Key Takeaway
ตาเหล่ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวของเด็กเล็ก หากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อการมองเห็นและพัฒนาการสายตาในระยะยาว สามารถป้องกันและรักษาได้หากพบตั้งแต่ระยะแรก บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับสาเหตุ อาการ และวิธีรักษาตาเหล่ในเด็ก รวมถึงแนวทางดูแลจากจักษุแพทย์เด็กที่โรงพยาบาลวิภาวดี เพื่อให้ลูกของคุณมองเห็นชัดเจนและมีพัฒนาการสายตา
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%205%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)_1.jpg)
ตาเหล่ในเด็กเป็นภาวะที่ลูกตาทั้งสองข้างไม่สามารถมองไปในทิศทางเดียวกันได้ตามปกติ ซึ่งอาจเห็นชัดเจนเมื่อเด็กพยายามมองสิ่งต่างๆ หรือบางครั้งอาจเห็นเพียงข้างเดียว ลักษณะของตาเหล่อาจเป็นแบบถาวรหรือสลับข้างกัน และอาจเกิดจากปัญหากล้ามเนื้อตา หรือความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของตา
ภาวะนี้ไม่สามารถหายเองได้ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมเด็กอาจเกิดภาวะตาขี้เกียจ (Amblyopia) ซึ่งทำให้การมองเห็นในตาข้างนั้นลดลงได้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%205%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)_2.jpg)
ตาเหล่ในเด็กสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามทิศทางของลูกตาที่เบี่ยงออกจากปกติ การจำแนกประเภทช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้ตรงจุด โดยทั่วไปแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักดังนี้
นอกจากนี้ยังมีตาเหล่เทียม (Pseudostrabismus) ซึ่งดูเหมือนตาเหล่แต่ความจริงดวงตาอยู่ในตำแหน่งปกติ มักเกิดจากร่องตาแคบหรือโครงสร้างใบหน้า และตาเหล่ซ่อนเร้น (Phoria) คือภาวะที่ลูกตาเบี่ยงออกหรือเข้าหากันได้เมื่อปิดตาข้างหนึ่ง แต่เมื่อใช้สองตาพร้อมกันจะสามารถกลับมามองตรงได้เอง ทั้งสองกรณีมักไม่รุนแรงเท่าตาเหล่จริง แต่ต้องแยกให้ชัดเพื่อการประเมินสุขภาพตาที่ถูกต้อง
เด็กตาเข เด็กตาเหล่เกิดจากอะไร คำตอบคือมีหลายสาเหตุที่ส่งผลให้ลูกตาไม่มองไปในทิศทางเดียวกัน ลองดูสาเหตุหลักๆ ดังนี้
เมื่อต้องสังเกตอาการตาเหล่ในเด็ก ควรสังเกตสิ่งต่อไปนี้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%205%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)_3.jpg)
สัญญาณเตือนตาเหล่ในเด็กที่ควรไปพบจักษุแพทย์ คืออาการหรือพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่าลูกตาอาจมีปัญหาและต้องได้รับการตรวจอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันภาวะตาขี้เกียจในเด็กหรือปัญหาการมองเห็นระยะยาว โดยสัญญาณที่พ่อแม่ควรสังเกต ได้แก่
หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรพาเด็กไปพบจักษุแพทย์ทันที เพราะการตรวจและรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การมองเห็นของเด็กพัฒนาได้ปกติและป้องกันภาวะตาขี้เกียจในเด็ก
วิธีวินิจฉัยตาเหล่ในเด็กสามารถทำได้ดังนี้
การตรวจเบื้องต้นเป็นขั้นตอนแรกที่จักษุแพทย์ใช้ประเมินภาวะตาเหล่ในเด็ก เพื่อตรวจหาลักษณะผิดปกติของการมองและพฤติกรรมการใช้ตา ได้แก่
หากตรวจเบื้องต้นพบความผิดปกติ แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินสาเหตุและความรุนแรงของตาเหล่ รวมถึงวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ ได้แก่
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%205%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)_4.jpg)
การรักษาตาเขในเด็ก ตาเหล่ มุ่งเน้นให้ลูกตากลับมามองตรงและป้องกันภาวะตาขี้เกียจ โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมตามสาเหตุและความรุนแรงของตาเหล่
สาเหตุหนึ่งของตาเหล่อาจมาจากสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง การแก้ไขด้วยแว่นสายตา จะช่วยปรับโฟกัสของลูกตา ทำให้ตาทั้งสองข้างสามารถทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น และช่วยให้ตาเหล่ลดลงหรือหายไปได้
เมื่อเด็กตาข้างใดข้างหนึ่งมองไม่ชัด จะเกิดภาวะตาขี้เกียจในเด็ก แพทย์มักใช้วิธีปิดตาข้างที่มองชัดกว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวัน เพื่อกระตุ้นตาที่อ่อนแอให้ทำงาน ฝึกให้สมองเรียนรู้การใช้ตาทั้งสองข้างร่วมกัน วิธีนี้ช่วยพัฒนาการมองเห็นของตาข้างอ่อนแอให้ใกล้เคียงปกติ
หากตาเหล่เกิดจากกล้ามเนื้อตาทำงานไม่สมดุล หรือไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือวิธีอื่น แพทย์อาจแนะนำ การผ่าตัดกล้ามเนื้อตา เพื่อปรับตำแหน่งลูกตาให้ตรง กล้ามเนื้อตาจะทำงานสมดุลขึ้น การผ่าตัดช่วยให้เด็กมองตรงได้ และช่วยป้องกันตาขี้เกียจ
หลังจากแก้ไขตาเหล่ด้วยแว่นหรือผ่าตัด แพทย์มักแนะนำการฝึกสายตาและกิจกรรมเสริม เช่น การใช้เกมหรือของเล่นที่ต้องมองด้วยสองตา การฝึกนี้ช่วยให้ลูกตาทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น พัฒนาการมองเห็นสมดุล และลดความเสี่ยงการกลับเป็นซ้ำ
เด็กที่เคยตาเหล่ควรตรวจติดตามเป็นระยะ ตามคำแนะนำแพทย์ เพื่อดูความคืบหน้าการมองเห็น ตรวจความสมดุลของกล้ามเนื้อตา และป้องกันไม่ให้ตากลับมาเหล่อีก การติดตามอย่างต่อเนื่องช่วยให้มั่นใจว่าการรักษาได้ผลและลูกตามองเห็นปกติ
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%205%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)_5.jpg)
รักษาตาเหล่ในเด็กที่ศูนย์จักษุโรงพยาบาลวิภาวดี เริ่มจากการประเมินและวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์ เพื่อเลือกแนวทางรักษาที่เหมาะสมกับสภาพตาของเด็กแต่ละคนอย่างละเอียด หากพบสายตาผิดปกติ แพทย์จะแนะนำใส่แว่นเพื่อปรับโฟกัสและช่วยให้ลูกตาทำงานร่วมกัน สำหรับเด็กที่มีตาขี้เกียจอาจใช้วิธีปิดตาข้างที่มองชัดกว่า หรือฝึกสายตาเสริมเพื่อกระตุ้นตาที่อ่อนแอ ในกรณีที่กล้ามเนื้อตาทำงานไม่สมดุล อาจจำเป็นต้องผ่าตัดปรับตำแหน่งลูกตา หลังการรักษาโรงพยาบาลมีโปรแกรมฝึกสายตาและกิจกรรมเสริม พร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กมองเห็นปกติและพัฒนาการสายตาเป็นไปอย่างเต็มที
ตาเหล่ในเด็กคือภาวะที่ลูกตาทั้งสองข้างไม่มองไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดตาขี้เกียจ แบ่งเป็น 4 ประเภทหลักคือ ตาเหล่เข้า ตาเหล่ออก ตาเหล่ขึ้น และตาเหล่ลง สาเหตุหลักมาจากพันธุกรรม กล้ามเนื้อตาผิดปกติ ปัญหาสายตา ภาวะทางระบบประสาท หรืออุบัติเหตุ อาการสังเกตง่าย เช่น ตาไม่ตรง มองภาพซ้อน เอียงหัว ปิดตา ตากะพริบบ่อย การวินิจฉัยเริ่มจากสังเกตตา ทดสอบด้วยแสงและสายตา หากพบความผิดปกติจะตรวจเพิ่มเติม แนวทางรักษามีตั้งแต่แก้ไขสายตาผิดปกติ ผ่าตัดฝึกสายตา และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ส่วนการป้องกันควรตรวจสายตาตั้งแต่เล็ก สังเกตอาการ รักษาแต่เนิ่นๆ
โรงพยาบาลวิภาวดีให้การดูแลครบวงจร บริการตรวจวินิจฉัยตาเหล่ในเด็กแบบละเอียด รักษา ฟื้นฟู และติดตามผลเพื่อพัฒนาการสายตาเด็กอย่างเต็มที่ รักษาโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์และเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมดูแลทุกปัญหาสายตาอย่างมืออาชีพ สนใจตรวจหรือต้องการรักษาตา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อ โทร. 02-561-111
ไปดูคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบเกี่ยวกับตาเหล่ในเด็ก เพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่เข้าใจสาเหตุ อาการ และแนวทางดูแลเด็กตาเหล่ได้อย่างถูกต้อง
ตาเหล่ในเด็กอาจไม่เป็นอันตรายทันที แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิด ตาขี้เกียจ (Amblyopia) ซึ่งทำให้ตาข้างที่เหล่อ่อนแอและการมองเห็นไม่พัฒนาเต็มที่ จึงควรพาเด็กไปพบจักษุแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ
หากตาเหล่เกิดจากกล้ามเนื้อตาทำงานไม่สมดุล หรือไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือวิธีฝึกตา แพทย์อาจแนะนำผ่าตัดปรับตำแหน่งลูกตา เพื่อให้ตากลับมามองตรงและป้องกันตาขี้เกียจ
ตาเหล่คือภาวะที่ลูกตาไม่ตรงกัน มองไปคนละทิศทาง ส่วนตาขี้เกียจ คือภาวะที่ตาข้างใดข้างหนึ่งมองเห็นไม่ชัด แม้ตาจะตรง การเกิดตาขี้เกียจมักเป็นผลจากตาเหล่ที่ไม่ได้รักษาตั้งแต่เด็ก
หลังการรักษาสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ หากติดตามผลอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ โอกาสกลับเป็นซ้ำจะน้อยมาก แต่เด็กบางคนอาจต้องตรวจติดตามระยะยาวเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved