Key Takeaway
ทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย มีอาการปัสสาวะขัด แสบ หรือถี่ การรู้ทันสาเหตุ อาการ และแนวทางรักษาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างละเอียด โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมให้บริการตรวจปัสสาวะ ตรวจเชื้อ และวางแผนการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง
/1.jpg)
ทางเดินปัสสาวะอักเสบ (Urinary Tract Infection: UTI) คือการติดเชื้อหรือการอักเสบที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งรวมถึงไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ภาวะนี้มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะ Escherichia coli (E. coli) ที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นสาเหตุหลัก การติดเชื้อสามารถเกิดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่ทางเดินปัสสาวะอักเสบผู้หญิงพบได้บ่อยกว่า เนื่องจากท่อปัสสาวะสั้นและใกล้กับทวารหนักมากกว่าผู้ชาย
/2.jpg)
ทางเดินปัสสาวะอักเสบไม่ใช่โรคเดียว แต่เป็นกลุ่มภาวะติดเชื้อที่สามารถเกิดขึ้นได้ในส่วนต่างๆ ของระบบทางเดินปัสสาวะ และมีความรุนแรงแตกต่างกัน การจำแนกประเภทช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น
หลายคนมักกังวลว่าการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะอันตรายไหม ส่วนใหญ่จะไม่อันตรายหากรักษาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง แต่ถ้าปล่อยไว้อาจลุกลามไปที่ไตหรือเข้าสู่กระแสเลือด เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ จึงควรรู้จักประเภทของการติดเชื้อเพื่อให้ดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสม
เป็นการติดเชื้อที่เกิดขึ้นเฉพาะในกระเพาะปัสสาวะ มักเกิดจากแบคทีเรีย E. coli ที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ไหลย้อนเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้น ได้แก่ การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน การดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือการใช้สายสวนปัสสาวะ
อาการหลักที่พบได้บ่อยคือปัสสาวะบ่อย แสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นแรง และอาจมีเลือดปนในปัสสาวะได้ แม้กระเพาะปัสสาวะอักเสบมักไม่รุนแรง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาเชื้ออาจลุกลามขึ้นไปยังไตได้
ท่อปัสสาวะอักเสบเกิดจากการติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นทางออกของปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะ สาเหตุอาจมาจากแบคทีเรียทั่วไปหรือเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น Neisseria gonorrhoeae และ Chlamydia trachomatis
มักรู้สึกแสบหรือเจ็บขณะปัสสาวะ มีน้ำเมือกหรือหนองออกจากท่อปัสสาวะ และอาจมีความรู้สึกอยากปัสสาวะแต่ปริมาณน้อย หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้ออาจลุกลามเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะหรือไต และอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ในระยะยาวได้
ไตอักเสบเป็นการติดเชื้อที่ลุกลามขึ้นไปถึงไต มักเกิดจากการติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ปัจจัยเสริม ได้แก่ การมีนิ่วในไตหรือความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ อาการรุนแรงกว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบ เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเอวหรือหลัง คลื่นไส้อาเจียน และปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นแรง
การรักษาอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดภาวะไตวายหรือการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซับซ้อนเกิดขึ้นในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่ใส่สายสวนปัสสาวะ มีนิ่วในไต หรือมีโรคเรื้อรังอย่างเบาหวานและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ การติดเชื้อประเภทนี้มักมีอาการรุนแรงและรักษายากกว่า อาจมีไข้สูง ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบ และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย การวินิจฉัยและการรักษาต้องใช้ความรอบคอบและมักต้องใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะไม่ซับซ้อนเกิดขึ้นในผู้ที่มีระบบทางเดินปัสสาวะปกติ ไม่มีโรคประจำตัวหรือปัจจัยเสี่ยงพิเศษ อาการมักไม่รุนแรง ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเล็กน้อย และปวดท้องน้อยเล็กน้อย การติดเชื้อประเภทนี้มักตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะมาตรฐานได้ดี อาการมักหายภายใน 3-7 วัน หากรักษาไม่ครบ อาจเกิดการติดเชื้อซ้ำได้
/3.jpg)
อาการและสัญญาณของทางเดินปัสสาวะอักเสบมักสังเกตได้จากความผิดปกติขณะปัสสาวะและลักษณะของปัสสาวะ โดยสามารถสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
สาเหตุของทางเดินปัสสาวะอักเสบมักเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งเชื้อโรค ปัจจัยร่างกาย พฤติกรรม และโรคประจำตัว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เพศหญิง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ใช้สายสวนปัสสาวะ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
การวินิจฉัยมักประกอบด้วยหลายขั้นตอน เพื่อตัดสินใจแนวทางการรักษาที่เหมาะสม โดยมีขั้นตอนดังนี้
/4.jpg)
แนวทางการรักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบมีทั้งการดูแลตัวเองเบื้องต้นและการรักษาโดยแพทย์ เพื่อให้อาการทุเลาเร็ว ลดความเสี่ยงการติดเชื้อซ้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน การรักษาแต่ละวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้องช่วยให้การติดเชื้อลดลงและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่บ้าน เช่น การดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยล้างเชื้อออกจากทางเดินปัสสาวะ การหลีกเลี่ยงอาหารแสลงหรือเครื่องดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ที่อาจระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงการปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึก ไม่กลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน และรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
หากอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์มักให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อและผลการเพาะเชื้อ ระยะเวลาในการรักษาจะแตกต่างกันตามความรุนแรงและลักษณะของการติดเชื้อ ผู้ป่วยควรรับประทานยาครบตามที่แพทย์สั่ง และติดตามอาการหลังการรักษา หากมีอาการไม่ดีขึ้นหรือเกิดการติดเชื้อซ้ำ แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อวางแผนรักษาที่เหมาะสมต่อไป
/5.jpg)
การป้องกันทางเดินปัสสาวะอักเสบสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อและบรรเทาอาการไม่ให้รุนแรง
อาการทางเดินปัสสาวะอักเสบบางอย่างอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน จำเป็นต้องรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
/6.jpg)
การรักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบที่โรงพยาบาลวิภาวดี จะอยู่ภายใต้การดูแลของแผนกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมีแพทย์เฉพาะทางคอยให้บริการ เริ่มจากซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด ไปจนถึงการตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะและเพาะเชื้อ เพื่อตรวจหาสาเหตุของการติดเชื้อและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม โรงพยาบาลมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีทันสมัยในการวินิจฉัย ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตรงจุด ลดความเสี่ยงการติดเชื้อซ้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทางเดินปัสสาวะอักเสบ (UTI) คือการติดเชื้อหรืออักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะ มักเกิดจากแบคทีเรีย E. coli โดยผู้หญิงมีความเสี่ยงสูง สาเหตุหลักมาจากเชื้อแบคทีเรีย ปัจจัยร่างกาย พฤติกรรม เช่น กลั้นปัสสาวะนาน ใช้สายสวนปัสสาวะ การทำความสะอาดไม่ถูกวิธี รวมถึงโรคประจำตัว การวินิจฉัยทำโดยซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะและเพาะเชื้อ อาการทั่วไป ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย ปวดท้องน้อย ปัสสาวะขุ่นหรือมีเลือดปน หากมีไข้ ปวดหลัง คลื่นไส้อาเจียน หรือมีโรคประจำตัว ควรรีบพบแพทย์
สนใจตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยง หรือเข้ารับการรักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบแผนกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ ให้บริการวินิจฉัยอย่างละเอียด ตรวจปัสสาวะ ตรวจเชื้อ และวางแผนการรักษา โดยแพทย์เฉพาะทาง พร้อมเทคโนโลยีครบครัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย! ที่โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อได้ที่ โทร. 02-561-111
เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับการรักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบมากขึ้น มาดูคำถามที่หลายคนมักสงสัยพร้อมคำตอบกัน
ทางเดินปัสสาวะอักเสบในผู้ชายมักมีอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อยหรือรู้สึกอยากปัสสาวะตลอดเวลา ปัสสาวะไม่สุด หรือปัสสาวะขุ่นและมีกลิ่นแรง ในบางรายอาจมีปัสสาวะมีเลือดร่วมด้วย และหากการติดเชื้อลุกลามไปยังไต อาจมีไข้ ปวดหลังหรือปวดเอวด้านข้างร่วมด้วย
บางกรณีของการติดเชื้อไม่รุนแรงอาจดีขึ้นเองโดยร่างกายกำจัดเชื้อได้ แต่การไม่รักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อแพร่ลามขึ้นไปยังไตหรือเกิดการติดเชื้อซ้ำ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการและรักษาอย่างเหมาะสม
การติดเชื้อไม่ซับซ้อนที่ได้รับยาปฏิชีวนะมักหายภายใน 3-7 วัน แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อซับซ้อนหรือมีปัจจัยเสี่ยง อาการอาจยาวนานหลายสัปดาห์และต้องติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด
อาการปวดฉี่บ่อย แสบ หรือรู้สึกอยากปัสสาวะตลอดเวลา มักเกิดจากการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ ทำให้ระบบประสาทรับสัญญาณผิดปกติ การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและปรับพฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยบรรเทาอาการได้
หากติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำหลายครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินปัสสาวะ หรือโรคประจำตัว แพทย์อาจแนะนำการใช้ยาปฏิชีวนะป้องกันระยะสั้นหรือปรับพฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำมากขึ้น ปัสสาวะเป็นประจำ และดูแลความสะอาดส่วนบุคค
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved