Cardiac Catheterization Laboratory (ห้องสวนหัวใจ)

Cath Lab ห้องสวนหัวใจมาตรฐานระดับสากล เพื่อการตรวจรักษาโรคหัวใจอย่างแม่นยำ ปลอดภัย ทันเวลา

การดูแลหัวใจต้องอาศัยความแม่นยำ รวดเร็ว และความเชี่ยวชาญสูง โรงพยาบาลวิภาวดีจึงให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจผ่าน Cath Lab (Cardiac Catheterization Laboratory) หรือห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ ที่ทันสมัยและครบวงจร พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

 

Cath Lab คืออะไร?

เป็นหัตถการของศูนย์หัวใจซึ่งการตรวจในห้องสวนหัวใจ ส่วนใหญ่ไม่ต้องดมยาสลบ  อุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปในตัวผู้ป่วย เช่น สายสวน บอลลูน หรือขดลวด มีขนาดเล็กใกล้เคียงกับไส้ดินสอหรือไส้ปากกาหมึกแห้ง ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใช้วิธีการฉีดยาชาและสอดสายสวนแก้ไขและไม่ต้องกังวลต่อการเกิดแผล เป็นหัตถการส่วนใหญ่ในห้องสวนหัวใจ ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ถ้าผู้ป่วยมาเพื่อการวินิจฉัยโรค จะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล 1 คืน สำหรับผู้ป่วยที่มารับการซ่อมแซมหลอดเลือด หรือใส่อุปกรณ์เพื่อการรักษา จะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-3 คืน แพทย์จะให้คำปรึกษาและเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยซักถามอย่างละเอียด รวมถึงความเสี่ยงและทางเลือก ก่อนการทำหัตถการทุกครั้ง

 

การบริการห้องสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization Laboratory) ได้แก่

 

1.การฉีดสีตรวจวินิจฉัยและการรักษาซ่อมแซมหลอดเลือดทุกตำแหน่งโดยใช้บอลลูน ขดลวด การขยายหลอดเลือด การดูดลิ่มเลือดที่อุดตันหลอดเลือด

ตัวอย่าง  หลอดเลือดที่สามารถซ่อมแซมได้ด้วยวิธีเหล่านี้ คือ

            -หลอดเลือดหัวใจ ในผู้ป่วยหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน

            -หลอดเลือดสมอง (Carotid Artery หรือ Vertebral Artery) ในผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต

            -หลอดเลือดไต ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง หรือไตเสื่อม จากหลอดเลือดไตตีบ

            -หลอดเลือดแขน ขาที่มีโรคหลอดเลือด เช่น ในผู้ป่วยที่ปวดขาเวลาเดิน หรือผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีแผลเรื้อรัง

 

 2.การตรวจและรักษาความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจ ได้แก่

            -การสร้างแผนภูมิของสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจระบบ 3 มิติ (Advance 3-D Mapping System)

            -การจี้แก้ไขบริเวณที่เต้นผิดปกติด้วยคลื่นวิทยุ (Rediofrequency Ablation)

            -การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ(Pacemaker)

            -การฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ(Implantable Cardioverter Defibrillator)

            -การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจสองห้องในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว(Cardiac Resynchronization Therapy)          

 

Cath Lab ใช้ตรวจหรือรักษาอะไรได้บ้าง?

  • การตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน (Coronary Angiography)
  • การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด (PCI or Stent)
  • การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยการจี้ไฟฟ้า (Ablation)
  • การใส่อุปกรณ์ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ (Pacemaker, ICD)
  • การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของลิ้นหัวใจ หรือผนังกั้นหัวใจ
  • การเจาะเยื่อหุ้มหัวใจ หรือระบายน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardiocentesis)

 

ใครบ้างที่ควรตรวจใน Cath Lab?

  • ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ผิดปกติ
  • ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (STEMI/NSTEMI)
  • ผู้ป่วยที่มีลิ้นหัวใจรั่ว/ตีบ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ผู้ที่สงสัยว่ามีหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
  • ผู้ป่วยที่ต้องการวางแผนผ่าตัดหัวใจ หรือประเมินภาวะแทรกซ้อน

 

จุดเด่นของ Cath Lab โรงพยาบาลวิภาวดี

✅ ห้องปฏิบัติการ Cath Lab ที่ทันสมัย พร้อมระบบถ่ายภาพรังสีแบบดิจิทัลความคมชัดสูง

✅ ทีมแพทย์โรคหัวใจเฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์ในการสวนหัวใจและรักษาเฉียบพลัน

✅ ตรวจและรักษาได้ทันทีในกรณีฉุกเฉิน เช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน

✅ ปลอดภัยสูง ด้วยมาตรฐานการป้องกันการติดเชื้อและการดูแลหลังการรักษาอย่างใกล้ชิด

✅ รองรับทั้งผู้ป่วยนอกและใน และสามารถรับผู้ป่วยส่งต่อจากโรงพยาบาลอื่นได้

 

ขั้นตอนการตรวจสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization)

  • แพทย์จะให้ข้อมูลและตรวจร่างกายเบื้องต้น รวมถึงประเมินความเสี่ยง
  • ผู้ป่วยจะได้รับยาชาเฉพาะที่บริเวณขาหนีบหรือข้อมือ
  • แพทย์จะใส่สายสวนขนาดเล็กเข้าไปในหลอดเลือด และฉีดสารทึบรังสี
  • ภาพหลอดเลือดหัวใจจะแสดงบนหน้าจอเรียลไทม์ ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและตัดสินใจรักษาได้ทันที
  • หากพบหลอดเลือดตีบ แพทย์อาจทำการขยายด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด (Stent) ทันที

 

ทำไมต้องสวนหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดี?

โรงพยาบาลวิภาวดีมีความพร้อมทั้งในด้านเครื่องมือทางการแพทย์และบุคลากร โดยห้อง Cath Lab ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล และมีการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการ ตั้งแต่การตรวจ วินิจฉัย ไปจนถึงการฟื้นตัวภายหลังการรักษา โดยเน้นความรวดเร็วและแม่นยำในการช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องการการดูแลเฉพาะทาง