‘พล.อ.นพ. บุญเลิศ จันทราภาส’
อุปนายกสมาคมแพทย์ฝังเข็มและสมุนไพรแห่งประเทศไทย ซึ่งนำศาสตร์ด้านการฝังเข็มมาใช้ในการรักษาเพื่อความงาม
เรื่องของปัญหาผิวพรรณ พูดกี่ครั้งก็ไม่มีวันจบสิ้น การรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทาครีม กินวิตามิน ทำทรีตเมนต์ หรือแม้กระทั่งเลเซอร์ ก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า วิธีการเหล่านี้จะแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และล้วนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หรือการบรรเทาเท่านั้น แต่ปัญหาผิวหนัง สาเหตุสำคัญที่แท้จริงมาจากระบบต่างๆ ภายในร่างกาย หรือระบบหมุนเวียนของเลือด ทั้งปัญหา สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย และอื่นๆ อีกมากมายนานับประการ
นอกจากปัญหาผิวพรรณเรื้อรัง อย่างสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย (หรือเลยวัยไปแล้วนั้น !) ปัญหารูปร่างก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สาวๆต้องประสบพบเจอ ทั้งเซลลูไลท์ ไขมันส่วนเกิน สัดส่วนที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายทั้งปวง แล้วถ้าเรามีวิธีการรับมือป้องกันและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดล่ะ คงจะดีไม่น้อยเลยใช่มั๊ย เพราะฉะนั้นเรามาฟื้นฟูผิวของเราจากภายในด้วยการ “ฝังเข็ม” ศาสตร์ทางเลือกในการดูแลด้านความงามที่มีมานานกว่าห้าพันปีกันดีกว่า
เราไปพิสูจน์คำตอบปัญหาผิวไปพร้อมๆ กัน กับ พล.อ.นพ.บุญเลิศ จันทราภาส ศัลยแพทย์ระบบประสาทวิทยา โรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งนอกจากท่านจะมีความเชี่ยวชาญทางด้านศัลยแพทย์ระบบประสาทแล้ว ท่านยังศึกษาเพิ่มเติมทางด้านการฝังเข็มทางระบบประสาท สมองและไขสันหลัง อีกทั้งยังศึกษาเพิ่มเติมและผ่านการอบรมทางด้านการฝังเข็มเพื่อความงามมาแล้ว โดยมีตำแหน่งถึงรองอุปนายกสมาคมแพทย์ฝังเข็มและสมุนไพรแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงความเชี่ยวชาญทางด้านนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการฝังเข็ม อีกท่านหนึ่งของเมืองไทยที่น่าจับตามองเลยทีเดียว แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยแพทย์ระบบประสาทท่านนี้สนใจศาสตร์ของการฝังเข็ม หาคำตอบได้ในคอลัมน์นี้
รู้จักคุณหมอให้มากขึ้น
“ผมจบแพทย์ศาสตร์จากศิริราช และได้ศึกษาเพิ่มเติมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมประสาทจากโรงพยาบาลประสาท เดิมทีผมเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 9 ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่แพทย์ทหารมีความขาดแคลนซึ่งเป็นช่วงคอมมิวนิสต์ เลยได้ส่งนักเรียนเตรียมทหารเข้ามาศึกษาทางการแพทย์ หลังจากผมจบการศึกษาก็รับราชการที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จนก้าวขึ้นเป็นผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นเวลา 3 ปี และเป็นเจ้ากรมแพทย์ ช่วงแรกที่ได้ทำก็จะเป็นในส่วนของงานผ่าตัดด้านศัลยกรรมประสาทก็คือ เรื่องของสมองและไขสันหลัง และได้ไปศึกษาต่อทางด้านการผ่าตัดด้วยกล้องที่มหาวิทยาลัยนิสโซต้า อยู่ 1 ปี และกลับมารับราชการต่อ หลังจากนั้นก็ก้าวขึ้นเป็นผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุอยู่ 6 ปี และไปเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าต่อไป”
“นอกจากทำการรักษาด้วยการฝังเข็มที่โรงพยาบาลวิภาวดีแล้ว ผมยังทำการรักษาด้วยการฝังเข็มที่โรงพยาบาลพระมงกุฎในช่วงเช้าวันอังคารและวันพฤหัสฯ และทำนอกเวลาในวันจันทร์ถึงวันศุกร์”
ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จุดประกายศาสตร์ “การฝังเข็ม”
“ในช่วงที่เป็นเจ้ากรมแพทย์ทหารบกได้ทำงานเกี่ยวกับโครงการใน 3 จงหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดชุดแพทย์เป็นแบบโรงพยาบาลเคลื่อนที่ ออกไปทำงาน ซึ่งมีแพทย์ ทันตแพทย์ เจ้าหน้าที่และพยาบาล ไปทำการรักษากันตลอดทั้งเดือน โดยให้ทางส่วนกลางและส่วนภูมิภาคช่วยกันทำงาน โดยใน 1 เดือนพวกเราจะออกไปรักษาพยาบาล 15 ครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงอย่างมาก ช่วงนั้นมีความคิดว่า แพทย์ทหารเราน่าจะได้เรียนและฝึกทางด้านการฝังเข็ม ซึ่งในช่วงนั้นก็มีแพทย์บางส่วนได้ไปเรียนในหลักสูตรของกระทรวงสาธารณะสุข เราตกลงกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อขอหลักสูตรของกระทรวงมาเปิดสอน 1 คอร์ส ที่กรมแพทย์ทหารบก โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแพทย์จีนที่เซี่ยงไฮ้และมหาวิทยาลัยแพทย์จีนเทียนจิน แพทย์ทหารของกรมทหารบกในปัจจุบัน จึงมีจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้ศึกษาทางการฝังเข็มเป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย”
“อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเกิดแนวความคิด อยากให้แพทย์ศึกษาทางด้านการฝังเข็ม เพราะสงครามในบางช่วง ยังขาดแคลนในเรื่องยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ บางทีเราออกไปในพื้นที่เราอาจไม่มียา เราอาจจะมีแค่เข็ม เราก็สามารถที่จะช่วยทำการรักษาเบื้องต้นในยามขาดแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะสงคราม อีกเรื่องหนึ่งที่เราเห็นว่ามีความจำเป็น เราเห็นว่าการฝังเข็มรักษาได้ผลดีมากในเรื่องของช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ซึ่งได้ผลดีมากเพราะช่วยลดการใช้ยาลงได้มาก เพราะยามีผลข้างเคียงค่อนข้างเยอะและอาจก่อให้เกิดปัญหากระเพาะอาหารอักเสบ แต่ถ้าเรามีแพทย์ทหารทางด้านฝังเข็มที่เก่งและสามารถรักษาคนไข้ได้ครั้งละจำนวนมากๆ ปัญหาเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
โปรย
“ผมเป็นแพทย์ยุคเก่า ไม่ค่อยมีหัวการค้า ใช้หลักที่ว่า คนไข้ทุกคนที่เรารักษาเปรียบเสมือนญาติ เพราะฉะนั้นเราต้องให้การรักษาที่ดีที่สุด ถ้าเราไม่เชี่ยวชาญในโรคนั้นๆจริงๆ เราก็ส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเรารักษาและตั้งใจให้เขาหายจริงๆ เขาก็อยากจะมาอีก”
การฝังเข็มรักษาผิวพรรณได้จริงหรือ?
“แพทย์หลายๆ ท่านรวมทั้งที่ประเทศจีนมีความเห็นตรงกันว่า เราสามารถที่จะประยุกต์นำศาสตร์ของการฝังเข็มมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการรักษาทางด้านผิวพรรณและความงาม เช่นเรื่องของการปรับสมดุล การปรับฮอร์โมน การปรับพลังมาร หรือการปรับเลือดลมต่างๆ เพราะสิ่งที่เกิดในสุภาพสตรีไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิว ฝ้า หรืออาการที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่างๆ เมื่อเราได้ได้ฝังเข็มในจุดหรือเส้นลมปราณที่เกี่ยวข้อง ก็จะทำให้รอยเหี่ยวย่น หนังตาตก สิว ฝ้า ต่างๆ ดูจางลง เรียกว่าได้ผลดีมาก”
ฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ด้วยศาสตร์การฝังเข็ม
“สิ่งที่มักจะเป็นปัญหาที่เกิดกับใบหน้าของสตรี มักเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องของระดับฮอร์โมน เลือดลม อารมณ์และเรื่องของความเครียดต่างๆ เช่นบางท่านใช้ยาคุมกำเนิด หรือทำงานเหน็ดเหนื่อยมากๆ จนร่างกายทรุดโทรม สิ่งเหล่านี้ทำให้สภาพผิวต่างๆ ทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ สิว ฝ้า และรอยเหี่ยวย่นเพิ่มมากขึ้น เมื่อเราทราบสาเหตุแล้ว เราก็จะมาปรับระดับฮอร์โมน ความสมดุลของร่างกาย ในศาสตร์จีนมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือ จุดหรือลมปราณต่างๆ ซึ่งเป็นจุดของแต่ละอวัยวะ ถ้ามีจำนวนมากเกินหรือที่เราเรียกกันว่า “อาการคั่ง” ต้องทำให้ลดน้อยลงให้อยู่ในระดับสมดุล หรืออยู่ในระดับกลางนั่นเอง หรือถ้าพร่องหรือขาด เมื่อเรากระตุ้นก็จะช่วยเสริมให้ร่างกายสร้างขึ้นมาทดแทน เพราะฉะนั้นการฝังเข็มจะช่วยเติมเต็มและเพิ่มส่วนที่ขาดได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าร่างกายเรามีความสมดุลในเรื่องของเลือด เกลือแร่ และของฮอร์โมนต่างๆ แล้วนั้น ผิวพรรณก็จะมีสุขภาพดี และร่างกายเราก็จะไม่เจ็บป่วย ไม่เป็นอะไรครับ”
โปรย
“คนไข้ที่หมดหนทางในการรักษาของกลุ่มโรคต่างๆ เราจะช่วยทำให้เขามีความสุขและมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น คนไข้ต้องไม่สิ้นเปลือง ไม่หลงงมงายที่จะใช้จ่ายในการรักษาตนเองและได้รับประโยชน์จากการรักษาอย่างสูงสุด”
วิธีการฝังเข็ม เพื่อรักษาปัญหาผิว
“ปัญหาผิว เรื่อง สิว ฝ้า รอยเหี่ยวย่น จะมีคนไข้มารับการรักษาจำนวนมาก วิธีการรักษา ถ้าในตำราเขาจะให้ทำเป็นคอร์ส คอร์สหนึ่งประมาณ 10 ครั้ง อาจจะทำทุกวัน หรืออาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็ได้ ให้ครบคอร์ส โดยจะใช้ไฟฟ้ากระตุ้นควบคู่กับการฝังเข็มไปด้วย ซึ่งจะช่วยทำให้จุดลมปราณทำงานได้ดีขึ้น การทิ่มลงไปของเข็มจะมีองศาและความลึกของมัน ซึ่งมีสูตรคือ ดิน น้ำ ฟ้า ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละคนด้วย ถ้าคนไข้หายหรือดีขึ้นแล้วก็สามารถหยุดทำได้ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นก็อาจจะหยุดทำไปสัก 1 อาทิตย์เพื่อให้จุดลมปราณมันฟื้นตัวแล้วค่อยกลับมาทำอีกในครั้งต่อไป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนไข้เอง และความพึงพอใจของคนไข้ ซึ่งคนไข้ค่อนข้างมีกระแสตอบรับที่ดี แต่บางรายอาจไม่หายขาด เนื่องจากปัจจัยแวดล้อม หรือฮอร์โมนยังไม่สมดุลซึ่งขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย มันไม่มีโรคอะไรที่รักษาแล้วหายขาด มีแต่ถ้าคุณเสียชีวิตไปเอง นั่นล่ะหายขาดแน่ๆ (หัวเราะ)”
“ขณะนี้ในสถานพยาบาลแต่ละแห่งก็มีแพทย์ฝังเข็มกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ที่ ผมคิดว่าการรักษาโรคด้วยการฝังเข็มจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะการใช้ยามีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก และสิ้นเปลืองทางเศรษฐกิจด้วย”
หมอทางด้านผิวหนัง ยังยกนิ้วให้
“โชคดีที่ผมรู้จักกับหมอทางด้านผิวหนัง ซึ่งเขาเองก็เคยมาเป็นคนไข้ของผม เขาทำแล้วดีขึ้น เขาก็เชื่อถือเราเพราะบางทีเขารักษาคนไข้จนยอมแพ้กับการรักษาด้วยวิธีการใช้เลเซอร์ต่างๆ เขาก็ส่งคนไข้มาให้เรา เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้วยการฝังเข็ม ซึ่งได้ผลดี เพราะมีคนไข้หลายรายที่ผ่านหมอผิวหนังมาแล้ว ทำเลเซอร์ต่างๆ มาแล้ว ซึ่งข้อดีของการฝังเข็มรักษาผิวพรรณบริเวณใบหน้า เป็นการสร้างวงจรใหม่ เหมือนต้นไม้ที่ขาดอาหารไปเลี้ยง ถ้าเราไปกระตุ้นตามจุดต่างๆ ให้เลือดไปเลี้ยงได้ดีขึ้น ก็จะสามารถนำอาหารไปให้และนำพาของเสียออกมา ผมมักจะพูดว่า เป็นเส้นทางให้รถขยะไปเก็บขยะออกมา เพราะฉะนั้นเมื่อร่างกายนำของเสียออกไปแล้ว ร่างกายก็จะสร้างเซลล์ใหม่ๆขึ้นมา พวกสีดำออกไปหมดแล้ว ก็จะค่อยๆ จางแล้วหายเป็นปกติ ด้วยหลักการนี้เอง ศาสตร์ของการฝังเข็ม จึงสามารถนำมารักษา โรคต่างๆ แบบผสมผสานได้ ด้วยเป็นวิธีที่จะทำให้จุดลมปราณต่างๆ ของร่างกายดีขึ้นนั่นเอง”
ลดน้ำหนักกับการฝังเข็ม
“อีกเรื่องที่คนไข้มาปรึกษาเยอะคือการลดสัดส่วน มีสัดส่วนเกิน ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน ต้นขา หรือที่หน้าท้อง การฝังเข็มก็มีจุดที่จะช่วยให้กระชับขึ้นและการทำงานในร่างกายมันดีขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อเราฝังเข็มเราจะมีการกระตุ้นไฟฟ้า ซี่งเป็นส่วนที่ทำให้มีการสลายของไขมันและทำให้หน้าที่ของอวัยวะโดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่มันหย่อยยาน ไม่สวยงาม จะกลับมาเฟิร์มขึ้น ซึ่งเป็นที่นิยมในการปรับส่วนเกินต่างๆ การฝังเข็มเดิมทีมันก็มีการกระตุ้นอยู่แล้ว เราก็ใช้การกระตุ้นด้วยมือ แต่เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาก็ใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าทำงานแทน”
“ที่ทำไปข้อเสียไม่มี เรื่องน้ำหนักมันจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ส่วนจะให้นำหนักลดลงมากน้อยขนาดไหนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหารด้วย เพราฉะนั้นเราก็จะแนะนำคนไข้ว่า หลังที่ได้รับการฝังเข็มไปแล้ว อาหารมื้อสำคัญที่ช่วยทำให้น้ำหนักมันยังคงที่หรือเพิ่มขึ้นก็คืออาหารมื้อเย็น เพราะฉะนั้นจะแนะนำให้คนไข้ออกกำลังกายและทานอาหารมื้อเย็นแบบเบาๆ บางรายอาจมีการกระตุ้นด้วยใช้เม็ดแม่เหล็กที่หู คือฝังเข็มด้วยแปะใช้เม็ดแม่เหล็กและไว้ เมื่อคนไข้มีอาการหิวก็บีบที่เม็ดแม่เหล็กนั้น เพื่อทำให้เบื่ออาหาร”
จีน…ตื่นตัวเรื่องนี้มาก !
“การฝังเข็มที่ประเทศจีนมีมานานกว่าห้าพันปีมาแล้ว ตอนนี้จะทำในลักษณะประยุกต์มากขึ้น เดิมทีเขาก็จะแบ่งแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบันแยกจากกัน แต่ขณะนี้หลายโรงพยาบาล จะมีทั้งการรักษาแบบแผนจีนและแผนปัจจุบันไว้ด้วยกัน เรียกว่าเป็น Integrated Hospital ก็จะมีการส่งคนไข้กัน เช่นรักษาแผนปัจจุบันไม่หาย ก็จะส่งไปแผนจีน แผนจีนไม่ได้ก็จะส่งไปแผนปัจจุบัน ด้วยในปัจจุบันนี้ความก้าวหน้าของการวินิจฉัยโรค ไม่ว่าจะเป็นระบบคอมพิวเตอร์ MRI ULTRASOUND หรือการตรวจพิเศษต่างๆ มีความแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ ประเทศจีนในปัจจุบัน กระบวนการตรวจรักษามีการประยุกต์มากขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ทำการรักษาตามชนิดของโรค ว่าโรคไหนควรใช้วิธีการใด อาจจะเป็นการให้ยา การทำกายภาพบำบัดรวมทั้งการฝังเข็มร่วมไปด้วย นอกจากนี้ที่จีนยังมีการประชุมกันทุกปีเพื่อปรับแผนการรักษา ปัจจุบันเขาใช้เครื่องมือที่ทันสมัยทางวิทยาศาสตร์วินิจฉัยโรคในประเทศไทย Acupuncture in modern medicine (การฝังเข็มโดยแพทย์แผนปัจจุบัน) ซึ่งก็คือการฝังเข็มร่วมในการรักษาปกตินั่นเอง สมาคมแพทย์ฝังเข็มไทย จะประสานงานกับทางประเทศจีน (ม.เซี่ยงไฮ้) โดยมี ม.หัวเฉียวช่วยประสานงานให้ มีการแลกเปลี่ยนทางด้านการรักษาพยาบาลและประชุมของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่องกัน ”
“ปัจจุบันศาสตร์ทางด้านนี้ได้ผลการตอบรับที่ดีมากทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกาหรือแม้แต่ที่ออสเตรเลีย จะเห็นว่ามีการ เปิดหลักสูตรไปทั่วโลก แพทย์ในต่างประเทศก็มุ่งที่จะไปศึกษายังประเทศจีนโดยตรงมากขึ้น ในกลุ่มยุโรปเป็นที่ยอมรับกันว่า การใช้ยาหรือสารเคมีต่างๆเ ขาไม่ค่อยเห็นด้วย การรักษาอะไรก็ตามที่ไม่มีสารเคมีในร่างกาย อย่างการฝังเข็ม เขาค่อนข้างจะชอบมาก หรืออย่างคนไทยในขณะนี้ ก็ชอบการรักษาด้วยการฝังเข็มด้วยเหตุผลเดียวกัน จึงช่วยลดปัญหาแทรกซ้อนจากการใช้ยาได้เป็นอย่างดี”
หลักการทำงานของคุณหมอ
“ผมเป็นแพทย์ยุคเก่า ไม่ค่อยมีหัวการค้า ใช้หลักที่ว่า คนไข้ทุกคนที่เรารักษาเปรียบเสมือนญาติ เพราะฉะนั้นเราต้องให้การรักษาที่ดีที่สุด ถ้าเราไม่เชี่ยวชาญในโรคนั้นๆจริงๆ เราก็ส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเรารักษาและตั้งใจให้เขาหายจริงๆ เขาก็อยากจะมาอีก เพราฉะนั้นเราต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงของโรคว่ามาจากอะไร ถ้ารักษาแล้วไม่ดีขึ้น แทนที่จะรักษาตะบี้ตะบันโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ต้องสร้างความเชื่อถือให้กับคนไข้ และควรรักษาคนไข้อย่างมีจรรยาบรรณตามหลักวิชา น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไข้เกิดความพึงพอใจ และน่าเชื่อถือบอกต่อๆ กันไป มีคนไข้มาจากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมากที่มารักษาด้วยการฝังเข็ม จากการที่เราลองเปรียบเทียบกับคนไข้ที่ให้ยาอย่างเดียวกับคนไข้ที่ให้ยาร่วมกับการฝังเข็ม พบว่าคุณภาพชีวิตของคนที่ใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันจะดีกว่า”
“การฝังเข็มเหมือนศาสตร์วิชาการประยุกต์ ซึ่งแต่ละคนจะมีสูตรต่างๆ กัน ผมมักจะสอนนักเรียนว่า มันเหมือนการปรุงอาหาร สมมุติว่าเราจะปรุงอาหารหรือแกงอะไรสักอย่าง ใครทำอร่อยหรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับวิธีการทั้งสิ้น ฝังเข็มก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นผลที่ได้อาจไม่เหมือนกัน ในส่วนของผม มักจะทำสองอย่างไปพร้อมๆ กัน คือ การรักษาบวกการบำรุงสุขภาพ คือเมื่อเขาหายเขาก็จะมีสดชื่นไปด้วย อีกทั้งตัวผมเองยังได้ทำหน้าที่แพทย์ตามเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าฯ เพื่อรักษาทางด้านศัลยกรรมประสาท ซึ่งถือว่าเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก”
ฝังเข็มบริเวณรอบดวงตา ศาสตร์ใหม่ที่กำลังมาเร็วๆ นี้
“เมื่อไม่นานมีนี้มีคนไข้รายหนึ่งกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากเป็นต้อหินที่ตา แต่ก็หนีมาหามาลองทำการฝังเข็ม พอฝังเข็มไปได้ระยะหนึ่ง อาการของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้น ความดันของลูกตาก็ลดลงจาก 80 เหลือ 30 ตอนนี้ผมจึงกำลังศึกษาว่าวิธีฝังเข็มกับการรักษาดวงตา สามารถรักษาได้ถาวรหรือไม่ อย่างไร เพราะต้อหินเป็นโรคที่น่ากลัวมาก ซึ่งขณะนี้ ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์จีน (China Medical University) มณฑลเหลียวหนิง เขาได้ศึกษาในคนไข้เป็นแสนๆ ราย โดยดูความผิดปกติที่เส้นเลือดตาเป็นหลักว่า แต่ละจุดเป็นจุดของอวัยวะใดบ้าง ซึ่งเขาได้นำเข้ามาสอนที่ประเทศไทยและเราก็ได้เข้าไปเรียน และศึกษาทางด้านนี้อย่างจริงจัง โดยเขาจะมีจุดต่างๆ เพื่อจำลองอวัยวะอยู่บริเวณรอบๆ ดวงตา ซึ่งในหลักสูตรนี้เรียกว่า การฝังเข็มบริเวณรอบดวงตา อันนี้เป็นของใหม่ที่สุดในการรักษาโรคด้วยการฝังเข็ม”
ฝากทิ้งท้ายถึงนักศึกษาแพทย์
“การรักษาคนไข้เป็นการรักษาแบบองค์รวม เพราะคนไข้อาจมีความหลากหลาย เพราะยีนส์ของแต่ละคนตอบสนองไม่เหมือนกันวิธีการที่จะไปถึงจุดมุ่งหมายก็มีหลากหลายเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องนำสิ่งที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแพทย์แผนปัจจุบันซึ่งเรามีความรู้อยู่แล้ว รวมทั้งแพทย์แผนจีนนำเข้ามาประยุกต์ให้เข้ากันอย่างเหมาะสมเพื่อทำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อคนไข้ คนไข้ที่หมดหนทางในการรักษาของกลุ่มโรคต่างๆ เราจะช่วยทำให้เขามีความสุขและมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น คนไข้ต้องไม่สิ้นเปลือง ไม่หลงงมงายที่จะใช้จ่ายในการรักษาตนเองและได้รับประโยชน์จากการรักษาอย่างสูงสุด อยากให้นำศาสตร์ในการรักษาด้วยการฝังเข็มไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร เสนอแนะหนทางต่างๆในการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งปัจจัยนั้นมีมากมายในการทำให้ผลการรักษามันต่างกันไป เราต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจ”
Doctor Profile
พล.อ.นพ.บุญเลิศ จันทราภาส
Education
- โรงเรียนเตรียมทหาร (รุ่นที่ 9)
- มหาวิทยาลัยมหิดล คุณวุฒิวิทยาศาสตร์บัณฑิต และ แพทย์ศาสตร์บัณฑิต
- หลักสูตร แพทย์ประจำบ้าน สาขาประสาทศัลยศาสตร์ วุฒิบัตรประสาทศัลยศาสตร์
- หลักสูตร ชั้นนายพัน เหล่าแพทย์รุ่นที่ 16
- หลักสูตร หลักประจำ รร.สธ.ทบ.สบส.ชุดที่ 61
- หลักสูตร ผู้เชี่ยวชาญ สาขาประสาทศัลยศาสตร์ ประกาศนียบัตรสาขาประสาทศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมินิโซต้า สหรัฐอเมริกา
- หลักสูตร แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว อนุมัติบัตรเวชศาสตร์ครอบครัว
- หลักสูตร การป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (วปรอ.) รุ่นที่ 4414
- หลักสูตร การฝังเข็มสำหรับแพทย์ทหาร รุ่นที่ 17
- อบรมเพิ่มเติม การฝังเข็มทางระบบประสาท สมองและไขสันหลัง
- อบรมเพิ่มเติม การฝังเข็มเสริมความงาม
- อบรมเพิ่มเติม การฝังเข็มรอบดวงตารักษาโรค
Status
- ประสาทศัลยแพทย์ รพ.วิภาวดี
- ศัลยแพทย์ผ่าตัดสมองและไขสันหลัง
- ผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็มแผนจีน
- อุปนายกสมาคมแพทย์ฝังเข็มและสมุนไพร แห่งประเทศไทย