กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง: รู้ทันสาเหตุ อาการ และการรักษา

Key Takeaway

  • กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคือภาวะที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้หนังตาตก ส่งผลต่อการมองเห็นและบุคลิกภาพ
  • สาเหตุการเกิดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอาจเกิดได้ตั้งแต่กำเนิด เสื่อมตามอายุ ความผิดปกติของเส้นประสาท อุบัติเหตุ เนื้องอก หรือโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
  • การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแบบไม่ผ่าตัด เช่น แว่นพยุงหรือฝึกกล้ามเนื้อ และแบบผ่าตัดเพื่อปรับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเปลือกตาให้ยกสมดุล และต้องกายภาพบำบัดเสริมเพื่อให้กล้ามเนื้อตากลับมาทำงานได้เต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบไม่ผ่าตัดหรือผ่าตัด

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง คือภาวะที่กล้ามเนื้อตาทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดอาการเปลือกตาตก ตาปรือ หรือมองเห็นผิดปกติ หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงอาการง่วงหรือตาล้า แต่จริงๆ แล้วอาจสัมพันธ์กับความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือโรคบางชนิด หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจและรักษา อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและคุณภาพชีวิตได้ เพื่อให้ดวงตาแข็งแรง ควรรู้ทันสาเหตุ อาการ การป้องกันและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ที่โรงพยาบาลวิภาวดีมีจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกล้ามเนื้อตา ทั้งการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อตาและการผ่าตัดหากจำเป็น

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคืออะไร

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคืออะไร?

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือ Ptosis คือภาวะที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตา (Levator muscle) ทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เปลือกตาบนตกลงมาหรือหย่อนคล้อยมากกว่าปกติ ภาวะนี้สามารถเกิดได้ตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังจากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุที่มากขึ้น การบาดเจ็บของเส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อ การเกิดเนื้องอกบริเวณรอบดวงตา หรือภาวะทางระบบประสาทบางชนิด เมื่อกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หนังตาจะปิดลูกตาได้บางส่วนหรือมากจนบดบังการมองเห็น ส่งผลให้ดวงตาดูเหนื่อยล้า หรือตาปรือ รวมถึงอาจกระทบต่อบุคลิกภาพและการใช้ชีวิตประจำวันได้

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากอะไร

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากอะไร?

  1. เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อยกเปลือกตาตั้งแต่กำเนิด ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้หนังตาตกตั้งแต่เด็ก
  2. เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบดวงตาเสื่อมสภาพ ทำให้ประสิทธิภาพในการยกเปลือกตาลดลง
  3. โรคหรือภาวะที่ส่งผลต่อเส้นประสาทควบคุมกล้ามเนื้อตา เช่น เส้นประสาทอ่อนแรง ทำให้กล้ามเนื้อตาไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
  4. อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ การกระทบกระแทก บาดแผล หรือการผ่าตัดใกล้ดวงตา อาจทำให้กล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทเสียหาย ส่งผลให้เกิดภาวะตาตก
  5. เนื้องอกหรือก้อนผิดปกติรอบดวงตา ก้อนหรือเนื้องอกรอบดวงตาสามารถกดทับกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
  6. สาเหตุอื่นๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ทำให้เส้นประสาทตาเสื่อม หรือการใช้คอนแท็กต์เลนส์แข็งเป็นเวลานาน อาจทำให้เส้นเอ็นเปลือกตายืด

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมีอาการอย่างไร?

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นภาวะที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและการทำงานของเปลือกตา ทำให้ดวงตาไม่สามารถยกขึ้นหรือลืมตาได้เต็มที่ การสังเกตและเข้าใจสัญญาณต่างๆ จะช่วยให้สามารถดูแลและรักษาได้อย่างเหมาะสม

อาการทั่วไปของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาการที่พบมักมีความแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงและสาเหตุ แต่โดยทั่วไปสามารถสังเกตได้ดังนี้

  • หนังตาตกลงมาหรือหย่อนคล้อย ทำให้เปลือกตาบนปิดดวงตาบางส่วน ส่งผลให้ดวงตาดูเล็กหรือไม่สมมาตร
  • ตาอ่อนล้าง่าย โดยเฉพาะเมื่อเพ่งหรือใช้สายตามากๆ ทำให้รู้สึกดวงตาอ่อนล้าเร็ว
  • ปัญหาการมองเห็น ในบางกรณี หนังตาตกลงมามากจนบดบังการมองเห็นส่วนบนของสายตา
  • ชั้นตาหลายชั้น เกิดจากหนังตาหย่อน ทำให้เห็นชั้นหนังตามากกว่าหนึ่งชั้น
  • ต้องยกคิ้วหรือใช้หน้าผากช่วย เพื่อให้ดวงตาเปิดได้เต็มที่ เป็นการชดเชยกล้ามเนื้อตาที่อ่อนแรง
  • ความไม่สมมาตรของดวงตา ดวงตาสองข้างอาจเปิดไม่เท่ากัน ทำให้หน้าตาดูไม่สมดุล
  • สายตามัวหรือปวดศีรษะ จากการเพ่งหรือพยายามเปิดตาเต็มที่ในระยะยาว

อาการเฉพาะในกลุ่มต่างๆ

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มคน ขึ้นอยู่กับสาเหตุ อายุ หรือภาวะทางสุขภาพที่เกี่ยวข้อง การทำความเข้าใจถึงความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้การสังเกต การวินิจฉัย และการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในเด็ก

  • หนังตาตกตั้งแต่กำเนิด ทำให้ตาไม่สมมาตร
  • อาจมีชั้นตาหลายชั้น เนื่องจากหนังตาหย่อน
  • การมองเห็นบางส่วนอาจถูกบดบัง ส่งผลต่อพัฒนาการด้านสายตา
  • เด็กอาจต้องเงยหน้าหรือโน้มคอเพื่อมองสิ่งต่างๆ

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในผู้ใหญ่

  • หนังตาตกเกิดขึ้นทีละน้อยตามอายุ
  • ดวงตาดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส
  • ต้องยกคิ้วหรือใช้หน้าผากช่วยเปิดตา
  • อาจมีปัญหาการมองเห็นชัดโดยเฉพาะเมื่อหนังตาตกมาก

กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากโรคระบบประสาท

  • ตาอ่อนแรงทั้งสองข้างหรือเพียงข้างเดียวขึ้นอยู่กับโรค
  • อาจมีอาการอื่นร่วม เช่น กล้ามเนื้อส่วนอื่นอ่อนแรง ปัญหาการทรงตัว หรือพูดไม่ชัด
  • อาการอาจแย่ลงเมื่อเหนื่อยหรือใช้สายตามาก
  • ต้องได้รับการประเมินทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของความผิดปกติของเส้นประสาท

การวินิจฉัยกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

การวินิจฉัยกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

การวินิจฉัยกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อประเมินสาเหตุและความรุนแรงของภาวะนี้ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและแม่นยำ โดยมีขั้นตอนวินิจฉัยดังนี้

ซักประวัติและสังเกตอาการ

แพทย์จะเริ่มจากการสอบถามประวัติผู้ป่วย เช่น อายุที่เริ่มมีอาการ ประวัติการบาดเจ็บ โรคประจำตัว หรือประวัติครอบครัว จากนั้นจะสังเกตลักษณะดวงตา เช่น หนังตาตก ความสมมาตรของตา การทำงานของกล้ามเนื้อตา และอาการร่วม เช่น ตาอ่อนล้า ปวดศีรษะ หรือการใช้หน้าผากช่วยยกตา

ตรวจตาเบื้องต้น

การตรวจตาเบื้องต้นจะรวมถึงการวัดระดับการตกของหนังตา (Marginal Reflex Distance, MRD) การสังเกตชั้นตา การเปิดตาสูงสุด การตรวจการมองเห็น และประเมินการบดบังมุมมอง เพื่อประเมินความรุนแรงของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตาหรือระบบประสาท

แพทย์อาจทำการทดสอบการเคลื่อนไหวของดวงตา การตอบสนองต่อแสง และการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตา เพื่อตรวจว่ากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากปัญหาของกล้ามเนื้อเองหรือเป็นผลจากความผิดปกติของระบบประสาท

ตรวจพิเศษเพิ่มเติม

ในบางกรณีอาจต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจด้วยภาพถ่าย MRI หรือ CT Scan เพื่อดูโครงสร้างรอบดวงตา การตรวจเลือดเพื่อหาภาวะทางระบบประสาทหรือโรคอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการตรวจเฉพาะทางสายตาเพื่อประเมินผลกระทบต่อการมองเห็น

วินิจฉัยแยกโรค

การวินิจฉัยแยกโรคเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อแยกภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงออกจากโรคอื่นที่ทำให้หนังตาตก เช่น โรคของเส้นประสาทตา โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน การติดเชื้อ หรือเนื้องอกรอบดวงตา ซึ่งช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำ

แนวทางการรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วินิจฉัยและกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

รักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแบบไม่ผ่าตัดมักใช้ในกรณีที่กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงไม่รุนแรงหรือรอการผ่าตัด เช่น การใช้แว่นตาพิเศษที่ช่วยดันหนังตาขึ้น (Ptosis Crutch) การทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อตา หรือการปรับพฤติกรรมการใช้สายตาเพื่อลดอาการตาล้า ในบางกรณีอาจใช้ยาหยอดตาเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อตาให้ทำงานดีขึ้น

2. การรักษาแบบผ่าตัด

การผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นวิธีที่ได้ผลชัดเจน ใช้ในกรณีที่กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงปานกลางถึงรุนแรง โดยแพทย์จะปรับระดับกล้ามเนื้อตาและเส้นเอ็นเปลือกตาเพื่อยกหนังตาให้สมดุล การผ่าตัดอาจทำร่วมกับการทำตาสองชั้นเพื่อความสวยงาม หลังผ่าตัดดวงตาจะดูสดใส กลมโต และสมมาตรมากขึ้น

3. การฟื้นฟูหลังการรักษา

หลังการรักษาไม่ว่าจะเป็นแบบไม่ผ่าตัดหรือผ่าตัด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น การประคบเย็นเพื่อลดบวม การหลีกเลี่ยงการขยี้ตา หรือการทำกายภาพบำบัดเสริมเพื่อให้กล้ามเนื้อตากลับมาทำงานได้เต็มที่ รวมถึงการติดตามผลเป็นระยะเพื่อประเมินการฟื้นตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหายเองได้ไหม

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหายเองได้ไหม?

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงโดยทั่วไปมักไม่หายเอง เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือความเสื่อมตามอายุ ซึ่งไม่สามารถฟื้นตัวได้เองตามธรรมชาติ หากเกิดจากความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อป้องกันผลกระทบต่อพัฒนาการด้านสายตา

อาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจะคงอยู่หรือค่อยๆ แย่ลงตามเวลา ยกเว้นบางกรณีที่เกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น ความอ่อนล้า ภาวะตาแห้ง หรือการใช้สายตามาก ซึ่งเมื่อพักผ่อนเพียงพออาการอาจดีขึ้น แต่ไม่ใช่การหายจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หากสงสัยว่ามีภาวะนี้ ควรเข้ารับการตรวจและประเมินโดยจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

ภาวะแทรกซ้อนหากไม่รักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ภาวะแทรกซ้อนจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหากไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลต่อทั้งการมองเห็น สุขภาพดวงตา และคุณภาพชีวิตในระยะยาว ดังนี้

  • ตาขี้เกียจ (โดยเฉพาะในเด็ก) หนังตาที่ตกบังดวงตาอาจทำให้การมองเห็นไม่ชัด ส่งผลให้ดวงตาข้างนั้นพัฒนาไม่เต็มที่และเสี่ยงต่อภาวะตาขี้เกียจถาวร
  • ผลกระทบต่อการมองเห็น การมองเห็นถูกบดบังบางส่วน มุมมองแคบลง ทำให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การอ่านหนังสือ ขับรถ หรือทำงาน
  • ผลกระทบต่อกล้ามเนื้อและโครงหน้า ผู้ป่วยมักใช้คิ้วหรือหน้าผากช่วยยกตา ทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผากหรือปวดศีรษะเรื้อรัง รวมถึงโครงหน้าเสียสมดุล
  • ผลกระทบทางจิตใจและสังคม ดวงตาที่ดูง่วงหรือไม่สดใสอาจทำให้ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพ ส่งผลต่อการเข้าสังคมหรือการทำงาน
  • ภาวะแทรกซ้อนจากสาเหตุโรคระบบประสาท หากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากโรคทางระบบประสาท เช่น Myasthenia Gravis หรือเนื้องอก อาการอาจลุกลามและกระทบต่อการทำงานของร่างกายในหลายระบบหากไม่ได้รับการรักษา

วิธีป้องกันกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

วิธีป้องกันกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงสามารถทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพดวงตาและร่างกายอย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยให้ตรวจพบอาการได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ดังนี้

  1. ดูแลสุขภาพดวงตา หลีกเลี่ยงการใช้สายตาหนักเกินไป พักสายตาเป็นระยะ และป้องกันตาแห้งเพื่อลดความล้า
  2. ป้องกันการบาดเจ็บรอบดวงตา ระมัดระวังในการทำกิจกรรมที่เสี่ยง เช่น กีฬา หรือการทำงานที่อาจกระทบกระแทกรอบดวงตา
  3. ดูแลสุขภาพทั่วไป ควบคุมโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา
  4. ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ เพื่อค้นหาความผิดปกติของกล้ามเนื้อตาตั้งแต่เนิ่นๆ
  5. สังเกตอาการตั้งแต่เริ่มต้น หากมีอาการหนังตาตก ตาล้า หรือมองเห็นไม่ชัด ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อรับการประเมินทันที

รักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่โรงพยาบาลวิภาวดี

รักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่โรงพยาบาลวิภาวดี

การรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลวิภาวดี ดำเนินการโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์ ด้วยการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างครอบคลุม โดยแพทย์จะทำการประเมินสาเหตุและความรุนแรงของอาการ วางแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เช่น การฝึกกล้ามเนื้อตาหรือการใช้แว่นตาพิเศษในรายที่อาการไม่รุนแรง และในกรณีที่กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมากหรือส่งผลต่อการมองเห็น แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดเพื่อปรับระดับและยกหนังตาให้สมดุล โรงพยาบาลวิภาวดีมีเทคโนโลยีและเครื่องมือทันสมัย รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการรักษา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีการมองเห็นและบุคลิกภาพที่ดีขึ้นอย่างปลอดภัย

สรุป

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง คือภาวะที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้หนังตาตก ส่งผลต่อการมองเห็นและบุคลิกภาพ สาเหตุมีตั้งแต่โดยกำเนิด อายุที่มากขึ้น โรคระบบประสาท อุบัติเหตุ เนื้องอก หรือโรคเรื้อรัง อาการที่พบบ่อยคือหนังตาตก ตาอ่อนล้า คิ้วยกสูง มองเห็นไม่ชัด และในเด็กอาจเสี่ยงตาขี้เกียจ การวินิจฉัยทำได้โดยซักประวัติ ตรวจตา และทดสอบระบบประสาท การรักษามีทั้งแบบไม่ผ่าตัด เช่น แว่นดันเปลือกตา และแบบผ่าตัดเพื่อยกหนังตา หากไม่รักษาอาจกระทบต่อการมองเห็น กล้ามเนื้อใบหน้า และสภาพจิตใจ การป้องกันทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพตา ตรวจตาสม่ำเสมอ และพบแพทย์เมื่อมีอาการ

มาดูแลสุขภาพตาก่อนใครกับโรงพยาบาลวิภาวดี สนใจตรวจสุขภาพตาหรือประเมินความเสี่ยงกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย! ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ศูนย์จักษุครบวงจร หรือติดต่อได้ที่ โทร. 02-561-1111

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เพื่อให้เข้าใจภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมากขึ้น มาดูคำถามที่หลายคนมักสงสัยพร้อมคำตอบกัน

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงต่างจากตาตกทั่วไปอย่างไร?

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทที่ควบคุมการยกเปลือกตา ทำให้หนังตาตกลงมาโดยตรง ขณะที่ตาตกทั่วไปมักเกิดจากผิวหนังหย่อนคล้อยตามวัย ความแตกต่างคือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและการมองเห็นมากกว่า

เด็กที่เป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงต้องรีบรักษาทันทีไหม?

ในเด็กควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว เนื่องจากหนังตาที่ตกอาจบดบังการมองเห็นและเสี่ยงต่อภาวะตาขี้เกียจถาวร หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านสายตาและการเรียนรู้ของเด็ก

ผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอันตรายไหม?

การผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย ทำโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีความเสี่ยงแทรกซ้อนน้อย เช่น บวม ช้ำ หรือตาแห้งชั่วคราว ซึ่งส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้ หากเลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีประสบการณ์ก็จะยิ่งเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกี่ยวข้องกันกับโรคตาอื่นๆ ไหม?

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอาจสัมพันธ์กับโรคตาหรือโรคระบบประสาทบางชนิด เช่น Myasthenia Gravis หรือเส้นประสาทผิดปกติ รวมถึงโรคเรื้อรังอย่างเบาหวานที่ทำให้เส้นประสาทตาเสื่อม ดังนั้นผู้ป่วยควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

รีวิวจากคนไข้

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง: รู้ทันสาเหตุ อาการ และการรักษา