรือหลุดลอก เพื่อป้องกันความเสียหายต่อการมองเห็น
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved