- โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) มักมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดในมนุษย์อย่างแพร่หลายคือ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ซับไทป์ H1N1 และ H3N2 และ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุ B แบ่งเป็น 2 lineages คือ Victoria และ Yamagata
- เชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจ การสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรง และการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
- ภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้แก่ ภาวะหายใจลําบากเฉียบพลัน หลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ การกำเริบของโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ
- แนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่คือดูแลตัวเองด้วยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ การกินยารักษาตามอาการ เลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และการใช้ยาต้านไวรัสในการรักษา
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อที่ไม่ควรมองข้ามหากดูแลตัวเองไม่ถูกวิธี อาการอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต เมื่อมีคนในครอบครัวป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที
บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับโรคไข้หวัดใหญ่ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร มีอาการอย่างไร มีกี่สายพันธุ์ รวมถึงแนวทางการรักษาและการป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจากโรค
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Jan%205%20(%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88)%20(2).jpg)
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) คืออะไร
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ รวมถึงโพรงจมูก ลำคอ และปอด มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) มักมีอาการรุนแรงมากกว่าไข้หวัดทั่วไป ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะสามารถหายได้เอง แต่ในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อน อาการของโรคอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Jan%205%20(%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88)%20(3).jpg)
สังเกตอาการไข้หวัดใหญ่
แม้ว่าอาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดาแต่มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากกว่า โดยอาการไข้หวัดใหญ่สามารถสังเกตได้ดังนี้
- ไข้สูง หนาวสั่น และมีเหงื่อออกมาก ผู้ป่วยมักมีไข้สูงเกิน 38°C
- มีอาการปวดศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อเป็นลักษณะเด่นของไข้หวัดใหญ่
- รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หมดแรง แม้นอนพักก็ยังไม่สดชื่นขึ้น
- เจ็บคอและไอแห้ง
- ปวดตาและไวต่อแสง
- คัดจมูก น้ำมูกไหล และจาม
- หายใจลำบาก โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแทรกซ้อน
- ในเด็กจะพบอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย ได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Jan%205%20(%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88)%20(4).jpg)
อาการไข้หวัดใหญ่แบบรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่อาการรุนแรง ส่วนใหญ่มักพบในกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น
- ระบบหัวใจและหลอดเลือดไข้หวัดใหญ่อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
- ระบบประสาทภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทที่สำคัญคือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงและซึมลง
- ระบบทางเดินหายใจผู้ป่วยอาจมีภาวะหลอดลมอักเสบและปอดบวม ทำให้มีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรังอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะหายใจล้มเหลว
ไข้หวัดใหญ่มีกี่สายพันธุ์
ไวรัสอินฟลูเอนซาที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่มีกี่สายพันธุ์นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ สายพันธุ์ A, B และ C โดยสายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดในมนุษย์อย่างแพร่หลายคือ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ซับไทป์ที่พบว่ามีการแพร่ระบาดเป็นประจำ ได้แก่ H1N1 และ H3N2 และ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุ B แบ่งเป็น 2 lineages คือ Victoria และ Yamagata โดยทั่วไปการติดเชื้อจากไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักมีอาการไม่รุนแรงเท่ากับสายพันธุ์ A
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Jan%205%20(%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88)%20(5).jpg)
กลุ่มเสี่ยงอาการไข้หวัดใหญ่แบบรุนแรง
กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้แก่
- สตรีมีครรภ์
- เด็กเล็กอายุระหว่าง 6 เดือน ถึง 2 ปี
- ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน ธาลัสซีเมีย มะเร็งระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนขั้นรุนแรง บุคคลที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป
เชื้อไข้หวัดใหญ่ติดต่อง่าย ควรเฝ้าระวัง!
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ผ่านกลไกหลายประการ ได้แก่
- ผ่านละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยขนาดเล็กจากการไอ จาม หรือพูดคุยกับผู้ติดเชื้อในระยะใกล้ โดยเข้าสู่ร่างกายของผู้อื่นผ่านทางเยื่อบุตา เยื่อบุโพรงจมูก หรือเยื่อบุปาก
- ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรง การสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยโดยตรง เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ จากการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ช้อนส้อม แก้วน้ำ หรือการสัมผัสใกล้ชิด เช่น การกอดหรือจูบ
- ผ่านการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถคงอยู่บนพื้นผิววัตถุต่างๆ ได้ระยะเวลาหนึ่ง เมื่อมือของบุคคลไปสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนแล้วนำมือมาสัมผัสบริเวณใบหน้า เช่น ขยี้ตา หรือจับปาก ก็อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้
ภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่
โดยทั่วไปผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงสามารถหายจากโรคได้เองภายในระยะเวลา 7–14 วัน อย่างไรก็ตามกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอาจมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการติดเชื้อ ได้แก่ ภาวะหายใจลําบากเฉียบพลัน หลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ การกำเริบของโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Jan%205%20(%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88)%20(6).jpg)
อาการไข้หวัดใหญ่แบบไหนควรรีบพบแพทย์
โรคไข้หวัดใหญ่แม้ว่าจะสามารถรักษาและดูแลตัวเองได้ที่บ้าน แต่ในบางกรณีหากพบว่ามีอาการไข้หวัดใหญ่รุนแรงดังไปต่อไปนี้ ต้องได้รีบเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
- เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หายใจเร็ว
- ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย
- ปากเขียว ปลายมือปลายเท้าเขียว อาจบ่งบอกถึงภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ
- มีอาการชัก
- ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง
- มีโรคประจำตัวกำเริบ
การวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่โดยแพทย์
การวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ต้องใช้การตรวจร่างกายและทดสอบทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้สามารถแยกแยะจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ
โดยแพทย์จะซักประวัติทางการแพทย์และตรวจร่างกายของผู้ป่วยเพื่อประเมินอาการเด่นของโรคไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจหาแอนติเจน การตรวจหาสารพันธุกรรม การเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัส เพื่อยืนยันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ นอกจากนั้นยังต้องวินิจฉัยเพื่อแยกแยะโรค COVID-19 และโรคไข้หวัดใหญ่ควบคู่กันไปด้วยเนื่องจากทั้งสองโรคมีอาการคล้ายกัน
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Jan%205%20(%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88)%20(7).jpg)
แนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
ไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในกลุ่มเสี่ยง การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความรุนแรงของโรคและป้องกันการแพร่กระจาย โดยไข้หวัดใหญ่ รักษาด้วยแนวทางเบื้องต้นดังนี้
- การดูแลตัวเองด้วยวิธีการที่เหมาะสมโรคไข้หวัดใหญ่สามารถหายได้เองโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และกินยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ปวด หรือยาลดน้ำมูก ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเมื่อมีไข้สูง รวมถึงการเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
- การใช้ยาต้านไวรัสในการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านไวรัส เช่น โอลเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) เพื่อลดภาวะแทรกซ้อน แต่ยานี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ
ดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้โดยมีแนวทางสำคัญในการป้องกันโรคดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยเฉพาะการสัมผัสสารคัดหลั่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการรับเชื้อไวรัส หากมีความจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเช่น รถโดยสารสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ทำงานที่มีการระบายอากาศไม่ดี อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้
- ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่หรือใช้แอลกอฮอล์เจลที่มีแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 60% ขึ้นไป ทำความสะอาด การล้างมืออย่างถูกวิธีสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นเช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า ร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการเสียชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง จึงควรฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี
การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ที่โรงพยาบาลวิภาวดี
โรงพยาบาลวิภาวดีใส่ใจและให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทย พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัย ให้คำปรึกษา และรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ โดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐานสากล อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ
ทำไมต้องรักษาไข้หวัดใหญ่ที่โรงพยาบาลวิภาวดี?
- โรงพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ISO 9001:2008 และ Hospital Accreditation (HA)
- ศูนย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ เพื่อให้บริการดูแลและรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ รวมถึงโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจอื่นๆ
- ทีมแพทย์มากประสบการณ์ด้านโรคติดเชื้อและระบบทางเดินหายใจ พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันและรักษาอย่างมืออาชีพ
- เครื่องตรวจวินิจฉัยที่ทันสมัยและแม่นยำ สามารถตรวจเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
- บริการรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน พร้อมสิทธิประโยชน์จากบริษัทประกันที่หลากหลาย
- ห้องพักสะอาด เงียบสงบ ออกแบบมาเพื่อการพักฟื้นที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย
อย่ารอให้ไข้หวัดใหญ่รุนแรง ป้องกันและรักษาได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี
- ที่อยู 51/3 ถ.งามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
- นัดหมายล่วงหน้า โทร. 02-561-1111 หรือ 02-058-1111
- สำหรับตัวแทนประกันชีวิต ติดต่อผ่าน LINE: @vibhainsurance
สรุป
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) โดยสายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดในมนุษย์คือ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ สายพันธ์ุ B มักมีอาการรุนแรงมากกว่าไข้หวัดทั่วไป อาการไข้หวัดใหญ่ได้แก่ มีไข้สูงมาก หนาวสั่น ปวดศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รู้สึกอ่อนเพลีย เจ็บคอและไอแห้ง ปวดตา คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจลำบาก
แม้ว่าในผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะสามารถหายได้เองโดยการดูแลตัวเองและกินยารักษาตามอาการ แต่ในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่นเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ภาวะขาดน้ำ ปากเขียว มีอาการชัก ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง มีโรคประจำตัวกำเริบ ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน สำหรับผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สามารถเข้ารับมาปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีดูแลและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะ
FAQ
ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับ B ต่างกันอย่างไร
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มักรุนแรงกว่า สามารถแพร่ระบาดในวงกว้างเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่รวดเร็ว ส่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มีอาการคล้ายกับสายพันธุ์ A แต่โดยทั่วไปมักไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A
เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กี่วันหาย
สำหรับผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรง อาการของไข้หวัดใหญ่มักจะหายไปได้ใน 5-7 วันหลังจากเริ่มมีอาการ
ไข้หวัดใหญ่อันตรายไหม
โรคไข้หวัดใหญ่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปอดอักเสบและ หลอดลมอักเสบดังนั้น หากมีอาการของไข้หวัดที่ดูรุนแรงกว่าปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที
เชื้อไข้หวัดใหญ่ติดง่ายไหม
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่แพร่กระจายได้ง่ายจากการสูดดมละอองฝอยจากผู้ป่วยหรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ หรือโทรศัพท์ แล้วนำมือมาสัมผัสใบหน้า ดวงตา หรือจมูก
ไข้หวัดใหญ่มีโอกาสลงปอดไหม
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนซา ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ และในบางกรณีอาจลุกลามไปยังปอด ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น