ปอดติดเชื้อ

  • ปอดติดเชื้อคือภาวะที่เนื้อเยื่อในปอดอักเสบจากเชื้อโรค โดยมีอาการหลัก ได้แก่ ไอ หอบ เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก และมีไข้
  • สาเหตุที่ทำให้เกิดปอดติดเชื้อเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา ร่วมกับปัจจัยเสี่ยง เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ การสูบบุหรี่ หรือการสำลักอาหาร
  • รักษาปอดติดเชื้อด้วยยาจำเพาะตามชนิดของเชื้อร่วมกับการดูแลตามอาการ เช่น การให้ยาแก้ไข้ พักผ่อน และให้ออกซิเจนในรายที่จำเป็น
  • การป้องกันปอดติดเชื้อสามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีน ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ เสริมภูมิคุ้มกัน และระมัดระวังการสำลักอาหารในกลุ่มเสี่ยง

ปอดติดเชื้อเป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อในปอดซึ่งมักเกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อราบางชนิด ปอดติดเชื้ออาการที่พบได้บ่อยคือไอ เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และมีไข้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับสาเหตุของการเกิดปอดติดเชื้อ อาการที่ควรสังเกต วิธีการป้องกัน รวมถึงแนวทางการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วและปลอดภัย

ปอดติดเชื้อคือภาวะอะไร?

ปอดติดเชื้อคือภาวะอะไร?

ปอดติดเชื้อ (Pneumonia) คือภาวะที่เนื้อเยื่อในปอดเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ ซึ่งอาจเกิดขึ้นที่ถุงลมปอด (alveoli) หรือเนื้อเยื่อโดยรอบ โดยเชื้อที่พบได้บ่อย ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus pneumoniae เชื้อไวรัส ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสโควิด-19 และในบางกรณีปอดติดเชื้ออาจเกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เมื่อเกิดการติดเชื้อ ถุงลมในปอดจะเต็มไปด้วยของเหลวหรือหนอง ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนในร่างกายลดลง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก มีไข้สูง และไออย่างรุนแรง ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว

อาการของปอดติดเชื้อ

อาการของปอดติดเชื้อ

อาการของปอดติดเชื้อสามารถสังเกตได้จากความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจร่วมกับอาการทั่วไปของร่างกาย ซึ่งระดับความรุนแรงจะแตกต่างกันไปตามอายุ สุขภาพพื้นฐาน และชนิดของเชื้อที่ก่อโรค โดยอาการที่พบบ่อยมีดังนี้

  • ไอแห้งหรือไอมีเสมหะ บางรายอาจมีเสมหะสีเหลือง เขียว หรือมีเลือดปน
  • หายใจหอบ เหนื่อยง่าย หรือแน่นหน้าอก
  • มีไข้สูง หนาวสั่น หรือมีเหงื่อออกมากในเวลากลางคืน
  • เจ็บหน้าอกขณะหายใจเข้าออกลึกๆ
  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือไม่มีแรง
  • ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายอาการไข้หวัด
  • สำหรับผู้สูงอายุ อาจแสดงอาการสับสน มึนงง หรือหมดสติ
  • ในเด็กเล็ก อาจมีอาการหายใจเร็ว หน้าอกบุ๋ม ร้องไห้งอแง หรือดูดนมน้อยลง

ปอดติดเชื้อเกิดจากอะไรได้บ้าง

ปอดติดเชื้อเกิดจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปอดติดเชื้อ มีทั้งการติดเชื้อโดยตรงและความเสี่ยงต่อการอักเสบของปอด โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

การติดเชื้อ

การติดเชื้อเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะปอดติดเชื้อ โดยเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจและลุกลามลงสู่ปอด ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อหลายชนิด ได้แก่

  • เชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่เป็นชนิดที่พบในระบบทางเดินหายใจ เช่น Streptococcus pneumoniae ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ทางละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ป่วย
  • เชื้อไวรัสเช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มทำให้เกิดการอักเสบในถุงลมปอด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว
  • เชื้อรามักพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้ติดเชื้อ HIV หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิ

เมื่อเชื้อเข้าสู่ปอด ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองด้วยการส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวมายังบริเวณที่ติดเชื้อทำให้เกิดการอักเสบ ถุงลมในปอดเต็มไปด้วยของเหลวหรือหนอง ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง และเกิดอาการของปอดติดเชื้อตามมา เช่น หายใจเหนื่อย ไอ หรือมีไข้สูง

ภูมิคุ้มกันต่ำ

หากภูมิคุ้มกันต่ำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปอดติดเชื้อ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำหน้าที่ต่อสู้และกำจัดเชื้อโรค หากระบบนี้อ่อนแอหรือทำงานผิดปกติ จะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้นและแพร่กระจายได้รวดเร็ว ซึ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ได้แก่

  • ผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก ซึ่งมีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่สมบูรณ์หรือเริ่มเสื่อมถอย
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน มะเร็ง โรคไตเรื้อรัง หรือโรคตับ
  • ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาเคมีบำบัด หรือผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
  • ผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือผู้ที่เป็นเอดส์ (AIDS)

เมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายจะไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ ทำให้เชื้อเข้าสู่ปอดและก่อให้เกิดการอักเสบ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

รับประทานยาที่ส่งผลต่อภูมิต้านทาน

การรับประทานยาบางประเภทอาจส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทานลดลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น รวมถึงเชื้อที่เข้าสู่ปอดและก่อให้เกิดปอดติดเชื้อ ยาที่มีผลต่อภูมิคุ้มกัน เช่น

  • ยากดภูมิคุ้มกันจะใช้ในผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไต หัวใจ หรือผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตนเอง เช่น SLE โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เมื่อใช้ในระยะยาวหรือในขนาดสูง จะลดความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรค
  • ยาเคมีบำบัดใช้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งนอกจากจะทำลายเซลล์มะเร็งแล้วยังส่งผลต่อเม็ดเลือดขาวที่เป็นกลไกสำคัญของภูมิคุ้มกัน
  • ยาบางชนิดสำหรับรักษาภูมิแพ้รุนแรงหรือโรคผิวหนังเรื้อรังก็อาจมีฤทธิ์กดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน

สำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอม

การสำลักอาหาร น้ำ หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ทางเดินหายใจ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจนำไปสู่ภาวะปอดติดเชื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีปัญหาในการกลืน เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคทางระบบประสาท เมื่ออาหารหรือของเหลวเข้าสู่หลอดลมแทนหลอดอาหาร ร่างกายจะพยายามไอออกมา แต่ในบางกรณีที่ไม่สามารถขับออกได้เต็มที่ เศษอาหารหรือของเหลวเหล่านั้นจะตกค้างอยู่ในปอด ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อตามมา ซึ่งเรียกว่าปอดอักเสบจากการสำลัก

ได้รับเชื้อเป็นประจำ

การได้รับเชื้อในระบบทางเดินหายใจเป็นประจำ เช่น ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปอดติดเชื้อได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีสุขภาพปอดไม่แข็งแรงหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายบ่อยครั้ง อาจลุกลามลงสู่ปอดและก่อให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อในถุงลมปอด

บุคคลที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด โรงเรียน โรงพยาบาล หรือผู้ที่สัมผัสกับเด็กเล็กหรือผู้ป่วยเป็นประจำ อาจเผชิญกับเชื้อโรคต่างๆ บ่อยครั้ง หากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอหรือขาดการดูแลสุขภาพที่ดี ก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบหรือติดเชื้อในปอดได้ง่ายขึ้น

การตรวจวินิจฉัยปอดติดเชื้อ

การตรวจวินิจฉัยปอดติดเชื้อ

การวินิจฉัยภาวะปอดติดเชื้อ จำเป็นต้องมีข้อมูลจากอาการของผู้ป่วยร่วมกับการตรวจทางคลินิกและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อระบุชนิดของเชื้อ สภาพของปอด และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยวิธีที่แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ในการวินิจฉัย ได้แก่

  • การซักประวัติและตรวจร่างกายแพทย์จะสอบถามอาการ เช่น ไอ หายใจลำบาก มีไข้ และตรวจฟังเสียงปอดผิดปกติ เช่น เสียงกรอบแกรบหรือเสียงร้าว
  • การเอกซเรย์ปอดเป็นการตรวจที่ใช้บ่อยที่สุด เพื่อดูว่ามีรอยฝ้าหรือรอยอักเสบในเนื้อปอดหรือไม่
  • การตรวจเสมหะ โดยนำเสมหะไปตรวจหาเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส เพื่อระบุชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ
  • การตรวจเลือด เพื่อตรวจดูค่าการอักเสบ เช่น เม็ดเลือดขาว และบางกรณีอาจตรวจหาเชื้อในกระแสเลือด
  • การตรวจออกซิเจนในเลือด ใช้ประเมินประสิทธิภาพการหายใจ ว่าระดับออกซิเจนในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่
  • การตรวจ CT scanในบางรายที่อาการไม่ชัดเจนหรือมีภาวะแทรกซ้อน อาจใช้การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อเห็นรายละเอียดของปอดมากขึ้น
  • การส่องกล้องตรวจหลอดลม ใช้ในกรณีที่การวินิจฉัยเบื้องต้นไม่ชัดเจนหรือเพื่อเก็บตัวอย่างจากหลอดลมโดยตรง

วิธีรักษาโรคปอดติดเชื้อทำอย่างไร

วิธีรักษาโรคปอดติดเชื้อทำอย่างไร

โรคปอดติดเชื้อมีวิธีรักษาให้หายได้ โดยแนวทางการรักษาจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อและความรุนแรงของอาการ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แนวทางหลัก ดังนี้

รักษาปอดติดเชื้อแบบจำเพาะ

ปอดติดเชื้อวิธีรักษาแบบจำเพาะ คือการรักษาที่เน้นจัดการกับเชื้อโรคต้นเหตุโดยตรง ซึ่งจะต้องอาศัยการวินิจฉัยที่ชัดเจนว่าเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดคือชนิดใด จากนั้นแพทย์จะเลือกใช้ยาที่ตรงกับเชื้อชนิดนั้น ดังนี้

  • กรณีติดเชื้อแบคทีเรียใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามชนิดของเชื้อและความรุนแรงของโรค เช่น ยาเพนิซิลลิน หรือกลุ่มมาโครไลด์ หากการติดเชื้อรุนแรง อาจต้องใช้ยาฉีดหรือยาหลายชนิดร่วมกัน
  • กรณีติดเชื้อไวรัสหากเป็นไวรัสที่มียาต้านเฉพาะ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่หรือโควิด-19 แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาต้านไวรัส (Antiviral drugs) ควบคู่กับการดูแลรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้หรือยาแก้ไอร่วมด้วย
  • กรณีติดเชื้อราผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจติดเชื้อราบางชนิด เช่น Pneumocystis jirovecii หรือ Aspergillus ซึ่งต้องรักษาด้วยยาต้านเชื้อรา (Antifungal drugs)โดยเลือกให้เหมาะกับชนิดของเชื้อและภาวะของผู้ป่วย

รักษาปอดติดเชื้อแบบทั่วไป

ปอดติดเชื้อวิธีรักษาแบบประคับประคองที่เน้นการดูแลอาการและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวทางการรักษาแบบทั่วไปมีดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยละลายเสมหะ ลดอาการไอ และป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินดี และโปรตีน
  • ใช้ยาลดไข้หรือยาแก้ไอตามอาการ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
  • งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันหรือมลภาวะ เพื่อลดการระคายเคืองในปอด
  • เฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการแย่ลง เช่น หายใจลำบากมากขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที
  • ใช้หน้ากากอนามัยและรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นในกรณีที่ยังอยู่ในช่วงติดต่อได้

การป้องกันตัวเองไม่ให้เสี่ยงต่อปอดติดเชื้อ

การป้องกันตัวเองไม่ให้เสี่ยงต่อปอดติดเชื้อ

ภาวะปอดติดเชื้อสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวัน โดยแนวทางในการป้องกันมีดังนี้

  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ และวัคซีนโควิด-19 ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังสัมผัสสิ่งของในที่สาธารณะ
  • สวมหน้ากากอนามัยในที่แออัด หรือขณะอยู่ใกล้ผู้ที่มีอาการไอหรือจาม เพื่อป้องกันการรับเชื้อทางเดินหายใจ
  • รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และควันบุหรี่ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ และลดประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันในปอด
  • ดูแลสุขอนามัยในช่องปาก โดยการแปรงฟันและพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากปากเข้าสู่ปอด
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่มีการระบาด
  • ควบคุมโรคประจำตัวให้ดี เช่น เบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง หรือโรคหัวใจ เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
  • ระมัดระวังขณะรับประทานอาหารในผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาในการกลืน เพื่อป้องกันการสำลัก

การรักษาปอดติดเชื้อ ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

การรักษาปอดติดเชื้อ ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

โรงพยาบาลวิภาวดีให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคปอดติดเชื้อ ซึ่งต้องอาศัยการวินิจฉัยและรักษาอย่างแม่นยำจากทีมแพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลพร้อมให้บริการแบบครบวงจร ทั้งการตรวจ วินิจฉัย ให้คำปรึกษา และรักษาโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และโปรโมชันพิเศษเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย มารักษาปอดติดเชื้อที่โรงพยาบาลวิภาวดี ดีอย่างไร?

  • โรงพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ISO 9001 : 2008 และ Hospital Accreditation (HA)
  • มีศูนย์โรคเฉพาะทางที่หลากหลาย รวมถึงโรคระบบทางเดินหายใจ ตอบโจทย์การรักษาปอดติดเชื้อได้อย่างครอบคลุม
  • ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะติดเชื้อในปอดโดยตรง
  • ใช้เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยที่ทันสมัย เช่น เอกซเรย์ปอด เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และการตรวจเสมหะอย่างละเอียด
  • มีบริการฉุกเฉินรองรับผู้ป่วยที่มีอาการเฉียบพลัน และรองรับสิทธิประกันหลากหลายประเภท
  • ห้องพักสะอาด เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักฟื้นของผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ

หากมีอาการน่าสงสัยว่าอาจเป็นปอดติดเชื้อ สามารถเข้ารับการตรวจและรักษาได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี เลขที่ 51/3 ถ.งามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายล่วงหน้า โทร. 02-561-1111 หรือ 02-058-1111 สำหรับตัวแทนประกันชีวิต ติดต่อผ่าน LINE ได้ที่: @vibhainsurance

สรุป

ปอดติดเชื้อเป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อในปอด โดยสาเหตุหลักของอาการปอดติดเชื้อ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา อาการที่ควรระวัง ได้แก่ ไอ หอบ ไข้ เจ็บหน้าอก และเหนื่อยง่าย การวินิจฉัยต้องอาศัยการตรวจร่างกาย เอกซเรย์ปอด และตรวจทางห้องปฏิบัติการ การรักษามีทั้งแบบจำเพาะด้วยยาและแบบประคับประคองตามอาการ การป้องกันสามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีน ล้างมือ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และเสริมภูมิคุ้มกัน

หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดอาจมีภาวะปอดติดเชื้อ สามารถเข้ารับการตรวจ วินิจฉัย และรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีซึ่งมีเทคโนโลยีทันสมัย ห้องพักสะอาด และบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

FAQ

เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับโรคปอดติดเชื้อได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือคำถามพร้อมคำตอบแบบกระชับ เข้าใจง่าย ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาได้อย่างถูกต้อง

ปอดติดเชื้อหายเองได้ไหม

โดยทั่วไปปอดติดเชื้อไม่ควรปล่อยให้หายเอง เพราะหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือการลุกลามของเชื้อ ควรเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์โดยเร็ว

ปอดติดเชื้อรุนแรง จะรักษาหายได้ไหม

หากเข้ารับการรักษาปอดติดเชื้ออย่างทันท่วงทีและได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง สามารถรักษาให้หายได้แม้ในกรณีที่อาการรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อใช้ยาตรงกับเชื้อและมีการดูแลอย่างเหมาะสม

ปอดติดเชื้อสามารถแพร่กระจายได้ไหม

บางชนิดของปอดติดเชื้อสามารถแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย เช่น ไข้หวัดใหญ่หรือวัณโรค ซึ่งสามารถติดต่อได้ผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม

อาการของปอดติดเชื้อมีอะไรบ้าง

อาการของปอดติดเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ ไอ หอบ ไข้ เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย และอ่อนเพลีย บางรายอาจมีเสมหะหรือหายใจลำบากอย่างชัดเจน หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์ทันที

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์ปอดติดเชื้อ