Key Takeaway
โรคต้อเป็นภาวะความผิดปกติของดวงตาที่พบได้บ่อย ทั้งต้อกระจก ต้อหิน และต้อเนื้อ ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอาจทำให้การมองเห็นลดลงหรือเสี่ยงสูญเสียการมองเห็นได้ ศูนย์จักษุโรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยครอบคลุม ทั้งการตรวจต้อและการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การผ่าตัดต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อแบบไร้มีด ร่วมกับเลนส์คุณภาพสูง เพื่อฟื้นฟูการมองเห็นและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
/Vibhavadi-Aug-1-02.jpg)
ต้อ คือภาวะที่เกิดความผิดปกติบนดวงตา เกิดจากเนื้อเยื่อหรือสารบางอย่างขึ้นบนกระจกตาหรือเยื่อบุตา ซึ่งเกิดได้หลายรูปแบบ เช่น ต้อกระจก ต้อลม ต้อเนื้อ หรือต้อหิน แต่ละชนิดมีสาเหตุและลักษณะต่างกัน และถือเป็นภัยร้ายต่อดวงตา อาจทำให้เกิดการมองเห็นลดลงหรือสายตาพร่ามัว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
ลักษณะทั่วไปของต้อมักเป็นจุดขาว ขุ่น หรือเนื้อเยื่อเจริญผิดปกติบนดวงตา ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าและมักค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามเวลา การดูแลและตรวจเช็กดวงตาเป็นประจำจึงสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นในระยะยาว
ต้อเป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับดวงตาได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละปัจจัยสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นต้อได้ ดังนี้
/Vibhavadi-Aug-1-03.jpg)
ต้อที่พบบ่อยในผู้คนแต่ละวัย มีหลายชนิดและมีสาเหตุแตกต่างกัน การเข้าใจชนิดของต้อและวิธีการดูแลรักษาช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นได้ โดยสามารถแบ่งชนิดได้ดังนี้
ต้อกระจกคือภาวะที่เลนส์ตาขุ่น ทำให้การมองเห็นลดลง เห็นภาพพร่าหรือมีหมอกบังตา ปัจจัยเสี่ยงหลักของต้อกระจกคืออายุที่มากขึ้นหรือเกิดจากการบาดเจ็บที่ตา โรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน รวมถึงพันธุกรรมและการสัมผัสแสงแดดจัด ช่วงแรกของต้อกระจกอาจใช้วิธีใส่แว่นตาเพื่อช่วยการมองเห็นหรือใช้ยาหยอดตาชะลอความขุ่น แต่เมื่ออาการรุนแรงขึ้นจำเป็นต้องผ่าตัดเอาเลนส์ขุ่นออกและใส่เลนส์แก้วตาเทียมเพื่อฟื้นฟูการมองเห็น
ต้อหินคือโรคที่มีความดันในลูกตาสูง ส่งผลให้เส้นประสาทตาเสียหายและอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นแบบถาวร ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ อายุที่มากขึ้น ประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน โรคเรื้อรังเช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และการใช้ยาบางชนิดอย่างสเตียรอยด์ การรักษาต้อหินมักเริ่มจากการใช้ยาหยอดตาเพื่อลดความดันตา และในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมด้วยยา อาจต้องใช้การผ่าตัดหรือลำเลียงน้ำในลูกตาเพื่อลดความดัน พร้อมทั้งติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันความเสียหายถาวรต่อสายตา
ต้อเนื้อคือเนื้อเยื่อสีแดงหรือชมพูที่เติบโตจากตาขาวเข้าหากระจกตา มักพบที่มุมตาใกล้จมูก ทำให้ระคายเคือง แสบตา หรือในบางกรณีบังการมองเห็น ปัจจัยเสี่ยงหลักคือการสัมผัสแสงแดด ลม ฝุ่น ควัน และอายุที่เพิ่มขึ้น การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปอาจใช้ยาหยอดตาเพื่อลดการระคายเคือง แต่หากเนื้อเยื่อเติบโตมากและกระทบการมองเห็น อาจต้องพิจารณาผ่าตัดเพื่อนำเนื้อเยื่อออก และควรใช้แว่นกันแดดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากแสงแดด
ต้อลมคือเนื้อเยื่อสีเหลืองหรือขาวบนตาขาวใกล้ดวงตาดำ ไม่ได้ทำให้การมองเห็นลดลง แต่จะมีอาการระคายเคืองหรือแสบตา ปัจจัยเสี่ยงมาจากการสัมผัสแสงแดด ลม ฝุ่น ควัน และการเสื่อมตามอายุ การรักษาต้อลมมักใช้ยาหยอดตาเพื่อลดการอักเสบหรือระคายเคือง ในกรณีรุนแรงหรือเพื่อความสวยงาม อาจพิจารณาผ่าตัดนำเนื้อเยื่อออก
โรคต้อในตาเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ การสังเกตร่างกายและสายตาของตัวเองเป็นประจำ จะช่วยให้สามารถพบโรคได้ตั้งแต่ระยะแรกและรักษาได้ทันเวลา ควรปรึกษาแพทย์ทันที หากพบสัญญาณต่อไปนี้
/Vibhavadi-Aug-1-04.jpg)
วิธีตรวจวินิจฉัยโรคต้อขึ้นอยู่กับชนิดของต้อและอาการของผู้ป่วย เพราะต้อแต่ละชนิดมีลักษณะและผลกระทบต่อสายตาที่แตกต่างกัน การตรวจอย่างละเอียดช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ตรงจุดและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
เริ่มจากการซักประวัติเกี่ยวกับสายตา เช่น ระยะเวลาที่สายตาพร่ามัว อาการระคายเคือง ตาแดง หรือประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อ และตรวจวัดสายตาเบื้องต้น (Visual Acuity Test) เพื่อประเมินความชัดเจนในการมองใกล้และไกล
การตรวจวัดความดันภายในลูกตาเป็นขั้นตอนสำคัญในการวินิจฉัยต้อหิน ความดันสูงเกินปกติอาจทำให้เส้นประสาทตาเสียหายได้ Tonometry มีหลายวิธี เช่น การใช้เครื่องวัดสัมผัสเบาๆ ที่กระจกตา หรือเครื่องมือแบบไม่สัมผัสลม (Non-contact Tonometry) ผลตรวจช่วยให้แพทย์ประเมินความเสี่ยง ความรุนแรงของต้อหิน
การตรวจพื้นที่การมองเห็นรอบๆ ตา เพื่อดูขอบเขตพื้นที่การมองเห็น เพื่อเช็กความเสียหายของเส้นประสาทตาในผู้ป่วยต้อหิน หากพบแพทย์จะวางแผนรักษาเพื่อป้องกันการสูญเสียสายตาเพิ่มเติม
เป็นการใช้กล้องจุลทรรศน์ที่มีแสงเฉพาะจุดส่องไปยังตาเพื่อดูรายละเอียดของโครงสร้างตา เช่น กระจกตา เลนส์ตา และตาขาว วิธีตรวจคือผู้ป่วยนั่งหน้ากล้อง ขณะแพทย์ปรับแสงและเลนส์เพื่อส่องส่วนต่างๆ ของดวงตา ช่วยวินิจฉัยต้อกระจก ต้อเนื้อ และต้อลม รวมถึงตรวจหาการอักเสบหรือความผิดปกติอื่นๆ
ตรวจด้านหลังลูกตา (Retina และ Optic Nerve Head) โดยใช้กล้องส่องตาเฉพาะทาง แพทย์สามารถดูความสมบูรณ์ของเส้นประสาทตาและหลอดเลือดในลูกตา การตรวจตรวจด้านหลังลูกตาสำคัญสำหรับผู้ป่วยต้อหินหรือโรคตาอื่นๆ ที่ส่งผลต่อจอประสาทตา
ในบางกรณีแพทย์อาจใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น Optical Coherence Tomography (OCT) เพื่อวัดความหนาของเส้นประสาทตา หรือ Ultrasound Biomicroscopy เพื่อตรวจเลนส์และเนื้อเยื่อตาที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยกล้องส่องตาปกติ การตรวจเพิ่มเติมช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ละเอียดและแม่นยำมากขึ้น
/Vibhavadi-Aug-1-05.jpg)
วิธีการรักษาต้อแตกต่างกันไปตามชนิดของต้อและผลการวินิจฉัยของแพทย์ การรักษาที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียสายตาและบรรเทาอาการให้ที่ดีขึ้นได้
การรักษาด้วยยามักใช้ในกรณีที่อาการยังไม่รุนแรงหรือเพื่อบรรเทาอาการก่อนการรักษาอื่น เช่น ตาแดง ระคายเคือง หรือความไวต่อแสง ยาหยอดตาสามารถลดการอักเสบและความระคายเคืองได้ สำหรับต้อหิน ยาหยอดตาจะช่วยลดความดันลูกตาและป้องกันความเสียหายต่อเส้นประสาทตา ยาบางชนิดอาจใช้ร่วมกับการปรับพฤติกรรม เช่น การใส่แว่นกันแดดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง เพื่อช่วยชะลอการลุกลามของต้อ
การใช้เลเซอร์เป็นวิธีที่มักใช้กับต้อหินบางชนิด หรือในกรณีที่การใช้ยาไม่สามารถควบคุมความดันตาได้ เลเซอร์ช่วยเปิดทางระบายน้ำในลูกตาหรือทำลายเนื้อเยื่อบางส่วนเพื่อปรับความดันตาให้ปกติ การทำเลเซอร์เป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน และฟื้นตัวเร็ว และต้องติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
กรณีที่ต้อมีอาการรุนแรงหรือส่งผลต่อการมองเห็น เช่น ต้อกระจก ต้อเนื้อที่โตมากจนบังดวงตา หรือความดันตาของต้อหินสูงเกินกว่าที่ยาและเลเซอร์ควบคุมได้ การผ่าตัดต้อกระจกคือการเอาเลนส์ขุ่นออกและใส่เลนส์แก้วตาเทียม ส่วนการผ่าตัดต้อเนื้อหรือต้อลมคือการตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินออก หลังการผ่าตัดมักต้องใช้ยาหยอดตาและตรวจติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
การป้องกันและดูแลดวงตาอย่างถูกวิธีช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดต้อ ช่วยให้สายตาแข็งแรงอยู่ได้นาน การปรับพฤติกรรมประจำวันและตรวจตาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ
/Vibhavadi-Aug-1-06.jpg)
โรคต้อในตาเป็นภาวะที่ทำให้ดวงตามีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นพร่ามัว ตาแดง หรือระคายเคือง หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้สายตาแย่ลงและในบางกรณีเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นหรือทำให้ตาบอดได้ การสังเกตอาการผิดปกติและตรวจตาเป็นประจำ จะช่วยให้พบโรคตั้งแต่ระยะแรกและลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียสายตาถาวรได้
ศูนย์จักษุโรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมดูแลปัญหาดวงตาจากโรคต้ออย่างครบวงจร โดยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ไปจนถึงการรักษาด้ายยา และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การผ่าตัดสลายต้อแบบไร้มีด ที่ปลอดภัยและฟื้นตัวเร็ว เพื่อให้คุณมั่นใจในผลการรักษาและการดูแลสายตาอย่างเต็มที่
ต้อคือความผิดปกติของดวงตาที่ส่งผลต่อการมองเห็นและความสบายของตา แบ่งออกเป็นหลายชนิด เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ และต้อลม อาการที่ควรระวัง ได้แก่ การมองเห็นเปลี่ยนไป สายตาลดลง ตาแดง แสบตา หรือเห็นแสงฟุ้ง การตรวจวินิจฉัยทำได้หลายวิธี เช่น ตรวจความดันลูกตา ตรวจลานสายตา ตรวจด้วยกล้องส่องต หรือตรวจเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือพิเศษ การรักษาขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรง มีตั้งแต่การใช้ยา เลเซอร์ ไปจนถึงการผ่าตัด สำหรับการป้องกันควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ ป้องกันแสงแดด ดูแลพฤติกรรมการใช้สายตา
อย่าปล่อยให้ปัญหาตาเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ ศูนย์จักษุโรงพยาบาลวิภาวดี พร้อมดูแลทุกปัญหาสายตาด้วยจักษุแพทย์มากประสบการณ์และเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย สนใจตรวจหรือรักษาตา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อ โทร. 02-561-1111
โรคต้อเป็นปัญหาสายตาที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการรักษาและการดูแล ศูนย์จักษุโรงพยาบาลวิภาวดีขอรวบรวมคำถามยอดนิยมและคำตอบ เพื่อให้คุณเข้าใจและดูแลดวงตาได้อย่างถูกวิธี
การรักษาต้อขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค บางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น ต้อกระจกสามารถผ่าตัดเอาออกและใส่เลนส์แก้วตาเทียม แต่บางชนิด เช่น ต้อหินหรือบางประเภทของต้อเนื้อ อาจควบคุมอาการได้แต่ไม่สามารถป้องกันการเกิดซ้ำได้ การติดตามและตรวจประจำเป็นสิ่งสำคัญ
ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าสมุนไพรหรือวิธีธรรมชาติสามารถรักษาต้อให้หายขาดได้ การดูแลสุขภาพตา เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และการตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอการลุกลามได้
ต้อไม่สามารถหายเองได้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจทำให้สายตาแย่ลง การตรวจวินิจฉัยและการรักษาโดยจักษุแพทย์เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด
การผ่าตัดต้อสมัยใหม่ เช่น การผ่าตัดสลายต้อแบบไร้มีด มักใช้ยาชาเฉพาะที่ จึงทำให้รู้สึกเจ็บน้อยมาก หลังผ่าตัดสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ภายในไม่กี่วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของต้อและวิธีการผ่าตัด จักษุแพทย์จะให้คำแนะนำการดูแลตาหลังผ่าตัดอย่างละเอีย
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved