Key Takeaway
ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยให้เรามองเห็นได้ชัดเจน แต่หลายครั้งอาการผิดปกติเล็กๆ อย่างตาขี้เกียจกลับถูกมองข้าม เพราะมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจส่งผลต่อการมองเห็นและพัฒนาการสายตาโดยเฉพาะในเด็กได้ การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาให้กลับมามองเห็นปกติ เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักสามารถป้องกันและดูแลสายตาได้ทันเวลา
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%206%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%88)_1.jpg)
ตาขี้เกียจ (Amblyopia) คือภาวะที่สายตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างมีการมองเห็นลดลง แม้ว่าสายตาจะไม่มีปัญหาที่โครงสร้างตาโดยตรงก็ตาม ภาวะนี้มักเกิดจากสายตาไม่เท่ากัน เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าข้างอื่น รวมถึงอาจเกิดจากตาเหล่ ซึ่งทำให้ลูกตาไม่ได้มองไปในทิศทางเดียวกัน หรือปัญหาอื่นๆ ในวัยเด็ก เช่น การเกิดต้อกระจกแต่กำเนิด
หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เด็กสมองจะไม่พัฒนาการมองเห็นจากตาข้างที่อ่อน ทำให้เกิดปัญหาสายตาถาวรและกระทบต่อความสามารถในการมองเห็นในระยะยาว การตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญต่อการป้องกันผลกระทบต่อการมองเห็นในอนาคต
ตาขี้เกียจมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้สายตาไม่ได้พัฒนาอย่างปกติในวัยเด็ก หากไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้การมองเห็นถาวรเสียหายได้ สาเหตุหลักๆ มีดังนี้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%206%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%88)_2.jpg)
โดยปกติแล้วตาขี้เกียจอาการที่สังเกตได้หลักๆ คือข้างใดข้างหนึ่งมองเห็นไม่ชัดเจน เกิดจากพัฒนาการมองเห็นช้ากว่าปกติ ทำให้สมองมักพึ่งพาตาอีกข้างมากกว่า ซึ่งสามารถสังเกตได้ตั้งแต่ช่วงเด็กเล็ก ซึ่งสามารถสังเกตอาการตาขี้เกียจในเด็ก และตาขี้เกียจในผู้ใหญ่ได้ดังนี้
เด็กที่มีตาขี้เกียจมักแสดงอาการต่างๆ ดังนี้
แม้ว่าตาขี้เกียจส่วนใหญ่จะตรวจพบในเด็ก แต่ในผู้ใหญ่ก็อาจพบได้ โดยอาการมักแตกต่างเล็กน้อยดังนี้
การวินิจฉัยตาขี้เกียจต้องตรวจหลายขั้นตอน เพราะบางครั้งอาการอาจไม่ชัดเจน แพทย์จะประเมินทั้งสายตา การมองเห็น และการทำงานร่วมกันของตา โดยมีวิธีดังนี้
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%206%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%88)_3.jpg)
การรักษาตาขี้เกียจมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ตาข้างที่อ่อนพัฒนาการมองเห็นให้ดีขึ้น โดยวิธีการรักษาจะแตกต่างกันระหว่างเด็กและผู้ใหญ่
/Vibhavadi%20Hospital%20-%20Aug%20Article%206%20(%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%88)_4.jpg)
การป้องกันและดูแลตาขี้เกียจเน้นการตรวจติดตามสายตาและกระตุ้นการมองเห็นตั้งแต่เด็ก รวมถึงการดูแลสายตาผู้ใหญ่เพื่อรักษาคุณภาพการมองเห็น
การรักษาตาขี้เกียจควรเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ดวงตาที่อ่อนแอกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงปกติ ศูนย์จักษุโรงพยาบาลวิภาวดี มีจักษุแพทย์มากประสบการณ์ ที่พร้อมวินิจฉัยและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดทำ โปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล สำหรับแต่ละเด็ก โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่น การปิดตาข้างที่ดีเพื่อกระตุ้นตาขี้เกียจ การฝึกสายตา และการใช้แว่นตาหรืออุปกรณ์เสริมตามความเหมาะสม เพื่อฟื้นฟูการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติก่อนที่จะเกิดผลกระทบถาวร การเข้ารับคำปรึกษาและการรักษาอย่างต่อเนื่องจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาสายตาที่อาจตามมาในอนาคต
ตาขี้เกียจคือภาวะที่ตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างมองเห็นไม่ชัด แม้โครงสร้างตาจะปกติ มักเกิดจากตาเหล่ สายตาไม่เท่ากัน ภาวะตาขาวหรือจอตาไม่ปกติ และปัจจัยทางพันธุกรรม อาการหลักคือ มองไม่ชัด เอียงหัว ขมวดคิ้ว หรือประสานงานตาสองข้างไม่ดี การวินิจฉัยใช้การตรวจวัดสายตา ตรวจโครงสร้างตา ทดสอบการประสานสายตา ตรวจสายตาด้วยยา และประเมินพฤติกรรมเด็กเล็ก การรักษาในเด็กเน้นใส่แว่น ปิดตาข้างที่ดี ยาหยอดตา และฝึกสายตา ส่วนผู้ใหญ่เน้นฝึกสายตา ใส่แว่น และผ่าตัดในบางกรณี
ตาขี้เกียจอาจส่งผลต่อการมองเห็นอย่างถาวร หากปล่อยไว้ไม่รักษา โรงพยาบาลวิภาวดี มีจักษุแพทย์พร้อมโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล ช่วยฟื้นฟูการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติก่อนสายเกินไป การรักษาดำเนินการโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการดูแลทุกปัญหาสายตาอย่างมืออาชีพ สนใจตรวจหรือต้องการรักษาตา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี หรือติดต่อ โทร. 02-561-1111
เพื่อให้เข้าใจเรื่องตาขี้เกียจมากขึ้น เรามาดูคำถามที่พบบ่อยและคำตอบที่ช่วยให้ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ดูแลสายตาได้อย่างถูกต้อง
หากไม่รักษา ตาข้างที่อ่อนจะไม่พัฒนาการมองเห็น ส่งผลให้การมองเห็นถาวรลดลง และอาจกระทบความสามารถมองลึกและประสานงานตาสองข้าง ควรพาเด็กไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจและเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
ตาขี้เกียจไม่สามารถหายเองได้ ต้องได้รับการรักษา เช่น ใส่แว่น ปิดตาข้างที่ดี หรือฝึกสายตา การรักษาเร็วจะเพิ่มโอกาสฟื้นฟูการมองเห็นให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โอกาสกลับมาเป็นซ้ำจะน้อย แต่หากหยุดใส่แว่นหรือฝึกสายตาก่อนครบกำหนด อาจทำให้ตาข้างที่อ่อนกลับมาใช้ไม่เต็มที่ ควรติดตามการมองเห็นตามคำแนะนำแพทย์
เด็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณ 7 ขวบ มีความเสี่ยงสูงที่สุด เพราะสมองกำลังพัฒนาการมองเห็น หากพบความผิดปกติของสายตาหรือตาเหล่ ควรพาไปตรวจสายตาโดยจักษุแพทย์เด็กทันที
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved