MRI สมอง

  • การตรวจ MRI สมองคือการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุ เพื่อสร้างภาพรายละเอียดของสมองและโครงสร้างภายในศีรษะอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องใช้รังสีเอกซเรย์

  • จุดเด่นของการทำ MRI สมอง มีดังนี้ ตรวจพบความผิดปกติได้เร็ว ไม่ใช้รังสีในการตรวจ ภาพที่ได้มีความคมชัดสูง วินิจฉัยรอยโรคบางชนิดได้ดีกว่าเครื่องมืออื่น สามารถตรวจอวัยวะหรือระบบต่างๆ ได้หลากหลาย

  • หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท ควรได้รับการตรวจ MRI สมอง เช่น วิงเวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน คลื่นไส้อาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการหูอื้อหรือการได้ยินลดลง ชักเกร็ง หมดสติ ใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรงหรือรู้สึกชา พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว มุมปากตก

  • ราคา MRI สมองอยู่ที่ประมาณ 5,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลและความซับซ้อน บางแพ็กเกจรวมค่าแพทย์และค่าบริการแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มหากตรวจหรือรักษาเพิ่ม


การตรวจ MRI เป็นหนึ่งในวิธีวินิจฉัยที่สำคัญสำหรับการประเมินสุขภาพสมองและระบบประสาท การตรวจวินิจฉัยวิธีนี้ช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ และสามารถวางแผนการรักษาหาความผิดปกติของสมองและระบบประสาทได้อย่างตรงจุด เกิดประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับการตรวจ MRI สมองให้มากขึ้น พร้อมข้อมูลราคาค่าใช้จ่ายโดยประมาณ และขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการทำ MRI สมอง

MRI สมองคืออะไร

การตรวจ MRI สมอง (Magnetic Resonance Imaging) คือการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุ เพื่อสร้างภาพรายละเอียดของสมองและโครงสร้างภายในศีรษะอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องใช้รังสีเอกซเรย์ 

ภาพที่ได้จะสามารถแยกแยะเนื้อเยื่อ เส้นเลือด และอวัยวะต่างๆ ในสมองได้อย่างละเอียด ช่วยให้แพทย์ตรวจหาความผิดปกติหรือหาสาเหตุของอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ชัก หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ได้อย่างแม่นยำ การตรวจนี้ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด และไม่มีผลข้างเคียงจากรังสีตกค้าง จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการวินิจฉัยในระยะยาว

หลักการทำงานของ MRI เป็นอย่างไร

การทำงานของ MRI สมอง ใช้สนามแม่เหล็กความเข้มสูงเพื่อจัดเรียงโปรตอนในเนื้อเยื่อสมอง จากนั้นส่งคลื่นวิทยุไปกระตุ้นโปรตอน เมื่อโปรตอนกลับสู่สถานะเดิมจะปล่อยสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา เครื่อง MRI จะรับสัญญาณนี้และประมวลผลเป็นภาพสมองที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยความผิดปกติได้โดยไม่ใช้รังสี

ความสำคัญของการทำ MRI สมอง

การทำ MRI สมองมีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษา เพราะช่วยตรวจหาความผิดปกติในสมอง เช่น เนื้องอก เลือดออก หรือหลอดเลือดโป่งพองได้ชัดเจน ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว นอกจากนี้ MRI ยังช่วยวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง สมองขาดเลือด และโรคทางระบบประสาทต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการทำงานของสมองและร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้รังสีที่เป็นอันตราย

จุดเด่นของการทำ MRI สมอง

  • ตรวจพบความผิดปกติได้รวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินขอบเขตของโรคหรือพยาธิสภาพต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เพื่อวางแผนการรักษาได้ตรงจุดและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

  • ไม่ใช้รังสีในการตรวจ MRI ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการสร้างภาพ จึงไม่มีอันตรายจากรังสีตกค้าง เหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการตรวจด้วยวิธีที่ใช้รังสี เช่น หญิงตั้งครรภ์ (ในบางกรณี) หรือผู้ป่วยที่ต้องตรวจซ้ำหลายครั้ง

  • สามารถตรวจอวัยวะและระบบต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่เพียงแค่สมองเท่านั้น แต่ยังใช้ตรวจหัวใจ ปอด กล้ามเนื้อ ข้อต่อ กระดูก ไขสันหลัง และหลอดเลือดได้อีกด้วย 

  • ลดความเสี่ยงจากการใช้สารฉีดหรือการสวนสาย ในหลายกรณีไม่จำเป็นต้องฉีดสารทึบรังสีหรือสวนสายยางเข้าร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายมากขึ้น และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อน

  • ภาพคมชัด แยกแยะเนื้อเยื่อได้ชัดเจน การสแกนด้วย MRI ให้ภาพความละเอียดสูง และสามารถมองเห็นในหลายระนาบ (Multi-Planar Imaging) ส่งผลให้แพทย์สามารถแยกความแตกต่างของเนื้อเยื่อและสิ่งผิดปกติในสมองได้อย่างแม่นยำ

  • วินิจฉัยรอยโรคบางชนิดได้ดีกว่าเครื่องมืออื่น เช่น การตรวจหาเนื้องอกในตับ หรือรอยโรคที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจาก CT Scan หรือการเอกซเรย์ทั่วไป

  • ความเสี่ยงจากการแพ้สารต้านแม่เหล็กมีน้อยมาก ในกรณีที่ต้องใช้สารช่วยสร้างภาพร่วมกับ MRI โอกาสในการเกิดอาการแพ้นั้นน้อยกว่าการใช้สารทึบรังสีใน CT Scan หรือ X-ray อย่างเห็นได้ชัด

ใครควรรับการตรวจ MRI สมอง

อาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับสมองและระบบประสาทมีหลายลักษณะ ซึ่งบางอาการอาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของความผิดปกติภายในสมอง หากมีอาการดังกล่าว ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการตรวจด้วย MRI สมอง มีอาการดังนี้

  • วิงเวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน รู้สึกเสียการทรงตัว หรือมีอาการเซบ่อยครั้ง

  • คลื่นไส้ อาเจียน โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

  • มีอาการหูอื้อหรือการได้ยินลดลง

  • ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน หรือมองเห็นไม่ชัดในบางช่วงเวลา

  • เดินลำบาก เดินเซ หรือควบคุมการเคลื่อนไหวได้ไม่ดี

  • ชักเกร็ง หมดสติ ความจำเสื่อม หรือมีอาการคล้ายโรคลมชัก

  • ใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรงหรือรู้สึกชา เช่น ยิ้มไม่สุด หลับตาไม่ได้ หรือยกคิ้วไม่ขึ้น

  • พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว มุมปากตก น้ำลายไหล กลืนอาหารหรือน้ำลำบาก ลิ้นแข็งหรือชา

ขั้นตอนการสแกนสมองด้วย MRI 

หากตัดสินใจรับการตรวจสแกนสมองด้วย MRI เพื่อหาความผิดปกติของสมองและระบบประสาท มีขั้นตอนการตรวจและเตรียมตัว ดังนี้

เตรียมตัวก่อนเข้าตรวจ

ก่อนเข้าตรวจ MRI สมอง ควรถอดเครื่องประดับและสิ่งของที่มีโลหะทั้งหมด รวมถึงงดแต่งหน้าเพราะเครื่องสำอางบางชนิดอาจมีส่วนผสมของโลหะ ซึ่งอาจรบกวนภาพการตรวจได้ ควรสวมเสื้อผ้าที่สบายและถอดง่าย ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหารในกรณีทั่วไป ยกเว้นกรณีได้รับยานอนหลับต้องงดน้ำและอาหาร 4-6 ชั่วโมงก่อนตรวจ ผู้ป่วยควรทำใจให้สงบและนอนนิ่งระหว่างการตรวจ โดย MRI สมองจะใช้เวลาตรวจประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี

ระหว่างการตรวจ

ระหว่างการตรวจ MRI สมอง ผู้ป่วยต้องนอนนิ่ง หลีกเลี่ยงการขยับเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนและแม่นยำ เจ้าหน้าที่จะให้ใส่ฟองน้ำอุดหูหรือตัวป้องกันเสียง เนื่องจากเครื่องจะมีเสียงดังเป็นระยะๆ และอาจมีบางช่วงที่ต้องกลั้นหายใจ หากรู้สึกไม่สบายสามารถกดลูกยางฉุกเฉินเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที

หลังการตรวจ

หลังการตรวจ MRI สมอง ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น เว้นแต่ในกรณีที่ได้รับยานอนหลับหรือยาคลายกังวล ซึ่งควรมีญาติหรือผู้ดูแลมารับ และหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือใช้อุปกรณ์ที่ต้องใช้สมาธิภายใน 24 ชั่วโมงแรก 

หากมีการฉีดสารทึบแสงร่วมในการตรวจ ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ขับสารดังกล่าวออกจากร่างกายเร็วขึ้น พร้อมทั้งสังเกตอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นคัน หรืออาการแพ้อื่นๆ หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

สำหรับผลการตรวจ MRI แพทย์จะนัดหมายเพื่อแจ้งผลและให้คำแนะนำเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความเร่งด่วนของแต่ละกรณี

ค่าใช้จ่ายราคา MRI สมอง

ในการตรวจ MRI สมอง ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาล รายละเอียดการตรวจ และความซับซ้อนของแต่ละกรณี เช่น การใช้สารทึบแสงร่วมในการทำ MRI สมองจะมีราคาเพิ่มประมาณ 2,500 บาท แต่การสแกนสมองสำหรับ MRI ราคาในแต่ละแห่งมีโปรโมชันลดราคาประมาณ 2-30% และบางแพ็กเกจรวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลไว้แล้ว ในขณะที่บางแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้แยกต่างหาก 

นอกจากนี้หากต้องตรวจเพิ่มเติมหรือรักษาเฉพาะทาง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มตามมา ผู้ป่วยควรสอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าเพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม

ตรวจสแกนสมองด้วย MRI ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

การทำ MRI สมองกับโรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อหาความผิดปกติของสมองและระบบประสาท เริ่มต้นด้วยการซักประวัติ แล้วแพทย์ผู้ชำนาญการจะทำการวินิจฉัย และเตรียมตัวทำ MRI หลังจากทำเสร็จแล้ว แพทย์จะทำการวิเคราะห์ อ่านผลที่ได้ นำไปวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล หากสนใจติดต่อนัดหมายล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-058-1111 หรือ 02-561-1111 ต่อ 1214

สรุป

การตรวจ MRI สมองคือการวินิจฉัยที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุ สร้างภาพโครงสร้างสมองอย่างละเอียดโดยไม่ใช้รังสี ช่วยให้แพทย์ตรวจหาความผิดปกติ เช่น เนื้องอก สมองขาดเลือด หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงได้แม่นยำ จุดเด่นของ MRI คือความปลอดภัย ภาพคมชัด และไม่เจ็บตัว เหมาะกับผู้มีอาการเวียนศีรษะ ชัก อ่อนแรง หรือสงสัยโรคทางสมอง โดยขั้นตอนตรวจใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ส่วนค่าใช้จ่าย MRI สมองราคาจะอยู่ระหว่าง 5,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลและความซับซ้อนของการตรวจ

สำหรับใครที่ต้องการตรวจหาความเสี่ยงเกี่ยวกับอาการทางสมองและระบบประสาทด้วย MRI ที่โรงพยาบาลวิภาวดีสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่ศูนย์สมองและระบบประสาท มีบริการตรวจวินิจฉัย วางแผนการรักษา ทำ MRI และอ่านผลประกอบการรักษาภายใต้การดูแลของทีมแพทย์โดยเฉพาะ เพื่อสุขภาพที่ดี

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ MRI สมอง (FAQ)

มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำ MRI สมอง ว่าเป็นอย่างไร กับคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบที่ช่วยให้เข้าใจกระบวนการรักษา การตรวจได้ดีขึ้น เพื่อการเตรียมตัวอย่างถูกวิธี โดยคำถามที่พบบ่อยมีดังนี้

MRI ต่างกับ CT Scan อย่างไร

MRI สามารถแสดงภาพเนื้อเยื่อได้อย่างละเอียดและแม่นยำ ช่วยให้ตรวจพบและจำแนกความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรก ส่วนการตรวจ CT เหมาะสำหรับวินิจฉัยโรคต่างๆ เช่น เนื้องอกในสมอง สมองขาดเลือด โรคหัวใจและหลอดเลือด ตรวจหมอนรองกระดูก เส้นประสาทไขสันหลัง และกระดูกสันหลังผิดปกติ

การทำ MRI จำเป็นต้องฉีดสีไหม

โดยทั่วไป การตรวจ MRI สมองไม่จำเป็นต้องฉีดสี ยกเว้นในกรณีที่แพทย์ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตรวจดูเส้นเลือดหรือวินิจฉัยก้อนเนื้อในสมอง ซึ่งการฉีดสารจะช่วยให้เห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้น ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาและดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วยก่อนตรวจทุกครั้ง

ข้อเสียของการตรวจด้วย MRI มีอะไรบ้าง

การตรวจด้วย MRI มีข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย และการตรวจด้วย MRI เป็นวิธีที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน อาจก่อให้เกิดปัญหาในการตรวจ เช่น

  • ผู้ป่วยที่มีอาการกลัวที่แคบ (Claustrophobia) ไม่สามารถนอนในอุโมงค์ของเครื่อง MRI ได้

  • เด็กเล็กที่ไม่สามารถอยู่นิ่งนานพอสำหรับการตรวจ

  • ผู้ป่วยบางรายต้องกลั้นหายใจขณะตรวจอวัยวะบางส่วน ซึ่งอาจเป็นเรื่องยาก

  • การตรวจบางอวัยวะหรือโรคบางชนิดจำเป็นต้องสแกนหลายครั้งจากหลายมุม เพื่อให้ได้ภาพที่ครบถ้วน ส่งผลให้เวลาในการตรวจยืดออกไป