ผ่าตัดไส้ติ่ง: การเตรียมตัวและฟื้นตัวอย่างปลอดภัย

Key Takeaway

  • ไส้ติ่งอักเสบคือภาวะที่ไส้ติ่งซึ่งเป็นถุงเล็กๆ ติดกับลำไส้ใหญ่ เกิดการอักเสบและบวม ทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ หรือมีไข้ หากไม่รักษาอาจแตกและติดเชื้อรุนแรงได้
  • ไส้ติ่งอักเสบเกิดจากการอุดตันภายในไส้ติ่ง เช่น เศษอาหาร ก้อนอุจจาระ หรือเนื้องอก ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตและทำให้ไส้ติ่งอักเสบ นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยง เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดได้
  • การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมี 2 แบบหลักๆ คือการผ่าตัดแบบเปิด (Open Appendectomy) และการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Appendectomy) ซึ่งแพทย์จะเลือกวิธีตามความเหมาะสมของผู้ป่วยและอาการของโรค

การรักษาอาการไส้ติ่งอักเสบที่พบได้บ่อยและเป็นเหตุฉุกเฉินที่ต้องได้รับการผ่าตัดทันที แต่ก่อนเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งควรเตรียมตัวอย่างไร รู้ความเสี่ยง และวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดให้ฟื้นตัวเร็ว รวมคำแนะนำจากโรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อให้คุณพร้อมและปลอดภัยในทุกขั้นตอน

ไส้ติ่งอักเสบคืออะไร

ไส้ติ่งอักเสบคืออะไร? 

ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) คือภาวะที่ไส้ติ่งซึ่งเป็นอวัยวะเล็กๆ ต่อออกมาจากลำไส้ใหญ่ส่วนต้นอักเสบ มักเกิดจากการอุดตันภายในไส้ติ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียเพิ่มจำนวนและก่อให้เกิดการติดเชื้อ ไส้ติ่งอักเสบมักแสดงอาการปวดท้องเฉียบพลันโดยเฉพาะบริเวณท้องด้านล่างขวา หากไม่ได้รับการรักษาไส้ติ่งสามารถแตกหรือทะลุ ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายเข้าไปในช่องท้อง ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงหรือเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิตได้ ไส้ติ่งอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยต้น

สาเหตุของไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งอักเสบเกิดจากหลายสาเหตุที่ทำให้ไส้ติ่งเกิดการอักเสบและติดเชื้อ การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและสังเกตอาการได้อย่างทันท่วงที

การอุดตันของช่องไส้ติ่ง

การอุดตันของช่องไส้ติ่งคือสภาพที่ช่องว่างภายในไส้ติ่งเกิดการตัน ทำให้ไส้ติ่งไม่สามารถระบายของเหลวและสิ่งต่างๆ ออกจากตัวเองได้ สิ่งกีดขวางนี้อาจเกิดจากสิ่งเหล่านี้

  • ก้อนอุจจาระแข็ง หรือเศษอาหารที่สะสมอยู่
  • เซลล์เมือกหรือหนอง ที่เกิดจากการอักเสบเล็กน้อย
  • พยาธิหรือสิ่งแปลกปลอม ที่เข้าไปในไส้ติ่ง

เมื่อเกิดการอุดตัน เชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ก็จะเจริญเติบโตภายในไส้ติ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอักเสบ บวม และความดันภายในไส้ติ่งเพิ่มขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา ไส้ติ่งอาจแตกทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังช่องท้องและเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

ปัจจัยเสี่ยงเสริม

ปัจจัยเสี่ยงเสริมหมายถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจทำให้บุคคลมีโอกาสเกิดไส้ติ่งอักเสบมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง แต่มีบทบาทเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการอักเสบของไส้ติ่งได้ ปัจจัยเสริมหลักๆ ได้แก่

  • อายุและเพศ ไส้ติ่งอักเสบพบมากในวัยรุ่นถึงวัยกลางคน และมีโอกาสเกิดในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย
  • ประวัติครอบครัว หากคนในครอบครัวเคยมีไส้ติ่งอักเสบ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงทางพันธุกรรม
  • การติดเชื้อทางเดินอาหาร การติดเชื้อบางชนิดอาจทำให้การอักเสบในลำไส้เพิ่มขึ้นและทำให้ไส้ติ่งอุดตันง่ายขึ้น
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหาร อาหารที่มีกากใยน้อย ทำให้การเคลื่อนตัวของอุจจาระช้าลง เพิ่มโอกาสการสะสมและอุดตันในไส้ติ่ง

การเข้าใจปัจจัยเสี่ยงเสริมเหล่านี้ช่วยให้สามารถสังเกตตัวเองและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การรับประทานอาหารมีกากใยเพียงพอ หรือสังเกตอาการปวดท้องที่ผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ

อาการไส้ติ่งอักเสบที่พบบ่อย

อาการไส้ติ่งอักเสบที่พบบ่อย

ไส้ติ่งอักเสบอาการแรกเริ่มไม่เฉพาะเจาะจง ทำให้สังเกตยากในระยะแรก แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาการจะทวีความรุนแรงและชัดเจนขึ้น การสังเกตอาการที่พบบ่อยช่วยให้สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา

  • ปวดท้องเฉพาะจุด มักเริ่มจากรอบสะดือแล้วเลื่อนไปที่ด้านล่างขวาของท้อง ปวดต่อเนื่องและรุนแรงขึ้นเมื่อกด
  • คลื่นไส้อาเจียน รู้สึกอยากอาเจียนหรืออาเจียนร่วมกับปวดท้อง
  • เบื่ออาหารและมีไข้ต่ำๆ อาจรู้สึกอ่อนเพลีย กินอาหารได้น้อย และมีไข้เล็กน้อย
  • ท้องเสียหรือท้องผูกร่วมด้วย ในบางรายอาจมีการเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาหาร

การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบ

การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบเริ่มจากการประเมินอาการและตรวจร่างกายอย่างละเอียด เนื่องจากอาการในระยะแรกอาจคล้ายกับโรคอื่นๆ แพทย์จึงใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

  1. ซักประวัติอาการ แพทย์สอบถามเรื่องอาการปวดท้อง ลักษณะการปวด เวลาที่เริ่มปวด อาการร่วม เช่น คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร หรือไข้
  2. ตรวจร่างกาย กดบริเวณท้องเพื่อหาจุดปวดเฉพาะ (มักอยู่ด้านล่างขวา) สังเกตอาการปวดลึก การตึงของหน้าท้อง และสัญญาณอื่นๆ ของการอักเสบ
    ตรวจเลือดและปัสสาวะ ตรวจหาสัญญาณการติดเชื้อ เช่น จำนวนเม็ดเลือดขาวสูง และแยกโรคอื่นที่มีอาการคล้ายกัน
  3. ตรวจภาพทางการแพทย์ ใช้ อัลตราซาวนด์ หรือ CT scan เพื่อดูการอักเสบของไส้ติ่งและหาสาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้ปวดท้อง

การวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและแม่นยำสำคัญมาก เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ไส้ติ่งแตกหรือการติดเชื้อในช่องท้อง

การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมีกี่แบบ?

การผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมีกี่แบบ?

เมื่อวินิจฉัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ แพทย์จะพิจารณาการรักษาโดยเร็วเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน การรักษาสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสภาพร่างกายของผู้ป่วย

การให้ยาปฏิชีวนะ

การให้ยาปฏิชีวนะมักใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการไส้ติ่งอักเสบไม่รุนแรง หรือมีข้อจำกัดทางสุขภาพที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ทันที ยาจะช่วยลดการติดเชื้อและควบคุมการอักเสบ โดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาทางหลอดเลือดดำในโรงพยาบาลก่อน อาจต่อด้วยยารับประทานที่บ้าน อาการจะต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด หากไม่ดีขึ้นหรือมีภาวะแทรกซ้อน อาจจำเป็นต้องผ่าตัดต่อ

การผ่าตัดแบบเปิด (Open Appendectomy) 

การผ่าตัดแบบเปิดเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้มานาน แพทย์จะทำแผลขนาดประมาณ 5-10 เซนติเมตรบริเวณท้องด้านล่างขวา จากนั้นตัดไส้ติ่งออกโดยตรง วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่ไส้ติ่งแตกหรือมีการติดเชื้อรุนแรง เพราะสามารถทำความสะอาดภายในช่องท้องได้ชัดเจน ข้อเสียคือแผลใหญ่ เจ็บหลังผ่าตัดมากกว่า และฟื้นตัวช้ากว่าการส่องกล้อง

การผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Appendectomy)

การผ่าตัดส่องกล้องไส้ติ่งเป็นวิธีผ่าตัดที่ใช้กล้องขนาดเล็กและเครื่องมือเฉพาะทางผ่านแผลเล็ก 2–3 จุดบริเวณหน้าท้อง แทนการผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ แพทย์จะสอดกล้องเข้าไปในช่องท้องเพื่อดูไส้ติ่งและอวัยวะรอบๆ จากนั้นใช้เครื่องมือขนาดเล็กตัดและเอาไส้ติ่งออก วิธีนี้มีข้อดีคือทำให้เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว กลับบ้านได้เร็ว และรอยแผลเล็ก ลดความเสี่ยงการติดเชื้อและแผลเป็นใหญ่ แต่ในกรณีไส้ติ่งแตกหรือมีพยาธิสภาพซับซ้อน แพทย์อาจต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดเปิดแทน

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดไส้ติ่ง

ก่อนผ่าตัดไส้ติ่ง ผู้ป่วยควรเตรียมตัวให้ร่างกายและสภาพร่างกายพร้อม เพื่อให้การผ่าตัดปลอดภัยและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน

  • งดอาหารและน้ำ ตามคำแนะนำแพทย์มักงดอาหาร 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงสำลักขณะดมยาสลบ
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว เพื่อให้แพทย์วางแผนยาสลบและการรักษาอย่างปลอดภัย
  • เตรียมร่างกายและจิตใจ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สวมเสื้อผ้าที่สะดวก และเตรียมใจก่อนเข้าห้องผ่าตัด
  • ตรวจร่างกายและห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจเลือด ปัสสาวะ และอาจถ่ายภาพทางการแพทย์เพื่อประเมินความพร้อม

การพักฟื้นและการดูแลหลังผ่าตัดไส้ติ่ง

หลังผ่าตัดไส้ติ่ง การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ และกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น

  • พักผ่อนเพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักหรือยกของหนักประมาณ 1-2 สัปดาห์ตามคำแนะนำแพทย์
  • ดูแลแผลผ่าตัด รักษาความสะอาดของแผล เปลี่ยนผ้าปิดแผลตามคำแนะนำ และสังเกตอาการบวม แดง หรือหนอง
  • ควบคุมอาหารและน้ำ รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย ดื่มน้ำเพียงพอ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยและร่างกายฟื้นตัว
  • ติดตามอาการและนัดพบแพทย์ หากมีไข้สูง ปวดท้องรุนแรง แผลแดงหรือมีหนอง ควรไปพบแพทย์ทันที

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

หลายคนอาจกังวลว่าผ่าตัดไส้ติ่งอันตรายไหม? การผ่าตัดไส้ติ่งเป็นขั้นตอนที่ปลอดภัยและทำเป็นประจำ แม้มีความเสี่ยงบางประการ ซึ่งควรสังเกตอาการและเข้าพบแพทย์ทันทีหากเกิดปัญหา

  • การติดเชื้อแผลผ่าตัด แผลแดง บวม รู้สึกเจ็บมาก หรือมีหนองไหล ต้องรีบพบแพทย์
    เลือดออกภายในหรือรอบแผล สังเกตว่ามีเลือดไหลออกมากกว่าปกติหรือเขียวช้ำรุนแรง
  • ฝีในช่องท้อง อาจเกิดหนองสะสมภายในช่องท้อง ทำให้ปวดท้อง ไข้สูง และคลื่นไส้อาเจียน
  • พังผืดในลำไส้ (Adhesion) รบกวนการเคลื่อนตัวของลำไส้ อาจทำให้ท้องอืด ปวด หรือท้องผูกเรื้อรัง
  • ภาวะแทรกซ้อนจากยาสลบ เช่น คลื่นไส้ เวียนศีรษะ หรือปัญหาระบบทางเดินหายใจในกรณีเฉพาะ

โดยรวมแล้วถ้าได้รับการผ่าตัดโดยแพทย์มากประสบการณ์และดูแลหลังผ่าตัดดี ความเสี่ยงรุนแรงเกิดได้น้อยมาก

ผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ภาวะไส้ติ่งอักเสบถือเป็นเหตุฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและปลอดภัย เข้ารับบริการที่ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการผ่าตัดไส้ติ่งทั้งแบบเปิด (Open Appendectomy) และแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Appendectomy) โดยดำเนินการโดยศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ครบครัน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ปลอดภัย รวดเร็ว และฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

ไส้ติ่งอักเสบคือภาวะที่ไส้ติ่งเกิดการอักเสบ มักเกิดจากการอุดตันภายใน ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญและติดเชื้อ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องเฉียบพลันด้านล่างขวา คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และไข้ หากไม่ได้รับการรักษาไส้ติ่งอาจแตกและเกิดการติดเชื้อรุนแรง การวินิจฉัยทำโดยซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเลือดหรือภาพทางการแพทย์ การรักษามีทั้งใช้ยาปฏิชีวนะ สำหรับอาการไม่รุนแรง และการผ่าตัด ทั้งแบบเปิดและส่องกล้องเพื่อเอาไส้ติ่งออก หลังผ่าตัดควรพักผ่อน ดูแลแผล และรับประทานอาหารอ่อน

สนใจตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยง หรือเข้ารับการรักษาผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบที่ศูนย์ศัลยกรรม ให้บริการผ่าตัดไส้ติ่งทั้งแบบเปิดและแบบส่องกล้องโดยศัลยแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมเทคโนโลยีครบครัน เพื่อการรักษาที่ปลอดภัยและฟื้นตัวเร็ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย! ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อได้ที่ โทร. 02-561-1111

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัดไส้ติ่งมากขึ้น มาดูคำถามที่หลายคนมักสงสัยพร้อมคำตอบกัน

ผ่าตัดไส้ติ่งกี่ชั่วโมง?

เวลาผ่าตัดไส้ติ่งขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้และความซับซ้อนของอาการ โดยทั่วไปการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ส่วนการผ่าตัดแบบเปิด อาจใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย โดยแพทย์จะวางแผนให้ราบรื่นและปลอดภัยที่สุด

ผ่าตัดไส้ติ่งต้องนอนโรงพยาบาลกี่วัน?

ระยะเวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลขึ้นกับความรุนแรงและวิธีผ่าตัด การผ่าตัดส่องกล้อง ผู้ป่วยมักพัก 1-2 วัน ส่วนการผ่าตัดแบบเปิด อาจต้องนอน 2-4 วัน เพื่อสังเกตอาการและดูแลแผลให้ปลอดภัย แล้วการผ่าตัดไส้ติ่งแตกพักฟื้นกี่วัน ต้องพักฟื้นนานกว่าไส้ติ่งอักเสบปกติ ส่วนใหญ่ต้องพีกที่โรงพยาบาลประมาณ 5-10 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน เพราะร่างกายต้องฟื้นตัวจากการติดเชื้อและการอักเสบที่ลุกลาม

ผ่าตัดไส้ติ่งกินอะไรได้บ้าง?

ควรงดอาหารแข็งและมื้อหนัก เพื่อป้องกันอาหารย้อนเข้าปอดระหว่างดมยาสลบ สามารถดื่มน้ำหรือของเหลวใสได้นิดหน่อยตามคำแนะนำแพทย์ หลังผ่าตัดไส้ติ่งควรกินอาหารย่อยง่ายและอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป ผักต้ม ผลไม้ที่นิ่ม และโปรตีนเบาๆ เช่น ไก่ ปลา ไข่ เต้าหู้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน ของทอด และเผ็ดจัด เพื่อป้องกันท้องอืดหรือท้องผูก และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น

เด็กสามารถผ่าตัดไส้ติ่งได้ไหม?

ไส้ติ่งอักเสบสามารถเกิดในเด็กได้เช่นกัน และเด็กสามารถผ่าตัดไส้ติ่งได้อย่างปลอดภัย แพทย์จะปรับปริมาณยาสลบและอุปกรณ์ให้เหมาะกับวัยและน้ำหนักของเด็ก พร้อมดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการ

ผ่าตัดไส้ติ่งมีโอกาสกลับมาเป็นอีกไหม?

หลังผ่าตัดไส้ติ่งแล้วโอกาสกลับมาเป็นซ้ำแทบไม่มี เพราะไส้ติ่งถูกตัดออกแล้ว แต่การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด เช่น รักษาความสะอาดของแผลและติดตามอาการตามคำแนะนำแพทย์ จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้

รีวิวจากคนไข้

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111


ทีมแพทย์ผ่าตัดไส้ติ่ง: การเตรียมตัวและฟื้นตัวอย่างปลอดภัย