รักษาต่อมลูกหมากโต ไม่ผ่าตัด ทางเลือกใหม่!

  • ต่อมลูกหมากโต (BPH) คือภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ มักเกิดในผู้ชายอายุมากขึ้น สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชายตามวัย
  • อาการของต่อมลูกหมากโตนั้นผู้ป่วยมักมีอาการปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะลำบากหรือไม่สุด และอาจมีอาการปวดเบาๆ บริเวณท้องน้อย
  • การรักษาต่อมลูกหมากโตใช้วิธีปรับพฤติกรรม การใช้ยา หรือรักษาแบบทางเลือกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด หากในกรณีรุนแรงอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

เมื่ออายุมากขึ้นผู้ชายหลายคนเริ่มสังเกตว่าต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือรู้สึกปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะขัด และบางครั้งอาจรู้สึกไม่สบายบริเวณท้องน้อย อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจต่อมลูกหมากโตมากขึ้น และอาการที่ควรระวัง ไปจนถึงแนวทางการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดที่ทันสมัย พร้อมแนวทางป้องกันและดูแลตัวเองให้ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ การเข้าใจอาการและแนวทางรักษาต่อมลูกหมากโตแบบทางเลือกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด การรู้เร็วและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้รักษาได้เร็ว กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจและสุขภาพดี

ต่อมลูกหมากโตคืออะไร อันตรายไหม

ต่อมลูกหมากโตคืออะไร อันตรายไหม?

ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia: BPH) คือภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกติ โดยตำแหน่งของต่อมลูกหมากอยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ปกติขนาดของต่อมลูกหมากจะอยู่ที่ประมาณ 20 กรัม แต่เมื่อเกิดภาวะโตอาจขยายเป็น 40-100 กรัม หรือมากกว่า ซึ่งไม่มีขนาดที่แน่นอน ภาวะนี้มักพบในผู้ชายวัยกลางคนโดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป

แม้ภาวะนี้จะไม่ใช่มะเร็งและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตโดยตรง แต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือการทำงานของไตผิดปกติ ดังนั้นหากเริ่มมีอาการผิดปกติขณะปัสสาวะ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม

ต่อมลูกหมากโตเกิดจากอะไร

ต่อมลูกหมากโตเกิดจากหลายปัจจัยมักสัมพันธ์กับอายุและฮอร์โมนเพศชายเป็นหลัก และปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • ฮอร์โมนเพศชายเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น
  • อายุที่มากขึ้น ทำให้สมดุลฮอร์โมนเพศเปลี่ยนไป
  • พันธุกรรม มีประวัติครอบครัวอาจเสี่ยงมากขึ้น
  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้เซลล์ต่อมลูกหมากขยายตัว
  • ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) เช่น เบาหวานหรืออ้วนลงพุง
  • ปัจจัยด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก
  • ความเครียดเรื้อรัง ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน
  • การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาขับปัสสาวะหรือยาความดันบางกลุ่ม
  • การอักเสบเรื้อรังของต่อมลูกหมาก กระตุ้นให้เนื้อเยื่อโตมากขึ้น
  • ปัจจัยอื่นๆ การอักเสบเรื้อรังของต่อมลูกหมาก การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือขาดผักผลไม้


อาการของต่อมลูกหมากโต

อาการของต่อมลูกหมากโต

อาการของต่อมลูกหมากโตขึ้นอยู่กับอายุและความรุนแรงของโรค มักเริ่มจากอาการเล็กน้อยจนหลายคนไม่ทันสังเกต แต่รักษาได้ หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้

  • ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • ปัสสาวะช้า เริ่มปัสสาวะลำบาก
  • ปัสสาวะไม่สุด เหมือนยังมีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะขัด หรือหยุดไหลกลางคัน
  • ปัสสาวะสะดุด หรือไหลเป็นหยด ไม่พุ่ง
  • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างเฉียบพลัน
  • ปวดหรือแสบขณะปัสสาวะ หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ
  • ต้องเบ่งเวลาปัสสาวะ หรือต้องออกแรงเกร็งเมื่อปัสสาวะ
  • ปวดบริเวณท้องน้อย หรือหลังส่วนล่าง
  • มีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือในรายที่รุนแรงอาจมีภาวะไตเสื่อม

วิธีตรวจวินิจฉัยต่อมลูกหมากโต

  1. ซักประวัติ สอบถามอาการ และตรวจร่างกาย เช่น ปัสสาวะบ่อย สะดุด หรือกลั้นไม่อยู่ ตรวจร่างกายทั่วไป และตรวจทางทวารหนัก (DRE) เพื่อประเมินขนาดและลักษณะของต่อมลูกหมาก
  2. ตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) เพื่อหาสาเหตุอื่นที่ทำให้ปัสสาวะผิดปกติ เช่น การติดเชื้อ นิ่ว หรือโรคไต ตรวจดูเม็ดเลือดหรือเชื้อโรคในปัสสาวะ เพื่อแยกจากโรคอื่นที่มีอาการคล้ายกัน
  3. ตรวจเลือด (PSA Test) วัดระดับสาร PSA ซึ่งอาจสูงขึ้นเมื่อมีภาวะต่อมลูกหมากโต อักเสบ หรือติดเชื้อ ใช้ช่วยแยกความแตกต่างระหว่างต่อมลูกหมากโตธรรมดา มะเร็งต่อมลูกหมาก และต่อมลูกหมากอักเสบ หากค่า PSA สูง แพทย์อาจตรวจเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวด์ หรือเจาะชิ้นเนื้อ
  4. ตรวจปริมาณปัสสาวะคงค้าง (Post-Void Residual: PVR) ตรวจด้วยอัลตราซาวด์หรือสายสวน เพื่อดูว่าหลังปัสสาวะแล้วยังมีปัสสาวะตกค้างหรือไม่ หากมีปริมาณคงค้างมาก แสดงว่ามีการอุดกั้น อาจเสี่ยงติดเชื้อหรือไตเสื่อม
  5. ตรวจการไหลของปัสสาวะ (Uroflowmetry) ให้ผู้ป่วยปัสสาวะลงในเครื่องที่วัดอัตราการไหล ความแรง และปริมาณได้ ช่วยประเมินระดับการอุดกั้นและความรุนแรงของโรค เพื่อใช้วางแผนการรักษา
  6. ส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ (Cystoscopy) ใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าทางท่อปัสสาวะเพื่อตรวจดูต่อมลูกหมากและกระเพาะปัสสาวะโดยตรง ใช้เมื่อต้องประเมินอย่างละเอียดก่อนผ่าตัด หรือแยกโรคอื่นที่มีอาการคล้ายกัน แม้อาจรู้สึกไม่สบายตัว แต่เป็นวิธีที่ให้ข้อมูลชัดเจนที่สุดในการวินิจฉัย

วิธีรักษาต่อมลูกหมากโต

วิธีรักษาต่อมลูกหมากโต

การรักษาต่อมลูกหมากโตในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ขนาดของต่อมลูกหมาก และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 แนวทาง ดังนี้

1. รักษาต่อมลูกหมากโตโดยการปรับพฤติกรรม

เหมาะกับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง แพทย์มักแนะนำให้เริ่มจากการปรับพฤติกรรม เช่น

  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากก่อนนอน
  • ลดการดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ เพราะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
  • ฝึกขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel exercise) เพื่อควบคุมการปัสสาวะ
  • ปัสสาวะให้สุดทุกครั้ง และไม่กลั้นปัสสาวะบ่อย
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อติดตามอาการและขนาดของต่อมลูกหมาก

2. รักษาต่อมลูกหมากโตโดยการใช้ยา

หากอาการรบกวนชีวิตประจำวัน แพทย์จะให้ยารักษา โดยมียาหลัก 2 กลุ่มคือ

  • ยาคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก (Alpha-blockers) เช่น Tamsulosin, Alfuzosin ช่วยให้ปัสสาวะได้คล่องขึ้น ลดอาการปัสสาวะขัดหรือไหลสะดุด
  • ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก (5-Alpha Reductase Inhibitors) เช่น Finasteride, Dutasteride ใช้ในรายที่ต่อมลูกหมากโตมาก โดยยาจะช่วยยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากโต ทำให้ขนาดต่อมลดลงในระยะยาว

บางกรณีแพทย์อาจใช้ยาทั้งสองกลุ่มร่วมกันเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

3. รักษาต่อมลูกหมากโตโดยไม่ต้องผ่าตัด

ทางเลือกใหม่สำหรับรักษาต่อมลูกหมากโต ในผู้ที่ไม่อยากผ่าตัดใหญ่ หรือไม่สามารถดมยาสลบได้ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่หลายแบบที่ช่วยรักษาได้ เช่น

  • รักษาได้ด้วยเทคโนโลยี Rezum™ (Water Vapor Therapy) ใช้ไอน้ำร้อนพลังงานสูงส่งเข้าไปในต่อมลูกหมาก เพื่อทำลายเนื้อเยื่อส่วนเกินให้ฝ่อและหดตัวลง ช่วยให้น้ำปัสสาวะไหลคล่องขึ้น ใช้เวลาทำไม่นาน และฟื้นตัวเร็ว
  • UroLift® System ใช้คลิปเล็กๆ ยึดเปิดทางเดินปัสสาวะ ไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อ เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาแบบไม่กระทบสมรรถภาพทางเพศ
  • Prostatic Artery Embolization (PAE) เป็นการอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมหดตัวลง เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัด

4. รักษาต่อมลูกหมากโตโดยหัตถการหรือการผ่าตัด

ใช้ในกรณีที่อาการรุนแรง ยาไม่ได้ผล หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปัสสาวะไม่ออก หรือมีปัสสาวะค้างมาก โดยมีหลายวิธี เช่น

  • การส่องกล้องผ่าตัดต่อมลูกหมาก (TURP: Transurethral Resection of the Prostate) เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากส่วนเกินออกผ่านท่อปัสสาวะ
  • การใช้พลังงานเลเซอร์ (Laser Prostate Surgery) ใช้พลังงานเลเซอร์ในการตัดหรือระเหยเนื้อต่อมลูกหมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นตัวเร็วและเสียเลือดน้อย
  • การใส่อุปกรณ์ขยายท่อปัสสาวะ (Prostatic Stent) ใช้ในผู้ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ เพื่อช่วยให้น้ำปัสสาวะไหลสะดวก
  • การผ่าตัดเปิดต่อมลูกหมาก (Open Prostatectomy) ใช้ในรายที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งไม่สามารถทำผ่านกล้องได้

การดูแลและป้องกันต่อมลูกหมากโต

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลินและการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สัมพันธ์กับการขยายตัวของต่อมลูกหมาก
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือโยคะวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 วัน
  • หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะทำงานหนักและเกิดการอักเสบสะสม
  • งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ สารพิษจากบุหรี่และแอลกอฮอล์อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของต่อมลูกหมากและระบบทางเดินปัสสาวะ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้นการขับปัสสาวะ เช่น กาแฟ ชา แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม ในช่วงเย็นหรือก่อนนอน เพราะจะเพิ่มความถี่ปัสสาวะกลางคืน
  • ดื่มน้ำอย่างเหมาะสม ควรจิบน้ำระหว่างวัน ไม่ดื่มปริมาณมากในคราวเดียว และลดการดื่มก่อนเข้านอน เพื่อช่วยลดอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
  • เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพต่อมลูกหมาก เน้นผักผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี และปลาที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมกา 3 (เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู) หลีกเลี่ยงอาหารทอด ไขมันสูง เนื้อแดงมากเกินไป และอาหารแปรรูปที่มีโซเดียมสูง
  • เสริมสารอาหารที่อาจช่วยบำรุงต่อมลูกหมาก อ้างอิงจาก PubMed ในงานวิจัยบางชิ้นพบว่าไลโคปีน (Lycopene) จากมะเขือเทศสุก ซอว์พาล์เมตโต (Saw Palmetto) และ สังกะสี (Zinc) อาจช่วยลดการอักเสบและชะลอการโตของต่อมลูกหมากได้ (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้)
  • จัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ความเครียดเรื้อรังมีผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย และอาจเร่งให้ต่อมลูกหมากโตเร็วกว่าปกติ
  • ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต่อมลูกหมาก

ต่อมลูกหมากโตกับมะเร็งต่อมลูกหมาก แตกต่างกันอย่างไร?

แม้ทั้งสองภาวะเกิดในต่อมลูกหมากเหมือนกัน แต่มีความต่างกันชัดเจน

  • ต่อมลูกหมากโต (BPH) เป็นภาวะไม่ใช่มะเร็ง เกิดจากเซลล์ต่อมลูกหมากเพิ่มจำนวน ทำให้ต่อมขยายใหญ่ขึ้น กดทับท่อปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะไม่สุด มักไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก เกิดจากเซลล์ผิดปกติแบ่งตัวไม่ควบคุม กลายเป็นก้อนเนื้อร้ายที่สามารถลุกลามไปอวัยวะอื่น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ถือเป็นโรคร้ายแรง

แม้อาการบางอย่างอาจคล้ายกัน แต่ความรุนแรงและผลกระทบต่างกัน ต่อมลูกหมากโตมักเริ่มจากอาการเล็กน้อย ส่วนมะเร็งต่อมลูกหมากต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วเพื่อป้องกันการลุกลาม

ตรวจคัดกรอง รักษาต่อมลูกหมากโตที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ตรวจคัดกรอง รักษาต่อมลูกหมากโตที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลวิภาวดี ให้บริการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (BPH) โดยเริ่มจากการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ พร้อมรักษาเบื้องต้นด้วยการให้ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรักษาด้วยยา หรือเลือกใช้วิธีรักษาต่อมลูกหมากโตแบบทางเลือกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น การรักษาด้วยไอน้ำ Rezum™ (Water Vapor Therapy), UroLift® System และพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน

สรุป

ต่อมลูกหมากโตคือภาวะต่อมลูกหมากขยายใหญ่ พบมากในผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการคือปัสสาวะบ่อย ขัด หรือไม่สุด สาเหตุหลักมาจากฮอร์โมนเพศชาย พันธุกรรม และปัจจัยสุขภาพ การวินิจฉัยเพื่อตรวจหานั้นเริ่มที่ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ปัสสาวะ ตรวจเลือด ปัสสาวะคงค้าง การไหลของปัสสาวะ และส่องกล้อง ในแนวทางการรักษาขึ้นกับความรุนแรง ได้แก่ ปรับพฤติกรรม ใช้ยา หรือทางเลือกใหม่รักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น Rezum™, UroLift® System และการผ่าตัดหากอาการรุนแรง ในส่วนของการป้องกันควรควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหาร ลดเครื่องดื่มกระตุ้นปัสสาวะ และตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยในการลดความเสี่ยงจากต่อมลูกหมากโตได้

หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจและรักษาต่อมลูกหมากโต อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อระบบทางเดินปัสสาวะ การตรวจและติดตามอาการตั้งแต่ระยะแรกรักษาได้ มาที่ศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ตรวจวินิจฉัยต่อมลูกหมากโตเพื่อที่จะรักษาได้ทันตั้งแต่เนิ่นๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อได้ที่ โทร. 02-561-1111

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

มาทำความเข้าใจเรื่องต่อมลูกหมากโตกันสักนิด เพื่อให้คุณรู้จักอาการ การตรวจ และแนวทางดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น!

ต่อมลูกหมากโต รักษาหายไหม?

ต่อมลูกหมากโตไม่สามารถหายเองได้ แต่สามารถควบคุมอาการและชะลอการโตได้ด้วยยา หรือเลือกรักษาแบบทางเลือกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด หากอาการรุนแรงอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการใช้เลเซอร์ ซึ่งสามารถช่วยให้ปัสสาวะเป็นปกติและคุณภาพชีวิตดีขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนของต่อมลูกหมากโต หากปล่อยไว้ไม่รักษา

อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปัสสาวะไม่ออก การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือแม้กระทั่งไตทำงานผิดปกติ การป้องกันที่ดีที่สุดคือสังเกตอาการและเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และสามารถรักษาได้

ต่อมลูกหมากโต ห้ามกินยาอะไร?

ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตควรระวังยาแก้แพ้บางชนิด ยาลดน้ำมูก และยาที่มีผลต่อกล้ามเนื้อเรียบของท่อปัสสาวะ เพราะอาจทำให้อาการปัสสาวะลำบากแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาใหม่ทุกครั้ง

การผ่าตัดต่อมลูกหมากโต มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?

ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับวิธีการผ่าตัดและสถานพยาบาล เข้าตรวจคัดกรอง รับคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีรักษาที่เหมาะสมได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี

รีวิวจากคนไข้

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์รักษาต่อมลูกหมากโต ไม่ผ่าตัด ทางเลือกใหม่!